ทีมเวิร์ก+ฟิต...ลุ้นพิชิตเหรียญประวัตศาสตร์

โดย...เด็กสวนฯ

“ตราบใดที่ยังไม่ได้แชมป์ฟุตบอลเอเชียนเกมส์ ก็อย่าได้หวังไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก”

ประโยคดังกล่าวออกจากปากของ “บิ๊กกาเซ็ม” เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชายไทย ชุดลุยศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค.นี้ ซึ่งทำเอาหลายคนออกอาการหมั่นไส้อยู่บ้าง ที่คุยโวถึงขนาดนั้น สงสัยจะประมาทคู่แข่งแหงเลย

แต่จากการได้คุยกันก็พอจะรู้เหตุผลของผู้จัดการ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดนี้ ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้ขี้โม้โอ้อวด แต่อยากให้มองเป้าหมายสูงๆ ไว้ก่อน เพื่อสอดคล้องกับท่านผู้นำของเมืองไทยยุคนี้อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บอกให้ทีมชาติไทยตั้งเป้าเหรียญทองใน “อินชอนเกมส์” ไว้เยอะๆ จะตั้งทำไมแค่ 10 กว่าเหรียญทอง ตั้งไปเลย 20 เหรียญทอง ถ้าไม่ได้ค่อยมาว่ากัน

“ที่ผมเคยบอกว่าเป้าหมายต้องเหรียญทอง เป็นเพราะต้องการตั้งเป้าให้สูงสุด หากบอกว่า 4 ทีมสุดท้าย มันก็ซ้ำซาก เพราะเคยทำได้มาแล้ว โดยเข้าชิงอันดับ 3 แต่แพ้ ทำให้ทีมไทยยังไม่เคยสัมผัสเหรียญเอเชียนเกมส์เลย” เกษม กล่าว

นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า ฟุตบอลในกีฬาเอเชียนเกมส์ก็เปรียบเสมือนการทดลองนักเตะที่จะก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ในอนาคต เพื่อร่วมเตะคัดเลือกศึกเวิลด์คัพนั่นเอง

 

โชคดีตั้งแต่จับสลาก...อยู่กลุ่มอ่อน

ทีมชาติไทยที่มีนักเตะ 20 คน ประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กัปตันทีม, ชนินทร์ แซ่เอียะ, สุริยา สิงห์มุ้ย, สราวุธ กัลยาณบัณฑิต, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, นูรูล ศรียานเก็ม, ชาริล ชัปปุยส์, นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม, ชนาธิป สรงกระสินธุ์, อดิศร พรหมรักษ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, ชนานันท์ ป้อมบุบผา, วสันต์ ฮมแสน, ชิติพัทธ์ แทนกลาง, อดิศักดิ์ ไกรษร, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, สารัช อยู่เย็น, ภิญโญ อินพินิจ และ ปกเกล้า อนันต์ ถือว่าโชคดีสุดๆ ในรอบแรก เนื่องจากผลการจับสลากแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลชายเอเชียนเกมส์ ออกมาดังนี้

กลุ่มเอ - เกาหลีใต้ (อันดับ 3), มาเลเซีย, ซาอุดิอาระเบีย, ลาว

กลุ่มบี - อุซเบกิสถาน, ฮ่องกง,บังกลาเทศ, อัฟกานิสถาน

กลุ่มซี - โอมาน, ปาเลสไตน์, สิงคโปร์, ทาจิกิสถาน

กลุ่มดี - ญี่ปุ่น (แชมป์เก่า), คูเวต, อิรัก, เนปาล

กลุ่มอี - ไทย, มัลดีฟส์, ติมอร์ เลสเต, อินโดนีเซีย

กลุ่มเอฟ - เกาหลีเหนือ, จีน, ปากีสถาน

กลุ่มจี - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (รองแชมป์เก่า), จอร์แดน, อินเดีย

กลุ่มเอช - อิหร่าน, เวียดนาม,คีร์กีซสถาน

 

ฟุตบอลเป็นกีฬาใหญ่และมีทีมเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้ต้องทำการแข่งขันก่อนกีฬาชนิดอื่น รวมทั้งก่อนที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ก.ย.นี้

โปรแกรมของแข้งชายไทยนั้น จะพบกับ มัลดีฟส์ วันที่ 15 ก.ย., ติมอร์ เลสเต วันที่ 18 ก.ย. และ อินโดนีเซีย วันที่ 22 ก.ย. ซึ่งดูแล้วโอกาสเข้ารอบ 2 ค่อนข้างสดใส และถ้าเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ ก็ถือว่าแค่เท่าทุนเท่านั้น เพราะในรอบแรกยังไม่มีคู่แข่งระดับ “บิ๊กเนม” แต่อย่างใด

ความพร้อมทีมมั่นใจอันดับ 1 กลุ่ม

ทีมบอลชายไทยที่เคยทำผลงานดีที่สุดในเอเชียนเกมส์ ด้วยอันดับ 4 ปี 1990 (ที่จีน) และ 1998 (ในไทย) ออกเดินทางสู่เมืองอินชอน ตั้งแต่คืนวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อไปเตรียมความพร้อม รวมทั้งปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าบ้านเรา โดยมี “บิ๊กกาเซ็ม” ผู้จัดการทีม และ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมด้วยสตาฟฟ์โค้ช ร่วมเดินทางไปด้วย

“ผลการจับสลากเราได้อยู่กลุ่มอี ถือว่าโชคดีที่คู่แข่งไม่หนักหนาสาหัสนัก แต่จะไม่ประมาท ค่อยๆ มองไปทีละนัด ยังไงต้องพยายามคว้าที่ 1 กลุ่มให้ได้ เพราะคู่แข่งที่จะเจอในรอบ 2 แบบน็อกเอาต์เป็นกลุ่มเอฟ (เกาหลีเหนือ, จีน, ปากีสถาน) ซึ่งถ้าเลือกได้อยากเจอจีนมากกว่า (ลุ้นเกาหลีเหนือที่ 1, จีนที่ 2 กลุ่มเอฟ) เพราะเกาหลีเหนือหนักกว่า ทั้งเรื่องพละกำลังและความมีระเบียบวินัยของทีม”

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กกาเซ็ม” ยืนยันว่าไม่ประมาททีมใดทั้งนั้น โดยเฉพาะติมอร์ฯ เพราะมีผู้เล่นบราซิลโอนสัญชาติเกือบทั้งทีม โดยเฉพาะโควตา 3 คนที่อายุเกิน 23 ปี เป็นแข้งเชื้อสายบราซิเลียนทั้งหมด เนื่องจากติมอร์ฯ มีโครงการส่งเยาวชนไปฝึกซ้อมที่บราซิล และแลกเปลี่ยนนักเตะกันด้วย แม้จะไม่ใช่แข้งแซมบ้าเกรดเอ เป็นแค่เกรดบี/ซี แต่ประมาทไม่ได้แน่นอน

“ผมไม่ประมาท และไม่ต้องโหมยิงเยอะๆ ขอแค่เก็บ 3 แต้มก็พอ และพยายามหมุนเวียนนักเตะลงเล่น หากชนะแน่แล้ว ก็จะเปลี่ยนเอาตัวหลักออกมาพักไม่ให้เสี่ยงเจ็บ เรามีผู้รักษาประตูอย่างกวินทร์ ถือว่าไว้ใจได้เป็นอย่างดี กองหลังมาจากบีอีซี เทโรฯ ถึง 4 ตัว ทำให้มีความสัมพันธ์และเล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ส่วนกองกลางชุดนี้ถือว่าครบเครื่องและสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะปกเกล้า ที่เพิ่งกลับมาจากไปฝึกซ้อมกับเรดดิ้ง ที่อังกฤษ แถมกองหน้ายังมีตัวจี๊ดอย่าง “เมสซีเจย์” ชนาธิป ที่อาศัยความเร็วทะลุทะลวงได้ดี”

 

นอกจากนี้ เกษมยังมั่นใจในความฟิตของทีมชุดนี้ว่าวิ่งได้ถึง 120 นาทีไม่มีหมดแน่ หลังจากเห็นตอนไปเข้าแคมป์เก็บตัวที่ จ.ภูเก็ต และลงเตะอุ่นเครื่อง 3 นัด

ขณะที่ “ซิโก้” ก็เชื่อว่าช่วงแข่งนั้นสภาพอากาศที่เกาหลีใต้ไม่น่ามีปัญหากับนักเตะไทยนัก เพราะไม่ถึงกับหนาวมาก น่าจะใกล้เคียงกับตอนที่ทีมไทยไปคว้าแชมป์ซีเกมส์ ที่พม่า ช่วงปลายปีที่แล้ว และทีมไทยก็ฟิตเต็มร้อย จึงไม่น่ามีผลกับสภาพร่างกาย

“นักเตะพร้อมเต็มร้อย หลังผ่านการซ้อมและอุ่นเครื่องมาสมบูรณ์แบบ (ชนะพม่า 8-1, ชนะภูเก็ต เอฟซี 3-1, ชนะกาตาร์ 2-0) จุดเด่นของชุดนี้คือความสัมพันธ์ในทีม ทั้ง 20 คน ทดแทนกันได้ตลอด นัดแรกต้องคว้า 3 แต้มให้ได้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ” เกียรติศักดิ์ เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าว

นอกจากนี้ “ซิโก้” ยังบอกอีกว่า ที่อินชอนมีทั้งร้อน ฝน และหนาว สลับกัน แต่ไม่มีปัญหาต่อนักเตะไทยแน่นอน นัดแรกจะเล่นระบบ4-3-3 กับมัลดีฟส์ ส่วนผู้เล่น 11 ตัวจริงขอดูอีกที เชื่อว่ารอบแรกไทยน่าจะคว้าได้อย่างน้อย 7 แต้ม ซึ่งเพียงพอต่อการเข้ารอบเป็นอันดับ 1 กลุ่ม แต่ถ้าได้มากกว่าถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกทีมต่างก็เตรียมทีมมาเป็นอย่างดี

ด้านมัลดีฟส์เจอข่าวร้ายก่อนเจอทีมไทย โดย อาลี อัซฟัค หมดสิทธิมาช่วยชาติ เนื่องจากสโมสรเปอร์ซาตวน โบลาเซปัค ต้นสังกัดในลีกมาเลเซีย ไม่ยอมปล่อยตัว

วันที่ 15 ก.ย.นี้ ช่วยกันส่งใจเชียร์ทีมไทย ที่จะลงประเดิมสนามนัดแรก กลุ่มอี กับมัลดีฟส์ เวลา 18.00 น. โดยมีถ่ายทอดสดทางช่อง 9 ด้วยก็แล้วกัน

ไม่แน่นะ บางทีทีมบอลชายไทยอาจทำสถิติคว้าเหรียญแรกจากเอเชียนเกมส์ได้สำเร็จ เพื่อประเดิมงานแรกของ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ในคณะรัฐมนตรีของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ครม.ประยุทธ์ 1) โดยเป็น รมต.กีฬา คนที่ 8 แต่เป็นหญิงคนแรก...ก็เป็นได้