posttoday

สร้างงาน สร้างศิษย์ จิตวิญญาณศิลปินครู

13 กันยายน 2557

ด้วยความที่อยู่กับ ศิลปะ มาทั้งชีวิต อริยะ กิตติเจริญวิวัฒน์ จึงเป็นหนึ่งในผู้สร้างแรงบันดาลใจ

ด้วยความที่อยู่กับ ศิลปะ มาทั้งชีวิต อริยะ กิตติเจริญวิวัฒน์ จึงเป็นหนึ่งในผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนในวงการศิลปะ ในแง่ของความรักศิลปะ พัฒนาผลงานไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างศิลปินรุ่นใหม่เข้าสู่วงการผ่านการเป็นอาจารย์อีกด้วย

ปัจจุบัน อริยะ เป็นรองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อาชีพที่ทำมาตั้งแต่อายุ 26 ปี หลังจากจบคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยศิลปากร

แรงบันดาลใจแห่งตน

ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจให้ อริยะ คือ เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ ศิลปินแห่งชาติปี 2549 สาขาจิตรกรรม ที่เคยเป็นอาจารย์เมื่อครั้งศึกษาอยู่ที่ลาดกระบัง ด้วยเห็นว่าท่านนั้นทำงานศิลปะอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่รู้จักจนถึงปัจจุบัน ส่วนตัวตั้งใจที่จะดำเนินรอยตามในการทำงานศิลปะตลอดไป

งานศิลปะระดับโลกของศิลปินในตำนานหลายท่าน อย่าง ลีโอนาโด ดาวินชี หรือ ไมเคิล แองเจโล ก็สร้างความตราตรึงและเป็นแรงบันดาลใจให้ อริยะ ไม่น้อย เพราะหลังจากได้สัมผัสของจริงเมื่อครั้งไปท่องโลก ความรู้สึกช่างแตกต่างจากที่เห็นแค่ในหนังสือมากนัก

“ในหนังสือที่เราเห็นกับความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า คนละเรื่องเลย เขาทำได้ยังไง แรงผลักดันให้เรากลับมาฝึกฝนตัวเอง อย่างประติมากรรมหินอ่อน ‘เดวิด’ ที่ตระหง่าน ณ Accademia Gallery กรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เห็นครั้งแรกตะลึง เหมือนต้องมนต์ เป็นความพอเหมาะพอดี”

ความพอดีของงานแต่ละงาน บางครั้งอาจจะได้มาโดยบังเอิญ แต่ส่วนใหญ่จะรับรู้ได้โดยประสบการณ์ การสร้างงาน 1 ชิ้น ควรจะหาให้ได้ว่าอะไรคือจุดที่ดีที่สุด แค่ไหนที่จะพอ ทั้งตัวเองและคนรับสารเข้าใจได้ ซึ่งความสมบูรณ์รอบตัวนั้นจะสั่งสมและเป็นตัวแปรให้เราปรับปรุงงานไปสู่สิ่งที่ดีที่สุด

แรงบันดาลใจแห่งศิษย์

ประสบการณ์ที่ได้เห็นงานศิลปะระดับโลกของจริง ทำให้เกิดแนวคิดว่านักศึกษาควรได้ไปสัมผัสสิ่งเดียวกันนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะเป็นแรงบันดาลใจชั้นเลิศที่จะนำไปต่อยอดความสามารถของตัวเอง

อริยะ ยังเล่าถึงการรับมือเด็กติสต์ มั่นใจในตัวเองสูง ว่า ไม่ยาก แค่ให้เวลาพิสูจน์ ลองนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ เขาเจ๋งหรือยัง ให้โอกาสเขาให้เห็นผลงานที่กว้างกว่าที่เคยเจอ เขาก็จะเห็นว่าฝีมือที่คิดว่าแน่ ยังมีขั้นกว่า ซึ่งในระบบการศึกษาจะพิสูจน์ได้หลายอย่างจากเกณฑ์มาตรฐาน

“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีติสต์หรอก เพราะสุดท้ายจะเห็นรุ่นพี่ คุณอยู่ปี 1 ก็จะเห็นงานของพี่ที่จะจบที่เจ๋งกว่า อยู่ปริญญาตรีเห็นงานพี่ปริญญาโทที่เหนือชั้นกว่า ส่วนปริญญาโทก็ยังมีอาจารย์ที่เฉียบขาดกว่า ซึ่งสามารถเอามาย้อนเทียบกับตัวเอง”

ทว่า เมื่อออกสู่สังคมภายนอก ก็จะวัดกันได้อีกทางหนึ่งจากผู้เสพงานศิลปะ เพราะไม่ใช้ทฤษฎีแล้ว แต่เป็นความหมายที่ส่งตรงไปถึงจิตใจของผู้ชม รวมทั้งจังหวะเวลาที่เหมาะสม บางที 2 คน ฝีมือขั้นเทพทั้งคู่ แต่คนอาจจะตัดสินใจซื้อของคนใดคนหนึ่งด้วยความถูกใจกว่าเท่านั้นเอง

แรงบันดาลใจแห่งเอกลักษณ์

อีกความท้าทายหนึ่งของคนทำงานศิลปะ คือ การค้นหา “ตัวตน” จะเห็นได้ว่าศิลปินทุกคนจะมีลายเซ็นหรือเอกลักษณ์ในผลงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแต่ละผลงานย่อมมีมุมมองที่อยากสะท้อนต่างกันไป กระนั้นจะต้องมีตัวตนลงไปผสมให้กลมกลืนทุกชิ้นงาน

อริยะ ที่มีชิ้นงานเป็นสเตนเลสและใบบัว เห็นว่า ศิลปินต้องสร้างเอกลักษณ์ที่สะท้อนความปัจเจกในตัวเอง ซึ่งหากเป็นงานจิตรกรรม ต้องคิดตั้งแต่จะใช้สีแบบใด คิดงานออกมาแนวไหน ด้านบวก ด้านลบ หรือหดหู่ รวมไปถึงแนวงานจะเป็นธรรมชาติ หรือนามธรรม (Abstract)

“ตัวตนเป็นสิ่งที่ต้องค้นหา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และที่สำคัญกว่า คือ ทำอย่างไรให้เดินตามเส้นทางที่สร้างอย่างสม่ำเสมอ การเกิดตัวตนขึ้นก็ยากแล้ว แต่การเกิดขึ้นแล้วและทำให้ตัวเองเดินไปสม่ำเสมอ ไม่ตกหล่นหายนั้นยากกว่า”

อริยะ ยังกระตุกต่อมคิดเกี่ยวกับการรักษาระดับตัวเองว่า หลายคนมีตัวตนและผลงานเป็นที่ยอมรับ แต่น่าเสียดายที่บางคนก็เลิกหายไป อาจจะเป็นเพราะเบื่อ หรือคิดว่าตัวเองทำจนสุดทางแล้ว ไม่มีความท้าทายอะไรอีก ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่ามีขึ้นก็ต้องมีลง เพียงแต่เราจะรักษาระดับตัวเองไม่ให้ลงมากจนตกอับได้ไหม

“ในชีวิตหนึ่งเราสร้างผลงานมากมาย ขอแค่เกิดมาสเตอร์พีซสัก 12 ชิ้นก็โอเคแล้ว ต้องเข้าใจว่าคนเราเมื่อมีจุดสูงสุด ก็ต้องลง ฉะนั้นเวลาลงก็อย่าไปท้อ ไม่ใช่พอได้รางวัลก็หยุดไปเฉยๆ พอจะกลับมาทำอีกทีก็ยาก อย่างผมเวลาปิดเทอมมานั่งทำงานศิลปะก๊อกแก๊กให้ตัวเองได้ขยับ”

แรงบันดาลใจแห่งสังคม

ล่าสุด จบไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะที่ อริยะ รวมกลุ่มกับเพื่อนศิลปินอีก 13 คน ในนาม OUT OF SIGHT ภายใต้แนวคิด FACE ที่หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 30 ก.ค.14 ส.ค. 2557 ที่ผ่านมา

อริยะ เป็นพี่ใหญ่ที่เป็นโต้โผจัดแสดงงานนี้ บอกว่า เป็นครั้งแรกที่รวบรวมเพื่อนศิลปินมาจัดแสดงงาน ซึ่งแนวคิด FACE นั้นได้ไอเดียมาจาก Facebook และยังตีความได้กว้าง

“ไม่เคยรวมตัวกันเลย ก็อยากจะมีกับเขาบ้าง เพราะขาดหายจากกิจกรรมไปนาน ก็ได้ให้โจทย์ไป แต่ละคนก็เอาไปตีความและทำผลงานอย่างที่ตัวเองถนัด ก็มีทั้งจิตรกรรม ภาพพิมพ์ ประติมากรรม สื่อผสม”

ผลงานของ อริยะ ที่สร้างสรรค์มาเพื่องานนี้มี 2 ชิ้น ใช้เทคนิค “สเตนเลส” ทั้งคู่ คือ “EYES IN SILENT” เป็นดวงตา 2 ดวง มาจัดวางในลักษณะจ้องมองกัน

“เรานึกถึงคนตาบอดที่ไม่สามารถมองเห็นในสิ่งต่างๆ อย่างคนปกติได้ ต้องอยู่ในความมืด อยู่ในความเงียบ การสื่อสารแทนการมองเห็นต้องอาศัยการสัมผัส”

ส่วนผลงานอีกหนึ่งชิ้น ในชื่อว่า “การเผชิญหน้าบนความท้าทาย No.2” โครงร่างมนุษย์ที่ไม่มีหน้า ยืนอยู่บนฐานที่มีแรงกระเพื่อม ขณะที่กายมีพันธนาการจากเส้นสายลายลวดดูยุ่งเหยิง

“เป็นมุมมองจากสภาพแวดล้อม สังคมในปัจจุบัน ที่มีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ความเป็นอยู่ไม่ปลอดภัย จึงถ่ายทอดออกมาเป็นร่างคนยืนอยู่บนผิวน้ำ สะท้อนถึงความไม่เสถียรของชีวิต”

ความตั้งใจของ อริยะ และผองเพื่อนศิลปิน OUT OF SIGHT หลังจากนี้ คือ อยากให้รวมตัวลักษณะนี้ทุก 2 ปี แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าแต่ละคนก็มีงานส่วนตัว อาจจะเป็น 4 ปีครั้งเหมือนฟุตบอลโลกก็ได้

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา