สตาร์ทอัพไม่ยากแต่ไม่ง่าย

ใครๆ ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยุคไฮเทคที่ชำนาญเรื่องไอที โอกาส ดีกว่าคนอื่นหลายเท่า หากไอเดียดีมีโอกาสทำบริษัทเทคโนโลยีประเภทบริษัทเกิดใหม่ (สตาร์ทอัพ) ได้ ถ้าผลงานเตะตานักลงทุน อาจมีผู้สนใจควักกระเป๋า ร่วมหุ้นด้วย

ในเมืองไทยเริ่มสนับสนุน สตาร์ทอัพ แพร่หลายโดยเฉพาะจากผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ที่จัดประกวดประชันคึกคัก คั้นเอาสตาร์ทอัพที่เจ๋งสุดมาปั้นต่อ อาจให้ทุนรอนไปต่อยอดแอพพลิเคชั่นใหม่ออกมาใช้งาน ซึ่งการก้าวมาถึงจุดนั้น ได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปหากตั้งใจตอนdtacประกาศผลสตาร์ทอัพ 5ทีมสุดท้ายที่เข้าร่วมโครงการdtac Accelerateปี2557ได้คุยกับสตาร์ทอัพหลายคนถึงบันไดสู่ความสำเร็จที่ใครๆ อยากจะไปให้ถึง คงไม่สายไปที่จะเอามาแชร์

กิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทAnywhere 2 Goผู้ผลิตแอพClaim Diเคลมประกันรถยนต์ด้วยตัวเอง บอกว่า เลือกทำ แอพพลิเคชั่นต่อยอดจากเรื่องเดิมที่มีประสบการณ์ทำมาก่อน ปัญหาส่วนใหญ่ ของคนทำสตาร์ทอัพไม่ประสบความสำเร็จ คือ ไม่มีประสบการณ์ในตลาด เกี่ยวกับเนื้อหาสตาร์ทอัพที่ทำ มีเพียงความคิดที่ตัวเองคิดว่าดีแล้วลงมือ ทำทันที ซึ่งน้อยคนจะโชคดีประสบความสำเร็จ ทางที่ดีนอกจากมีไอเดีย ต้องศึกษาตลาดเรื่องที่จะทำให้เข้าใจถ่องแท้ด้วย

ขณะที่ จักริน พิภพกุลพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัทfastinflowผู้ผลิตแอพวิจัยสำรวจข้อมูลตลาดfastinflowและTikkoเคยมีประสบการณ์ทำวิจัยตลาดอยู่แล้ว เลือกทำแอพเรื่องที่ตัวเองคุ้นเคย มีมุมมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการทำสตาร์ทอัพ คือ เปิดหู เปิดตาและเปิดใจ ทำให้เร็วที่สุด อย่าใช้เวลาศึกษานานเกินไปจะทำสินค้าออกมาไม่ทันคู่แข่ง อาจปล่อยสินค้าออกมาทดสอบตลาดก่อน จากนั้นค่อยๆ ปรับปรุงให้ตรงความต้องการมากขึ้น

ด้าน สุพิชญา สูรพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทNeversitupผู้ผลิตแอพบริหารจัดการบัตรเครดิตPiggipoเก็บประสบการณ์ในชีวิตประจำวันจากปัญหายอดฮิตที่คนรอบตัวเผชิญ คือ เป็นหนี้ เป็น แรงผลักดันสร้างแอพพลิเคชั่นหาทางแก้ปัญหาเสนอว่า ความตั้งใจจะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดสตาร์ทอัพ ตั้งใจแล้วต้องพยายามทำจริงด้วย ปัญหาของคนส่วนใหญ่คือ มักบอกว่าอยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้พยายามทำจริง สิ่งที่หวังจึงไม่เกิด โดยส่วนตัว ก็ตัดสินใจเดินหน้าทำแอพนี้ตั้งแต่เรียนจบโดยไม่สมัครงานอะไร เพราะต้องการทำให้สำเร็จและมองว่าทำเต็มเวลามีโอกาสสำเร็จมากกว่าทำงานประจำแล้วเอาเวลาว่างมาทำ

หากมีไอเดียแล้ว เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมพร้อม หยิบเรื่องที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว หรือถ้าไม่มีก็ศึกษาให้ดี แล้วลงมือทำ เผื่อจะรวยได้ด้วยสตาร์ทอัพ ใครจะรู้อนาคตคุณอาจกลายเป็นมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก หรือ สตีฟ จ็อบส์ เมืองไทยก็ได้