ศิลปะเชื่อมหัวใจ พ่อลูกแห่งศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพ
ครบรอบ 10 ปี ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพ (ถนนนวลจันทร์) ผู้ก่อตั้ง “เสริมคุณ คุณาวงศ์”
โดย...โจ เกียรติอาจิณ/ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
ครบรอบ 10 ปี ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพ (ถนนนวลจันทร์) ผู้ก่อตั้ง “เสริมคุณ คุณาวงศ์” ควงแขนลูกสาวหน้าหมวย “เหมือนฝัน คุณาวงศ์” ออกงาน คล้ายเป็นการเปิดตัวกลายๆ ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ ตลอดจนสื่อมวลชนได้รู้จักทายาทคนโต ซึ่งมีความหลงใหลในศิลปะเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ
10 ปีที่แล้ว คลังสะสมงานศิลปะส่วนตัวของเสริมคุณถูกนำเสนอต่อสาธารณะ ด้วยปณิธานแรงกล้าเพื่อมุ่งหวังให้ศิลปะไทยก้าวไกลสู่สากล จึงก่อเกิดเป็นศูนย์แสดงงานศิลปะชั้นนำแห่งเมืองหลวง ภายในนั้นอัดแน่นซึ่งงานศิลปะล้ำค่า 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ งานพุทธศิลป์ งานศิลปะเหมือนจริง งานศิลปะสมัยใหม่ของไทย งานศิลปะนามธรรม และงานศิลปะสื่อประสม หนึ่งชิ้นสำคัญคือผลงาน “มีด” โดยปลายพู่กันบรมครูศิลปินผู้เพิ่งจะล่วงลับ “ถวัลย์ ดัชนี”
ขณะที่ผู้เป็นลูกสาว ยามนั้นวัยเพียง 15 ปี ก็มีโอกาสติดสอยห้อยตามพ่อไปทุกที่ที่มีการแสดงงานศิลปะ แน่นอนเธอคุ้นชินดีกับศูนย์ประติมากรรมที่พ่อปลุกปั้นขึ้น แม้ว่าเธออาจไม่เข้าถึงทุกสิ่งอย่าง ทว่านี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่นำพาเธอเข้าสู่แวดวงศิลปะตามใจฝัน เมื่อเธอตัดสินใจเลือกเรียนปริญญาตรี สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ ณ มหาวิทยาลัยวอร์วิค อังกฤษ ก่อนจะต่อด้วย สาขาบริหารจัดการทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในระดับปริญญาโท
มองโลกแบบพ่อ
“สิ่งที่หนูได้มาเต็มๆ จากคุณพ่อคือวิธีมองโลกและมองตัวเอง เป็นอิทธิพลที่คุณพ่อส่งถึงหนูก็ว่าได้ หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่สำหรับหนูมันมีผลต่อการเป็นตัวหนูมากค่ะ วิธีคิด วิธีมองโลก วิธีมองตัวเอง วิธีมองคนอื่น โดยเฉพาะการมองและใส่ใจรายละเอียดเรื่องเล็กๆ รอบตัว คุณพ่อเคยพูดออกสื่ออยู่บ่อยในเรื่องการอยู่ได้ด้วยความฝันของตัวเอง คนเราต้องมีความฝันและมีเป้าหมาย เมื่อมีความฝันและเป้าหมายแล้ว ก็ต้องค้นหาให้เจอว่ามันคืออะไร โดยที่ต้องรู้สึกกับมันจริงๆ คุณพ่อไม่ได้สอนว่าต้องรู้สึกกับอะไรและยังไง แต่เหมือนสิ่งที่คุณพ่อทำ หนูก็ได้ซึมซับนั่นละสิ่งที่คุณพ่อรู้สึกกับมันจริงๆ คุณพ่อก็เลยเป็นหลายๆ อย่าง เป็นคุณพ่อ เป็นที่ปรึกษา เป็นทุกๆ อย่าง และเป็นที่สุดของหนูแล้วละคะ
ตอนไปเรียนต่างประเทศหนูก็มีโอกาสไปเดินดูงานศิลปะตามแกลเลอรี่ต่างๆ บ้าง ที่อังกฤษอาจจะน้อยหน่อย เพราะเรียนหนัก พอไปอเมริกาก็เยอะหน่อย มีเวลาก็ไป ไปอยู่ต่างประเทศคุณพ่อก็ไม่ห่วงเรื่องอะไร หรือเตือนเรื่องอะไรเป็นพิเศษ แต่คุณพ่อจะพูดประมาณว่า ต้องดูแลตัวเองนะ ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้เลย สำหรับหนูคำนี้มันก็คลุมทั้งเรื่องเรียน เรื่องใช้ชีวิต และเรื่องต่างๆ ที่ต้องทำให้มันสมดุล และคำว่าดูแลตัวเองของคุณพ่อยังรวมถึงการดูแลจิตใจด้วยคะ เพราะคุณพ่อบอกว่าถ้าเกิดเรื่องไม่สบายใจ ก็ดึงตัวเองออกมาจากตรงนั้นให้ได้ แล้วก็ประคับประคองใจให้ดี
เรื่องรสนิยมทางศิลปะนี่หนูก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ อย่างเด็กๆ ก็ชอบอิมเพรสชันนิสม์ เมื่อก่อนจะชอบอเมริกามากกกก ตอนนี้ก็ลดความชอบลงแล้ว (หัวเราะ) คุณพ่อจะชอบฟิกเกอร์ ชอบถ่ายภาพวาดภาพนู้ด ส่วนหนูจะชอบแนวพอร์เทรต ชอบอะไรที่เกี่ยวกับคนรู้สึกว่ามันสื่อสารกับหนู ตอนเรียนก็มีวิชาหนึ่งชื่ออาร์ต คอลเลกติ้ง เป็นโปรเจกต์ก่อนจบ ก็ให้เราสวมมาดเป็นคอลเลกเตอร์ ไปหาผลงานศิลปะมาเก็บในคอลเลกชั่นของตัวเอง ซึ่งต้องไปหาจริงๆ ตามแกลเลอรี่เลยนะคะ เครียดมาก เพราะต้องทำตัวเป็นคอลเลกเตอร์จริงๆ พอเอาผลงานมาส่งอาจารย์ หนูเพิ่งรู้ว่าผลงานที่อยู่ในคอลเลกชั่นตัวเองเกี่ยวกับคนหมดเลย แล้วหนูก็ชอบวาดรูปหน้าคนด้วยคะ
ศิลปะมันยิ่งใหญ่นะ ส่วนชีวิตคนเราสั้นค่ะ แต่ชีวิตคนเรานั่นละที่ทำให้เกิดศิลปะ มันมีความเชื่อมต่อกันมากกว่าที่เราคิด ศิลปะไม่ใช่แค่วัตถุ แต่มันคือการบอกเล่า สิ่งที่ฝังอยู่ในคน แล้วศิลปะก็ไม่ใช่แค่ทัศนศิลป์ วัฒนธรรม อาหาร หรืออะไรที่มันถูกส่งต่อๆ กันมา มันก็คือศิลปะ มันอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่มันยังอยู่ ศิลปะในความหมายของหนูคือ เป็นหนทางของ ยังไงมันยังจะมีอยู่”
มองลูกอย่างเข้าใจ
“ผมกับลูกคุยได้ทุกเรื่อง ทุกประเด็น ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้า การกิน กระทั่งไลฟ์สไตล์อื่นๆ จนถึงเรื่องแฟน แต่ยังไม่เคยคุยเรื่องเซ็กซ์ของลูกกับแฟนเลยนะ (หัวเราะร่วน) ตอนเด็กๆ กิจกรรมที่ผมทำกับลูก คือการพาไปดูการทำคอลเลกชั่นของศูนย์ประติมากรรม ซึ่งผมทำก่อนหน้านั้น ตอนนั้นเขายังเด็ก เขายังปฏิเสธไม่เป็น ก็ต้องตามไปกับพ่อ พ่อพาไปไหนก็ไป ไปในหลายๆ ที่ จนเขามีโอกาสพบศิลปินหลายๆ ท่าน ซึ่งผมไปของานมาสะสมก็เป็นโชคดีของเขาครับ
รสนิยมในการเรื่องศิลปะ ผมไม่มีแนะนำนะครับ ผมทำได้อย่างเดียวคือ การมีงานดีๆ ให้ลูกดูที่บ้าน หรือที่ที่มีงานดีๆ ก็จะพาไปดู เพราะผมเชื่อว่างานศิลปะดีๆ มีผลต่อรสนิยมมากๆ มันเป็นการเพิ่มรสนิยมให้แก่คนนั้นๆ โดยไม่รู้ตัว สมมติว่าถ้าคุณมีหัวโขนสวยๆ ตั้งอยู่ที่บ้าน คุณจะรู้ว่าหัวโขนสวยๆ เป็นยังไง พอวันหนึ่งคุณไปเจอหัวโขนที่ไม่สวย ก็จะบอกได้ว่านั่นคือหัวโขนที่ไม่สวย ฉะนั้นการมีของที่ดีๆ ให้ดูมันเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมและช่วยแต่งแต้มสุนทรียภาพในการมองได้
ส่วนตัวผมก็ชอบงานศิลปะทุกแขนงนะ ชอบแบบไม่ได้คลั่งไคล้อย่างใดอย่างหนึ่ง ตรงข้ามกับลูกสาวที่อาจจะชอบแบบคลั่งไคล้ แต่พอวันหนึ่งเขาโตขึ้น เขาก็จะหาความชอบของเขาเจอ อย่างการมาทำศูนย์ประติมากรรม ผมก็อยากให้ที่นี่เป็นแหล่งความรู้และเผยแพร่ด้านประติมากรรมไทย 10 ปีผ่านไปพัฒนาการในหลายด้านๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิดการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์กับต่างประเทศด้วย ซึ่งจุดนี้ในอนาคตก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกๆ ที่จะต้องเข้ามาดูแลต่อไป
เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าชีวิตคนสั้น แต่ศิลปะยาวจากข้อเท็จจริงที่ว่า ปัจจุบันมีกำแพงเมืองจีน แต่เราก็ไม่แสวงหาลูกหลานของผู้ที่สร้างได้ สิ่งที่จะหาได้คือผลงานที่เหลืออยู่ให้คนรุ่นหลัง ศิลปวัตถุที่ถูกสร้างมามันย่อมมีคุณค่ากว่าคนที่สร้างซะอีก เหมือนเป็นการจารึกเส้นทางที่ยาวไกล ขณะที่ชีวิตคนก็เป็นเพียงความวูบไหวแวบหนึ่งของลมที่พัดเทียนไข แป๊บเดียวก็หายไป ถ้ามองเป็นภาพต่อเนื่อง มันก็คืออารยธรรมอันยิ่งใหญ่”


