แสตมป์พระรูป ร.9 ระดับเหรียญทองของ หมอโป้ง นพ.อุกฤษฎ์ อุเทนสุต
ในประเทศไทยมีนักสะสมแสตมป์ตัวยงไม่กี่คนที่สะสมแสตมป์พระบรมสาทิสลักษณ์
โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
ในประเทศไทยมีนักสะสมแสตมป์ตัวยงไม่กี่คนที่สะสมแสตมป์พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 หรือที่นักสะสมเรียกว่า “แสตมป์พระรูป ร.9” หนึ่งในนั้นคือ “หมอโป้ง” นพ.อุกฤษฏ์ อุเทนสุต แพทย์ชำนาญการพิเศษหัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ กรุงเทพมหานคร
โดยแสตมป์ในหลวงที่คุณหมอเก็บสะสมนั้นมีครบทุกชุดตั้งแต่ชุดที่ 1 ไปจนถึงชุดที่ 10 ซึ่งเป็นชุดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ยังรวมถึงปรู๊ฟแสตมป์ตลก และแสตมป์ที่ใช้งานจริงบนซองจดหมายแบบต่างๆ ซึ่งการันตีรางวัลเหรียญทอง 3 ครั้ง จากการส่งประกวดแสตมป์ระดับโลกทั้งในต่างประเทศและไทย มินับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
จุดเริ่มต้นของการสะสม
หมอโป้ง เล่าที่มาของการสะสมว่า เกิดจากการที่คุณพ่อคุณแม่พาไปเดินเที่ยวชมในงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ ประจำปี 2528 แม้ตอนนั้นยังเด็กแต่ก็สัมผัสรับรู้ได้ถึงความรู้สึกข้างใน ทันทีที่เห็นแสตมป์ที่มีการนำมาแสดงในวันนั้น กลับเกิดความชอบขึ้นมาจึงคิดเก็บสะสมตั้งแต่วันนั้น โดยเริ่มจากการสะสมแสตมป์ทั่วๆ ไป ก่อนที่ต่อมาจะหันมาสะสมแสตมป์ในหลวงจนถึงปัจจุบัน
“ผมรู้จักแสตมป์และเริ่มสะสมวันแรก คือ วันที่ 4 ส.ค. 2528 ซึ่งตรงกับวันงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ ปี 2528 พอดี (จำแม่นเพราะผมบันทึกไว้) วันนั้นคุณพ่อคุณแม่ท่านพาผมไปงานนี้ เด็กอย่างผมเห็นแสตมป์แล้ว ยังมองว่าสวยเลย จึงไม่แปลกใจที่มีคนสะสมแสตมป์ วันนั้นผมเห็นแล้วถูกใจก็มองถึงการสะสมตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ช่วงแรกผมสะสมแสตมป์ทั่วไป ไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นแสตมป์อะไรพิเศษ แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อผมโตขึ้น ก็รู้สึกว่าอยากเก็บแสตมป์ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้ มานั่งนึกดูก็พบว่าแสตมป์เกี่ยวกับในหลวงชัดเจนที่สุด ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็นพระประมุขของประเทศนอกจากประเทศไทย ประกอบกับครอบครัวผมก็เทิดทูนศรัทธาในพระองค์อยู่แล้ว จึงหันมาสะสมแสตมป์ในหลวงในเวลาต่อมาถึงวันนี้”
เปลี่ยนมาเก็บแสตมป์ในหลวง
คุณหมอ เล่าต่อว่า พอตั้งใจจะเก็บสะสมแสตมป์ในหลวง รัชกาลที่ 9 อย่างเดียว จึงหาความรู้เกี่ยวกับการเก็บสะสมที่ถูกต้องตามแบบสากลที่นักสะสมทั่วโลกปฏิบัติกัน ซึ่งโชคดีที่มีโอกาสได้รู้จักและแลกเปลี่ยนความรู้กับนักสะสมรุ่นพี่หลายคน จนได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำในช่วงแรกๆ ของการสะสมนั้นเป็นสิ่งไม่พึงกระทำ
“ช่วงแรกของการเก็บสะสมใหม่ๆ ผมตัดแสตมป์ออกจากซองและนำไปแช่น้ำ ผึ่งแดด ซึ่งวิธีการนี้มารู้ในเวลาต่อมาจากนักสะสมรุ่นพี่ว่าไม่พึงกระทำ หลายๆ ท่านได้พยายามถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการสะสมในแบบสากลที่นักสะสมทั่วโลกทำกัน ทำให้รู้สึกว่าการสะสมแสตมป์ในแบบผมที่ผ่านมาเป็นเพียงการเก็บแบบผิวเผิน และการตัดแสตมป์ออกจากซองจดหมายเพื่อนำมาแช่น้ำล้างกาวแล้วนำมาเก็บใส่เมาท์ที่ผมเคยทำมาตลอด ถือเป็นการทำลายคุณค่าของแสตมป์โดยสิ้นเชิง เนื่องจากแสตมป์ที่อยู่บนซองจะมีทั้งที่อยู่ที่ต้นทาง วันที่ที่มีการประทับตราเพื่อส่งจดหมาย รวมไปถึงตราประทับต่างๆ ที่ซองจดหมายนั้นๆ ได้ผ่านไปตามเมืองหรือตามประเทศต่างๆ ซึ่งทำให้เราได้ทราบถึงเส้นทางการคมนาคมในแบบต่างๆ ในสมัยนั้นๆ จากนั้นก็ไม่เคยทำอีกเลย” คุณหมอนักสะสมเล่าถึงการสะสมช่วงแรก
นักสะสมจริงต้องรู้จริง
พอหันสะสมแสตมป์ในหลวง หมอโป้งมีความมุ่งมั่นแรงกล้า พยายามค้นคว้าหาความรู้ทุกอย่างทุกแง่มุมเกี่ยวกับแสตมป์ ทุกชุด เก็บทุกรายละเอียด เช่น เกี่ยวกับกระบวนการผลิตแสตมป์ทุกขั้นตอน เป็นต้นว่า แต่ละชุดพิมพ์กี่ครั้ง มีกี่ราคา มีสีอะไรบ้าง รวมถึงแสตมป์ตลกที่เกิดขึ้นจากความคลาดเคลื่อนในการขั้นตอนพิมพ์ และการส่งเข้าประกวด เป็นต้น
คุณหมอ เล่าว่า ข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวมาเป็นเรื่องที่นักสะสมที่แท้จริงจะต้องรู้อยู่แล้ว โดยเฉพาะนักสะสมที่มีความคิดจะส่งแสตมป์เข้าประกวด เพราะว่าแสตมป์ที่ส่งประกวดนอกจากอายุของแสตมป์จะเก่าแก่สภาพดีเยี่ยมแล้วจะต้องมีข้อมูลอธิบายให้คนได้รู้เกี่ยวกับแสตมป์นั้นๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด
“ยกตัวอย่างแสตมป์พระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 9 ชุดที่ 3 ในขั้นตอนการพิมพ์ ทางกรมไปรษณีย์โทรเลขได้จัดให้แต่ละบริษัทออกแบบแสตมป์และส่งแบบเข้าประมูล ขั้นตอนแรกบริษัทต่างๆ ก็จะออกแบบที่เป็นการวาดด้วยมือ อาจวาดลงบนกระดาษขนาดใหญ่ก่อนจะนำไปย่อขนาดให้ทำแสตมป์จริง ขั้นตอนที่ 2 จะมีปรู๊ฟทดลองพิมพ์แสตมป์ที่ออกแบบในตอนแรก โดยชิ้นงานที่พิมพ์ออกมานี้เรียกว่า Essay ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับแสตมป์ที่จำหน่ายจริงก็ได้
ทั้งนี้ มีหลักฐานยืนยันว่า มีอย่างน้อย 3 บริษัทที่ได้ส่งแบบ Essay เข้ามาประมูลในสมัยนั้นคือ บริษัท โทมัส เดอ ลา รู บริษัท คูร์วัวซิเออร์ และโรงพิมพ์ของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขให้เป็นผู้พิมพ์แสตมป์ชุดนี้คือ บริษัท โทมัส เดอ ลา รู เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้เราต้องรู้ และผมเองมีปรุ๊ฟนี้ด้วย ซึ่งเวลาที่ไปรษณีย์จัดงานแสดงตราไปรษณียากรก็จะขอยืมจากผมไปแสดง”
ส่งเข้าประกวด
ในปี พ.ศ. 2547 หลังจากสะสมแสตมป์มาเป็นเวลา 19 ปี หมอโป้งได้ตัดสินใจนำแสตมป์ที่สะสมมาจัดเป็นอัลบั้มชีทเพื่อส่งประกวดในงานแสดงแสตมป์เป็นครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียตามที่นักสะสมรุ่นพี่ได้ให้คำแนะนำ ปรากฏได้รับเหรียญนาก คะแนนที่ได้ประมาณ 80-84 คะแนน
“ครั้งนั้นผมประกวดแสตมป์แบบดั้งเดิม (Traditional philately) ใช้แสตมป์พระรูปรัชกาลที่ 9 ชุดที่ 14 ประกวด (ผมมีทุกชุด) ผลการประกวดได้รับรางวัลเหรียญนากเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้รับมากกว่ารางวัลคือ ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมในการจัดแสตมป์เข้าประกวดในงานระดับนานาชาติ ทำให้ได้ทราบถึงกฎ กติกาต่างๆ ตลอดจนได้เห็นถึงการเก็บสะสมแสตมป์ของนักสะสมระดับโลกอย่างที่ไม่คิดมาก่อน
และนั่นคือแรงบันดาลใจให้ผมพัฒนาชุดสะสมนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งแก้ไข ปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอ และหาข้อมูลเกี่ยวกับแสตมป์พระรูปรัชกาลที่ 9 ชุดที่ 14 ตามที่คณะกรรมการได้ให้คำแนะนำ จนมาประสบความสำเร็จได้รับรางวัลเหรียญทอง (คะแนน 90-94) ในการประกวดทั้งในระดับเอเชียและระดับโลกในปี 2556 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ได้รับเหรียญทองใหญ่ (คะแนน 95-100) แต่รู้สึกภูมิใจมาก อย่างน้อยที่สุดก็สามารถปรับปรุงชุดสะสมเกี่ยวกับแสตมป์จนได้รับเหรียญทอง และทำให้แสตมป์ของประเทศไทยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นที่ยอมรับของกรรมการในระดับสากลทั่วโลกได้”
หมอโป้ง เล่าต่อว่า ชุดสะสมนี้อาจไม่ได้เป็นชุดสะสมที่ดีที่สุดในโลก และไม่ได้เป็นชุดสะสมของไทยชุดแรกที่ได้รับเหรียญทอง เพราะยังมีอีกหลายคนที่เป็นคนไทยและได้รับรางวัลถึงเหรียญทองใหญ่ หรือแม้แต่รางวัลระดับเกียรติยศแชมเปี้ยนชิพคือ เหรียญทองใหญ่ 3 ปีซ้อน ซึ่งจะเป็นแสตมป์รัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 8 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสิ้น
“สำหรับชุดสะสมของผมจัดอยู่ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นชุดสะสมเดียวในโลกที่นำเสนอแสตมป์พระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ 9 ชุดที่ 14 และถูกบันทึกไว้ว่าได้รับเหรียญทองในงานประกวดแสตมป์ในระดับโลก”
แสตมป์พระรูป ร.9 ที่คนไทยควรรู้
คุณหมอนักสะสมให้ข้อมูลเกี่ยวกับแสตมป์พระรูป ร.9 ว่า ได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นครั้งแรกในปี 2490 โดยกรมไปรษณีย์โทรเลข (ในสมัยนั้น) หลังจากที่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2489 ถึงวันนี้ประเทศไทยได้พิมพ์แสตมป์รัชกาลที่ 9 ซึ่งจัดเป็นแสตมป์ประเภทแสตมป์ใช้งานทั่วไป คือมีการพิมพ์เพิ่มเป็นระยะตามปริมาณและราคาบนดวงแสตมป์ที่มีการใช้จริง มีทั้งหมด 10 ชุด เป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 67 ปี
“บางราคาที่มีการใช้จำนวนมาก ก็จะมีการพิมพ์เพิ่มหลายครั้ง บางราคาใช้น้อยก็จะมีการพิมพ์เพียงแค่ครั้งเดียว เช่น แสตมป์ชุดที่ 9 ราคา 2 บาท มีการพิมพ์ทั้งหมด 10 ครั้ง โดยแต่ละครั้งของการพิมพ์จะมีเลข 9 ไทย อยู่ในวงกลม ซึ่งจะพิมพ์ที่ขอบกระดาษมุมขวาล่างของแสตมป์เต็มแผ่น ถ้ามีเลข 9 ทั้งหมด 5 วง แสดงว่าพิมพ์ครั้งที่ 5 เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เสน่ห์และความท้าทายในการสะสมแสตมป์เหล่านี้คือ สมัยแรกเริ่มที่มีการพิมพ์แสตมป์ทั่วไปออกมาใช้งานมีนักสะสมชาวไทยจำนวนน้อยมากที่เก็บสะสมแสตมป์ดังกล่าว อีกทั้งข้อมูลข่าวสารในการพิมพ์แสตมป์สมัยก่อนยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ทำให้ค้นคว้าหาข้อมูลได้ยากมาก ประกอบกับราคาในดวงแสตมป์บางดวงในชุดมีราคาสูงมาก เช่น ดวงละ 20 บาท ในสมัย 67 ปีที่แล้ว ถือว่ามีราคาแพงมาก ทำให้คนในสมัยนั้นไม่ได้ซื้อดวงที่ยังไม่ได้ใช้งานมาเก็บสะสม จะมีก็แต่ดวงที่ใช้งานจริงเท่านั้น ทำให้แสตมป์ชุดแรกๆ ที่ยังไม่ได้ใช้มีราคาที่สูงมากในปัจจุบัน”
ปัจจุบัน นอกจากคุณหมอจะรักษาคนไข้แล้วยังใช้เวลาว่างในการเขียนหนังสือเกี่ยวกับแสตมป์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วย โดยให้เหตุผลว่า ตอนที่เก็บสะสมนั้นหาข้อมูลยากมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีคนเขียนหนังสือแสตมป์ ทำให้เกิดอุปสรรคในการค้นคว้าหาข้อมูล ดังนั้นพอมีความรู้จาการเก็บสะสมจึงต้องการแบ่งปันความรู้ให้กับคนอื่นที่สนใจ และเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ก็มีความสำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง
หมายเหตุ : หากสำนักพิมพ์ใดสนใจจัดพิมพ์หนังสือแสตมป์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งตอนนี้คุณหมอเขียนต้นฉบับเสร็จแล้ว 1 เล่ม สามารถติดต่อไปที่คุณหมอโดยตรง


