มองไปข้างหน้า ศิลปะร่วมสมัยไทย ยุคไร้ถวัลย์ ดัชนี
งานพระราชทานเพลิงศพ ถวัลย์ ดัชนี ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
โดย...ราตรีแต่ง พริบพันดาว ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
งานพระราชทานเพลิงศพ ถวัลย์ ดัชนี ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ซึ่งจะมีผู้คนจากวงการศิลปะร่วมสมัยและวงการอื่นๆ มาร่วมไว้อาลัยอย่างมากมาย แม้ไม่มีร่างกายหรือชีวิต แต่การจากไปของถวัลย์ ดัชนี ก็ยิ่งตอกย้ำคำ ศิลป์ พีระศรี ที่กล่าวและกลายเป็นอมตะคือ
“ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น”
ในการสืบสานศิลปะสู่คนรุ่นหลัง ถวัลย์ ดัชนี กับ กมล ทัศนาญชลี เป็น 2 ศิลปินแห่งชาติของไทย ได้สร้าง “กองทุนเพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและการศึกษา” โดยได้ให้ทุนการศึกษาปีละ 50 ทุน เป็นเวลา 35 ปีติดต่อกันแล้ว คิดเป็นเงินปีละประมาณ 3 ล้านบาท แล้วก็ยังเขยิบไปตั้งเป็นกองทุนในยุโรปและอเมริกา โดยคัดเลือกนักเรียน 10 คนมาฝึกหัด ก่อนจะส่งไปให้สภาศิลปกรรมไทย อเมริกา
ขาดไอคอนศิลปะไทย
ศิลปะยุคหลังถวัลย์ ดัชนี จะเดินไปในทิศทางไหน วุฒิกร คงคา ศิลปิน นักวิจารณ์ศิลปะ และอาจารย์ประจำภาควิชาวิจิตรศิลป์ คณะสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มองว่าการจากไปของอาจารย์ถวัลย์ ไม่น่าจะเกี่ยวกับผลงานของศิลปินไทยที่จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไป เพราะแนวทางของศิลปินไทยยุคหลังมีเส้นทางของมันเองอยู่ และมีมานานแล้ว แม้แต่ระดับมาสเตอร์ เช่น ชลูด นิ่มเสมอ กมล ทัศนาญชลี ก็ยังคงทำงานเข้มข้น หรือรุ่นหลังกว่าอย่าง ชาติชาย ปุยเปีย นที อุตฤทธิ์ ก็สร้างเส้นทางที่เด่นชัดและได้การยอมรับ
“แต่ที่จะมีผลคือเราขาดศิลปินคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ไป เหมือนเราขาดไอคอนของศิลปะไทยคนหนึ่งไป ต้องยอมรับก่อนว่าความโดดเด่นของอาจารย์ถวัลย์ มาทั้งบริบท ไม่ใช่แค่ผลงาน แต่รวมไปถึงบุคลิกภาพที่ชัดเจนมานานแล้ว ซึ่งความยิ่งใหญ่ของผลงานก็มีน้อยคนที่สร้างความชัดเจนได้เทียบเท่ากับอาจารย์ถวัลย์
“ที่บอกว่าจะมีระดับเดียวกันหรือไม่ คงต้องดูกันมาก เพราะจะวัดจากอะไรล่ะ ราคาหรือความโด่งดัง หรือคุณภาพ ระดับมาสเตอร์ของไทยที่ยอดเยี่ยมผมก็เห็นว่าอาจารย์ชลูดนี่ที่สุดแล้ว แต่การเอาอาจารย์ชลูดไปเปรียบเทียบกับอาจารย์ถวัลย์ก็คงไม่ได้ ผมว่าศิลปินระดับบิ๊กเนมทั้งหลายแต่ละคนมีแสงสว่างเป็นของตัวเอง อาจารย์ถวัลย์อาจฉายได้ระดับพระอาทิตย์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครมาก ผมว่าถ้าในมุมมองของความยิ่งใหญ่ในเรื่องแรงบันดาลใจน่าจะมีแรงส่งสูง”
สำหรับ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติรุ่นน้องที่มีถวัลย์ ดัชนี เป็นแรงบันดาลใจนั้น จะรับไม้เป็นเสาหลักของวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย วุฒิกร วิเคราะห์ว่า เฉลิมชัยก็มีเส้นทางของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะได้อาจารย์ถวัลย์เป็นแรงบันดาลใจ แต่ผลงานก็ต่างกัน และผมว่ามันคนละตำแหน่งแห่งที่ มันไม่ใช่ตำแหน่งแบบนางงาม มีรองเบอร์ 1 เบอร์ 2 งานพี่เหลิมก็คนละมุมกันเลยกับอาจารย์ถวัลย์ เหมือนที่เปรียบเทียบว่า เฉลิมสวรรค์ ถวัลย์นรก พี่เหลิมเค้าก็มีแรงส่งของเขาเอง ไม่ได้เกิดมาจากร่มเงาหรือแสงอาทิตย์ของถวัลย์ และพี่เหลิมก็ยิ่งใหญ่ในมุมของเขาอยู่แล้วนะ ถ้าเราสังเกตดีๆ ตั้งแต่ตอนที่อาจารย์ถวัลย์ยังมีชีวิตอยู่ ผมคิดว่าไม่มีใครแทนใคร มีแต่ใครหายไปเท่านั้นเอง
ปัจจุบันศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกหรือนานาชาติ นอกจาก กมล ทัศนาญชลี ที่ฝังรกรากในอเมริกา วุฒิกรแจกแจงว่ายังมี ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช สุรสีห์ กุศลวงศ์ และนาวิน ลาวัลย์ชัยกุล
“ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช นี่แน่นอน เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกระบวนการสร้างประวัติศาสตร์ศิลป์ของโลกมาตั้งแต่ยุค 90 คนที่ทำผัดไทยในแกลเลอรี่ และสร้างสุนทรียศาสตร์ปฏิสัมพันธ์ขึ้นมา คือใช้กิจกรรมเป็นผลงาน ไม่ใช่รูปเขียน รูปปั้นที่เอาไว้มองอย่างเดียว แต่ฤกษ์ฤทธิ์ก็บ่มเพาะความรู้เรื่องศิลปะจากต่างประเทศมาก สุรสีห์ กุศลวงศ์ ก็โด่งดังลอยลำระดับอินเตอร์ไปแล้ว แต่คนนี้ก็เคยเรียนที่ศิลปากรมาก่อน นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล นี่ก็อินเตอร์ คนนี้จบปริญญาตรีที่มหา’ลัยเชียงใหม่ แต่ดังทะลุประเทศไปนานแล้ว”
ด้านงานศิลปะไทยในแนวพุทธศิลป์ปรัชญาพุทธในแนวของถวัลย์ หรือเฉลิมชัย ศิลปินไทยจะคลี่คลายไปทางไหน เพราะงานศิลปะของถวัลย์เป็นตระกูลช่างร่วมสมัยที่ส่งอิทธิพลจนมีผู้เดินตามอย่างและสืบทอดแนวทาง วุฒิกรบอกว่า มีแน่นอน และมีมานานแล้ว และก็ยังมีอยู่
“ที่สืบทอดเรื่องและรูปแบบของไทยให้เป็นสไตล์ของตัวเอง ใครติดตามงานจิตรกรรมบัวหลวงจะเห็นรุ่นลูกรุ่นหลาน อนุพงษ์ จันทร เขียนรูปภิกษุสันดานกา หรือ ชูศักดิ์ ศรีขวัญ นี่ก็ชัดเจนเลยว่าทำงานในขนบไทยร่วมสมัย ที่อาจารย์ถวัลย์กับพี่เหลิมบุกเบิกไว้ให้ แต่ถ้ารุ่นแถวๆ พี่เหลิม ก็ต้อง ปัญญา วิจินธนสาร นี่ก็ผู้บุกเบิกเลย ที่วาดหน้าพระใหญ่ๆ คือนำเอาขนบจิตรกรรมฝาผนังโบราณมาประยุกต์วาดให้มีมิติและใส่เรื่องปัจจุบันเข้าไป งานอาจารย์ปัญญาก็ยังสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ตลอด แถมยังมีคนก๊อบปี้ขายมากที่สุดของประเทศเลย ตามร้านขายรูปเขียนเพื่อการตกแต่ง หน้าพระเอียงๆ เต็มเลย
“แต่จริงๆ รุ่นก่อนหน้านี้ก็ทำมานานแล้วนะครับ ตั้งแต่ยุคลูกศิษย์อาจารย์ศิลป์รุ่นแรกๆ อาจารย์เขียน ยิ้มศิริ อาจารย์ชลูดก็เคยทำ มานิตย์ ภู่อารีย์ ประสงค์ ปัทมานุช ชิต เหรียญประชา เฉลิม นาคีรักษ์ นี่คือระดับมาสเตอร์ทั้งนั้น ที่ใช้เรื่องและสไตล์แบบไทยร่วมสมัย แล้วก็มี สาครินทร์ เครืออ่อน ที่ไปปลูกข้าวในงานโดคูเมนต้าที่เยอรมนี อันนี้ก็ดัง หรืออย่าง คามิน เลิศชัยประเสริฐ นี่ก็มีงานเกี่ยวกับพุทธเต็มไปหมดและโด่งดังด้วยครับ สองคนหลังนี้จะรุ่นกลางๆ หมายถึงอายุนะครับ ในเจเนอเรชั่นเดียวกับ สุรสีห์ กุศลวงศ์ ชาติชาย ปุยเปีย”
สำหรับคนที่อยากชมงานศิลปะของถวัลย์ ดัชนี ให้ได้อรรถรสมากกว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่บอกกันมา วุฒิกรแนะนำว่า
“บางทีคนทั่วไปนึกถึงแต่บุคลิกภาพของแก แต่อยากให้ไปดื่มด่ำงานจริงๆ ดูงานของอาจารย์คือการพบกันระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ด้วยรูปแบบลายไทยที่ถูกสร้างให้เกิดไดนามิกในแบบ Expressionism อิทธิพลจากไมเคิล แองเจโล มองเห็นได้จากฟิกเกอร์ที่บิดเกลียวทรงพลัง ที่เยี่ยมมากอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในเมืองไทย คือ อาจารย์ถวัลย์ใส่ไดนามิกแบบนี้ในลวดลาย เลยกลายเป็นลายของแกเองที่ชัดเจนที่สุด ใครเลียนแบบนิดนึงก็เห็นเลย อันนี้ถือว่าพิเศษมาก
“แล้วยิ่งต้องไปดูบ้านดำ จ.เชียงราย จะเห็นสิ่งบ่มเพาะให้เป็นถวัลย์คืออะไร ทั้งเขี้ยว เขาหรือหนังสัตว์ และประติมากรรมแกะไม้ทั้งหมด เราจะเห็นพลังของชีวิตเหล่านั้น ที่แม้จะกลายเป็นซาก แต่มันดำรงอยู่ในโลกที่ถูกปรับแต่งด้วยความรู้สึกข้างในที่พลุ่งพล่าน โลกข้างในนี่แหละครับ อาจารย์ถวัลย์แกแผ่ออกมาได้อย่างหมดเปลือก ถ้าชื่นชมและเสียดายที่แกจากไปโดยยังไม่เคยเห็นผลงานและบ้านของแกด้วยตาและใจจริงๆ ผมว่ามันคงยังไม่เพียงพอนะ อยากให้การจากไปของแก ปลุกให้คนไทยที่ไม่เคยสนใจศิลปะมาก่อนได้มาชื่นชมแกจากผลงานและของศิลปินไทยคนอื่นๆ อย่าให้เสาหลักต้นหนึ่งของวงการศิลปะไทยต้องจากไป เหลือแค่เสียงอื้ออึงจากสื่อที่ประโคมข่าวแป๊บเดียวแล้วก็เงียบหายเลย”
รู้จัก ‘ถวัลย์’ ผ่านผลงานทรงพลัง
ถ้าอยากรู้จักศิลปินไทยนามอุโฆษ ถวัลย์ ดัชนี โดยซึมซาบผ่านคอลเลกชั่นงานศิลปะที่เลอคุณค่าล้ำราคา บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานใหญ่พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย กรุงเทพฯ (Museum Of Contemporary Art, Bangkok หรือ MOCA) บนอาคารเบญจจินดา ถนนวิภาวดีรังสิต กำลังเปิดให้ชมฟรี! จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ย.นี้ เจ้าสัวบุญชัยขอเชิญชวนประชาชนทั่วไป รวมทั้งนักเรียนศิลปะมาชมภาพเขียนและงานจิตรกรรมที่เก็บสะสมเรื่อยมากว่า 35 ปี ซึ่งปริมาณภาพและความล้ำค่าบอกได้ว่าไม่ได้เก็บแบบเศรษฐีเก็บของสะสมเล่นๆ แต่เก็บกันถึงขั้นจริงจัง
การเปิดพิพิธภัณฑ์ให้ชมฟรีๆ ครั้งนี้ เพื่อระลึกถึงศิลปินผู้ล่วงลับ เจ้าสัวบุญชัยนำผลงานถวัลย์ ดัชนี กว่า 130 ภาพจากเกือบ 200 ภาพ มาจัดให้ชมที่ชั้น 4 ของโมคา กรุงเทพฯ โดยแบ่งเป็นห้องสีขาว แดง และดำ เจ้าสัวผู้หลงใหลงานศิลปะย้ำว่า มาชมแล้วจะรู้จักตัวตนของศิลปินท่านนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“งานของอาจารย์ถวัลย์ที่อยู่ในการสะสมของผม 30 กว่าปี ก็แบ่งเป็น 3 ยุค ยุคละ 10 ปี ภาพแรกที่ได้มาชื่อภาพนาคราช อาจารย์ยังใช้เทคนิคสีน้ำมันบนกระดาษอยู่เลย เป็นภาพขนาดใหญ่ 20 x 24 เมตร แขวนไว้ที่ห้องสีขาว ห้องแรกเดินเข้าไปก็เจอเลย เป็นรูปหัวพญานาคแต่ตัวเป็นคนสีแดง
“หลายๆ ภาพคือประวัติศาสตร์ของอาจารย์ ชื่อภาพพระอิศวร เทคนิคสีน้ำมันปิดทองคำเปลวบนผ้าใบ ถวัลย์สร้างสรรค์ไว้เมื่อปี 2514 ภาพนี้อาจารย์ใช้หลายสีโทนรุ้ง ออกจากกรอบเดิมที่เน้นสีดำ แดง ทอง เป็นภาพที่มีรอยกรีดหลายจุดเลย เกิดขึ้นในตอนที่อาจารย์นำภาพไปแสดงที่ตึกคริสตจักรย่านราชเทวี และมีบางภาพคล้ายพระพักตร์พระพุทธเจ้าแล้ววางอยู่ด้านล่าง เพราะนักเรียนช่างกลย่านนั้นก็คิดว่าเหยียดหยามศาสนาพุทธ แถมไปแสดงในคริสตจักรอีกด้วย ก็เลยใช้คัตเตอร์กรีดไปหลายภาพ รวมทั้งภาพพระอิศวรด้วย อาจารย์บอกว่าไม่ต้องซ่อม เพราะเก็บไว้ให้ระลึกถึงความรุนแรง ซึ่งในที่สุดแล้วไม่ได้ทำให้สังคมดีงามขึ้นเลย มีแต่เป็นรอยขาดมีตำหนิเท่านั้น
“อีก 2 ภาพเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตผม อาจารย์ถวัลย์ให้เจ้าหน้าที่ขนมาให้ผมฟรีๆ ในปีต้มยำกุ้ง 2540 ผมดำรงตำแหน่งประธานดีแทค และซีอีโอยูคอม ผมกำลังเครียดกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาททำให้ธุรกิจมูลค่าแสนล้านบาทมีมูลค่าหนี้เพิ่มอีกเท่าตัว เจอเปรี้ยงนี้โดนไปกว่า 5 หมื่นล้านครับ อาจารย์ก็บอกไม่เป็นไรนะ ขณะที่ธนาคารจะเอาเงินคุณบุญชัย แต่ก็มีพี่ชายคนนี้ส่งภาพที่มีมูลค่าร้อยล้านมาให้กำลังใจ ซึ่งเป็นคำพูดหยอกเย้าสไตล์ท่าน
“อีก 2 ภาพเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตผม อาจารย์ถวัลย์ให้เจ้าหน้าที่ขนมาให้ผมฟรีๆ ในปีต้มยำกุ้ง 2540 ผมดำรงตำแหน่งประธานดีแทค และซีอีโอยูคอม ผมกำลังเครียดกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาททำให้ธุรกิจมูลค่าแสนล้านบาทมีมูลค่าหนี้เพิ่มอีกเท่าตัว เจอเปรี้ยงนี้โดนไปกว่า 5 หมื่นล้านครับ อาจารย์ก็บอกไม่เป็นไรนะ ขณะที่ธนาคารจะเอาเงินคุณบุญชัย แต่ก็มีพี่ชายคนนี้ส่งภาพที่มีมูลค่าร้อยล้านมาให้กำลังใจ ซึ่งเป็นคำพูดหยอกเย้าสไตล์ท่าน
“2 ภาพที่ว่าใหญ่ราว 4 เมตร อาจารย์วาดไว้นานแล้ว ภาพเสือโคร่งโจนทะยานเข้าขย้ำม้า อีกภาพขนาดเดียวกัน ภาพเสือดาวขย้ำวัว ซึ่งลูกน้องผมก็ตกอกตกใจมากๆ เพราะผมเกิดปีม้า น้องชายผมเกิดปีวัว (หัวเราะ) โอ้ย...ตายแล้วเจ้านายเราโดนเสือขย้ำทั้งคู่ (ว่าแล้วก็หัวเราะอีก)
“อาจารย์บอกว่า คุณอย่าไปคิดแบบนั้นเลย ให้ดูที่ทั้งม้า วัว ที่กำลังโดนเสือ ที่ก็เหมือนธนาคารเข้าขย้ำ แต่ทุกๆ ชีวิตก็จะต้องดิ้นรนผ่านวิกฤตชีวิตในปีนั้นไปให้ได้ เป็นปรัชญาในการเขียนภาพอาจารย์ถวัลย์ในทุกๆ ยุคของท่าน” บุญชัย กล่าว
“อาจารย์เคยบอกผมว่าในชีวิตศิลปินต้องสร้างงานให้ได้กว่า 500 ภาพ จึงจะยิ่งใหญ่เหมือนปิกัสโซ (Pablo Picasso) ทุกๆ ปีอาจารย์จึงเขียนภาพให้ผมมาโดยตลอด ยกเว้น 3 ปีหลัง ภาพมารผจญ อาจารย์วาดเมื่ออายุ 70 ปีแล้ว วิธีทำงานของท่านคือนิ้วโป้งขยับพู่กันไปซ้ายขวา เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผมในเรื่องความเพียรฝึกฝนตัวเอง กับปณิธานสร้างงานศิลปะให้โดดเด่นประดับแผ่นดิน ไม่มีข้อจำกัดแม้สูงวัย ทั้งอารมณ์ของภาพศิลปะไทยในแนวเซอเรียลริสม์ ทั้งความเพียร สอนปรัชญาชีวิตได้ครบองค์บริบูรณ์” เจ้าสัวบุญชัย กล่าวทิ้งท้าย
อารมณ์ขัน ‘พี่หวัน’
วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ที่ปรึกษากอง บก. และคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ มีโอกาสสัมภาษณ์ศิลปินท่านนี้ตั้งแต่เป็นยังเป็นนักข่าวเด็กๆ เล่าว่า ความฮาเล่าเท่าไรก็ไม่จบไม่สิ้น เรื่องประทับใจให้เล่าวันนี้ก็ยังจำแม่นยำ เมื่อปี 2512 สามศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ถวัลย์ ดัชนี ประเทือง เอมเจริญ ประพันธ์ ศรีสุตา ซึ่งตอนนั้นก็ยังเป็นศิลปินรุ่นใหม่ นำผลงานไปแสดงที่ จ.ขอนแก่น โดยมี ช่วย นนทะนาคร ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดนิทรรศการ
“ความที่เป็นอาร์ติสต์ยังบลัดในวันนั้น ผลงานดูแปลกตา ท่านผู้ว่าฯ ช่วย จึงถามว่า...งานของพวกคุณเป็นงานแนวไหน? พี่หวันตอบทันทีว่า “ซิงกะตูนิด” ผู้ว่าฯ ก็ทำหน้างงๆ กลุ่มนักข่าวถึงกับมองหน้าเลิ่กลั่ก พี่หวันอำผู้ว่าฯ (อีกแล้ว!!!) ...ผมอำที่ไหน นี่มันเป็นภาษาฮิบรู... พี่หวันหันมาโวยนักข่าว พวกเราจะขำก็ต้องอดไว้ รอผู้ว่าฯ เดินไปก่อนค่อยปล่อยฮา
“จากขอนแก่น ก็ไปเที่ยวกันที่ จ.อุดรธานี พี่หวันไม่ชอบที่นี่เลย เวลานั้นกลุ่มจีไอกำลังขึ้น ทั้งเมืองเต็มไปด้วยโสเภณี พอกลับไปกินข้าวกับท่านผู้ว่าฯ ขอนแก่นอีกครั้ง และคุณช่วยก็ร้องขอให้วาดรูปเปรียบเทียบ 2 จังหวัดนี้ พี่หวันก็วาดรูปผู้หญิงอยู่บนไม้แขวนผ้าเป็นแถว มีหนอนแมลงชอนไช ส่วนขอนแก่นเป็นหญิงนุ่งซิ่นผมมวยนั่งอยู่ริมแก่นนคร เงาสะท้อนในน้ำเป็นดอกบัว คือการเล่าเรื่องด้วยภาพอย่างสุดยอด
“ท่านผู้ว่าฯ ช่วยจึงขอซื้อ พี่หวันบอก 2,000 บาท ท่านก็ซื้อไปทันที แล้วพี่หวันก็หันมาบอกกลุ่มนักข่าวและนักศึกษาวิศวะที่ตามติดเป็นลูกหาบในทริปนี้ บอกว่า... มาพวกเรา ไปฉลองกัน ผมเขียนรูปมานานเพิ่งหลอกขายคนไทยได้ก็วันนี้เอง” วิมลพรรณ เล่าพลางหัวเราะชอบใจ แล้วบอกว่าท่านผู้ว่าฯ ไม่โกรธเคืองอะไร แต่ก็รู้สึกขำไปกับศิลปินท่านนี้ด้วย


