พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์ กว่าจะเป็นนางเอก

โดย...นกขุนทอง-ชนิดาภา

กลายเป็นนางเอกที่สาวๆ หลายคนอิจฉา เพราะแค่เรื่องแรก “ตูน-พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์” ก็มีโอกาสเล่นประกบ 3 พระเอกมากฝีมือ ที่จัดว่าเป็นตัวพ่อของวงการบันเทิงไทยเลยเทียว ตั้งแต่ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” “ชาคริต แย้มนาม” และ “เรย์ แมคโดนัลด์” ในเรื่อง “โอ.ที. ผี โอเวอร์ไทม์” (O.T. ผี Overtime) ของค่ายไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น แต่กว่าที่เธอจะเดินมาถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย...

พลาดโอกาสมา 40 ครั้ง

ทำไมคนนี้โชคดีจังได้เป็นพระเอกนางเอก คนนี้โชคดีจังแคสติ้งงานครั้งแรกก็ได้แล้ว เป็นคำถามที่หลายร้อยพันคนถาม แต่มีสักกี่สิบคนถามกลับมาว่า ทำไมกว่าจะได้งานยากเย็นแบบนี้ และจะมีใครกี่คนมองเห็นคนส่งเสียงคำถามนี้บ้าง และถ้าเธอคนนี้เลิกถามเลิกทำ เธอจะไม่มีวันนี้

“เริ่มจากการแคสติ้งงานโฆษณา แรกๆ 40-50 ตัว ไม่ได้เลย ก็ไม่ถึงกับท้อนะคะ แต่เป็นอารมณ์ประมาณว่าเราเหนื่อยมากกว่า เหนื่อยกับการเดินทางไปแคสติ้ง เสียเวลา เรียนเสร็จก็ต้องไปแคสติ้งงาน (เมื่อ 2 ปีก่อน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาการออกแบบสื่อปฏิสัมพันธ์และมัลติมีเดีย) นั่งรถไปกับคุณแม่ บางทีสถานที่ที่ไปก็อยู่ในหมู่บ้านลึกๆ บางวันก็มีไปสองที่ คือ ตูนตั้งใจมาก เหนื่อยแต่ไม่ท้อ เพราะในใจเราก็ยังอยากแคสต์เพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้งาน เราก็ลองดูไปเรื่อยๆ ดูสิว่าจะได้สักตัวที่เท่าไหร่ แต่พอได้งานมาตัวหนึ่งปุ๊บ ก็จะได้มาเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อก่อนก็มีคนพูดกับตูนนะว่าอย่าไปเครียด เพราะถ้าได้มันจะได้ต่อเนื่อง”

ขี้อายคือเหตุผลทำให้ชวดงาน “ตูนเป็นคนขี้อาย พอเริ่มไปแคสต์จริงๆ หลังกล้องมีคนยืนดูเต็มไปหมด คนนู้นคนนี้กำลังยืนดูเราแอ็กติ้งอยู่ เราก็จะเขิน พอเราเขินเราก็จะทำได้ไม่ดี แต่ประสบการณ์เริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มดีขึ้น ถึงวันที่ได้ดีใจมาก โทรบอกทุกคนที่บ้าน เหมือนแบบตีไข่แตกแล้ว แต่ที่ผ่านๆ มาก็มีแต่งานโฆษณา งานแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เป็นงานใหญ่มากในชีวิต”

ฝ่าฟันหลายคน จนกลายเป็นนางเอกหนัง โอ.ที. ผี โอเวอร์ไทม์ รับบท “ตาล” อดีตสาวน้อยช่างฝัน ดาวมหาวิทยาลัยตอนปี 1 ที่ชีวิตเคยสดใส เรียบร้อย แต่ดันตกมาอยู่ในเกมหักเหลี่ยมของแฟนหนุ่มกับรุ่นพี่ เพราะความไร้เดียงสาของเธอ จนทำให้เเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เก็บกดเพราะถูกทำร้ายจิตใจจากผู้ชายที่รัก

“พี่ทอม (อิสรา นาดี) ผู้กำกับ เคยบอกตูนว่า ที่พี่ทอมเลือกตูน เพราะว่าคาแร็กเตอร์เราตรงกับคาแร็กเตอร์ตัวละครที่เขากำลังหาอยู่ คือเป็นผู้หญิงที่ในแววตาดูมีอะไร ภายนอกดูเป็นผู้หญิงอ่อนโยน น่าสงสาร แต่ในแววตาเรานอกจากความอ่อนโยนแล้ว มันก็เหมือนมีแฝงอะไรลึกๆ ในใจ ซึ่งตูนก็คิดว่าบทใกล้กับตัวเรานะคะ คนอื่นจะชอบมองว่าตูนเรียบร้อย นิ่งๆ อย่างเวลาอยู่ในกองตอนแรกๆ ก็ไม่มีใครกล้าเล่นกับตูน แต่พอเข้ามาเล่นกับตูนแล้ว ทุกคนจะ เฮ้ย... ทำไมตูนร้ายจัง (หัวเราะ)” 

ประสบการณ์ประกบ 3 พระเอก

สร้างความกดดันให้นางเอกป้ายแดงไม่ใช่น้อย เมื่อต้องร่วมงานเข้าฉากกับพระเอกที่จัดว่าขั้นเทพทั้งชื่อเสียงและฝีมือการแสดง แต่อาศัยความน่ารัก อ่อนน้อม ขอวิชา จนพระเอกรุ่นพี่เต็มใจติวเข้ม

“ต้องปรับตัวเยอะค่ะ อย่างช่วงแรกที่ไปถ่าย ช็อตแรกเลยเข้าซีนกับพี่อนันดา ด้วยความที่เป็นพี่อนันดา ตูนก็เกร็งอยู่แล้วส่วนตัวตื่นเต้นมากกกก (ลากเสียงยาว) พี่เขาเป็นซูเปอร์สตาร์สำหรับเรา แต่โชคดีที่พี่เขาเข้ามาทำความคุ้นเคย เล่นกับเราจนเรารู้สึกเป็นกันเอง อย่างแรกที่พี่ๆ มีเลยคือความเฟรนลี่เป็นกันเอง อย่างเวลาเราไปถ่ายทำมีคนในพื้นที่มาขอถ่ายรูปกับพี่ๆ เขาก็จะสบายๆ ไม่ได้เข้าถึงยากขนาดนั้น มีความเป็นกันเองสูง”

เธอกล่าวถึงอนันดาอีกว่า ตอนที่ตูนเล่นหนังก็มีละคร (ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ช่อง 7) ที่ต้องทำควบคู่กัน อนันดาจะคอยแนะนำตลอด “จะมีคุยกับเราว่า หนังต้องเล่นอย่างนี้ ถ้าเป็นละครเขาก็จะต้องการอีกอย่างหนึ่ง ก็เหมือนคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน พี่อนันดาเล่าว่าเขาต้องปรับการแสดงยังไง ระหว่างที่เขาเจอมาสองอย่างนี้ อย่างละครสำหรับพี่อนันดาเขาก็จะเล่นยาก เพราะเขาจะถนัดภาพยนตร์มากกว่า ถ้าเป็นละคร ตูนก็ต้องจำบล็อกกิ้ง ถ้าเป็นหนังเราเล่นเป็นตัวเอง เล่นเป็นธรรมชาติ กล้องจะตามเราเอง”

ด้านพระเอก เรย์ แมคโดนัลด์ เธอบอกว่า เวลาซ้อมก็เล่นจริง เล่นเต็ม “ตอนแรกเราคิดว่าซ้อม ก็เบาๆ ไปก่อน แล้วเดี๋ยวจริงๆ เราค่อยมาใส่เต็มที่จริงๆ แต่การทำงานกับทีมนี้ พี่ทอมจะชอบให้เวลาซ้อมให้มาเต็มเลย เพื่อที่ว่าเราจะได้ดูรู้ว่าประมาณไหน แล้วเราต้องปรับอะไรบ้าง อย่างถ้าเป็นซีนอารมณ์คือเหมือนเป็นการเตรียมอารมณ์แล้วมีคนมาช่วยเราเตรียมด้วย มันยิ่งทำให้เราคีพอารมณ์ตรงนั้น

ช็อตที่เราถ่ายจริงๆ มันก็ปริ่มมาตั้งแต่เราซ้อมแล้ว พอเอาจริงปุ๊บมันก็ยิ่งออกเยอะเข้าไปอีก ทำให้ฉากที่เป็นดราม่ามันก็โฟลว์มากขึ้น อย่างเช่นเวลาที่พี่เรย์จะดราม่า เขาก็เหมือนมีมุมส่วนตัวเล็กๆ พยายามทำความเข้าใจ พยายามถามให้สิ่งที่พี่ทอมต้องการว่า แบบซีนนี้เป็นอย่างนั้นนะ ผมอย่างนี้ได้ไหม ซึ่งตอนแรกๆ ตูนก็กลัวที่จะถามนะ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ดีมากเลยกับการที่เราต้องถามผู้กำกับว่าอยากได้ประมาณไหน เราจะได้วางออกว่าเราจะแสดงออกไปในแนวทางไหน ซี่งก็ได้พี่เรย์เป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ”

มาถึงพระเอกชาคริต แย้มนาม แม้จะเข้าฉากด้วยกันน้อย แต่รังสีพระเอกก็ทำเอาน้องใหม่เกร็งสุดๆ “มีซีนหนึ่งที่ต้องเข้าฉากกับพี่คริต พี่อนันดา พี่เรย์ แล้วก็เป็นซีนดราม่าอีกแล้ว คือตูนจะเจอดราม่าบ่อย พี่คริตก็บอกว่าอย่าไปกังวลนะ ปล่อยสบายๆ ไป ไม่เป็นไร แล้วก็มีบอกเรา เดี๋ยวประโยคนี้มาจับพี่นะ เดี๋ยวพี่จะเอามือมาแตะๆ เราสองทีอะไรอย่างนี้ มีเตี๊ยมกันไว้ก่อน เพราะบางทีตูนมีกังวลเกี่ยวกับอารมณ์แล้วก็บท ตูนก็จะลืม เทกแรกเราทำแบบนี้  เทกที่สองเราก็ทำแบบนี้ เพื่อจะได้ต่อเนื่องกัน”

ขอเป็นนางเอกนานๆ ได้ไหม

เล่นหนังเรื่องแรกก็ได้เป็นนางเอก แต่ตูนก็ไม่ประมาท เพราะการแสดงไม่ได้ง่าย ยิ่งการแสดงออกมาแล้วให้คนเชื่อและชื่นชมในฝีมือการแสดงนั้นยิ่งสำคัญ เพราะจะเป็นตัวชี้วัดอนาคตในวงการบันเทิงของเธอ

“บทนี้มันยากตรงที่ว่า ภายนอกเขาจะดูเป็นคนที่สดใสร่าเริง เป็นสาวหวาน ธรรมดา แต่พอมีแฟน แล้วเริ่มเข้ามาอยู่ในแผนของพี่ๆ ทั้งสามคน เหมือนจะทำให้เราในคาแรกเตอร์กลายเป็นคนนิ่งๆ แต่ในความนิ่งของเราภายในใจก็จะมีอะไรคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางทีพอเริ่มเรื่องไปนานๆ แล้ว การที่เราแสดงออกน้อย แต่ข้างในมันคิดอะไรแล้วมันต้องสื่อออกมาทางแววตา ค่อนข้างยากมากๆ

บทมีดราม่าเยอะ พี่ทอมก็จะคอมเมนต์ว่าอยากให้เราเล่นลึกกว่านี้ ให้เรารู้สึกจริงๆ แล้วก็แสดงออกมา เพราะบางทีเราแสดงออกมาร้อย แต่มันมองออกว่าข้างในเรารู้สึกแค่นิดเดียว ซึ่งตรงนี้พี่ทอมก็คอยเตือนตูนตลอดว่าข้างในต้องมาก่อน อย่าออกมาโดยที่ข้างในไม่มี ซึ่งพี่ทอมก็แนะนำแล้วก็ให้กำลังใจตูนตลอด มีนะช่วงที่ตูนแบบ เฮ้ย เราทำได้ไม่ดีหรือเปล่า พี่ทอมก็บอกว่าให้มั่นใจ พี่เลือกตูนมาเพราะพี่ต้องเห็นอะไรในตัวตูนแล้วแหละ ปัญหาสำคัญของเราคือเราเกร็ง แล้วเราก็กลัวว่าเราจะร้องไม่ได้ พอเราเกิดความกลัวไปซะแล้ว มันก็เป็นอุปสรรคทำให้เราไปไม่ถึงจุดนั้น พอได้คุยกับหลายๆ คน และมีแอ็กติ้งโค้ชที่ดีด้วย ก็เลยพาให้เราผ่านจุดๆ นี้ไปได้”

ในบทยากนั้นก็มีข้อดี เธอเล่าให้ฟังว่า ผู้กำกับหนังเรื่องนี้บอกเธอว่า ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไปทำงานที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้ว “มันจะง่ายขึ้นสำหรับเรา ดีแล้วมาเรื่องแรก เจอยากๆ ไปเลย”

ในวันที่ 23 ต.ค. ภาพยนตร์ “โอ.ที. ผี โอเวอร์ไทม์” มีกำหนดฉาย ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เธอก็เตรียมใจไว้แล้ว “เต็มที่สำหรับตูนแล้วแหละตูนว่าสำหรับคนดูก็ต้องมีบ้างแหละที่เราต้องพัฒนา ซึ่งตูนก็พร้อมรับคำติชมนะคะ เพราะเป็นเรื่องแรก แล้วก็ไม่หวังหรอกว่ามันจะออกมาเพอร์เฟ็กต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็เตรียมใจไว้ว่ามันอาจจะมีคนชอบคนไม่ชอบ แต่สำหรับเรา ณ วันที่เราทำงานเราก็พยายามทำให้มันเต็มที่ไว้ก่อนแหละ อย่างน้อยเราก็จะได้ไม่มานอยด์ตัวเองว่าเรายังทำไม่เต็มที่เลย”

จบจากงานภาพยนตร์เธอยังมีละครอีกเรื่องทางช่อง 7 สี ซึ่งจัดว่าเส้นทางในบทบาทนักแสดงกำลังไปได้สวย “ตูนว่าคนที่จะอยู่ในวงการบันเทิงแล้วจะอยู่ไปได้นานๆ เลย หนึ่งคือวินัยในการทำงาน  ความสามารถของเรา ซึ่งตรงนี้ตูนก็จะพยายามเน้น คืออย่างแรกเนี่ยเป็นความสามารถก่อน ถ้าสมมติเราเล่นได้ทุกบทบาทแล้วเรามีความสามารถในการแสดงจริงๆ เพราะนักแสดงก็บอกอยู่แล้วว่าเราขายการแสดง อย่างตอนนี้ก็มีเรียนแอ็กติ้งเรื่อยๆ เพื่อที่เราจะได้เข้าถึงการแสดงแล้วก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างที่สองการทำงานเราก็ต้องเจอคน เจอรุ่นพี่ เราก็จะรู้ว่าคนที่มีชื่อเสียงอยู่ในวงการได้นานๆ เนี่ยมาจากระเบียบวินัยในการทำงานจริงๆ ต้องซ้อมต้องท่องบทไปก่อน ต้องมีการเตรียมตัว อยู่ในกองทำให้เต็มที่”

ตูนมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักแสดง จนวันนี้เมื่อเธอมีโอกาสได้เป็นนางเอกหนังแล้ว เธอจะทำทุกๆ วันที่มีโอกาสอยู่ในวงการบันเทิงนี้ให้ดีที่สุด