นิพพานชิมลอง ณ สวนโมกข์
อยากทำบุญก็ต้องไปวัด คำคำนี้ถูกพูดเขาหูจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติที่คนในยุคสมัยนี้ถือเป็นธรรมเนียมกันเสียแล้ว
โดย...พงศ์ พริบไหว
อยากทำบุญก็ต้องไปวัด คำคำนี้ถูกพูดเขาหูจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติที่คนในยุคสมัยนี้ถือเป็นธรรมเนียมกันเสียแล้ว จะวันเกิด วันพระ วันมงคล ก็ต้องเข้าวัด ยิ่งคนกรุงเทพฯ ด้วยแล้วทางเลือกมีไม่มาก ง่ายสุดก็คงต้องหาวัดที่ใกล้ที่สุดแล้วไปทำบุญ แต่ไม่ได้นึกคิดถึงการใคร่ปฏิบัติสมาธิหรือสงบปัญญา ไม่ก็ศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอน วันนี้จึงอยากแนะนำสถานที่ทำบุญอีกแห่งในกรุงเทพฯ
เป็นสถานที่สงบๆ กลางกรุงถูกรายล้อมด้วยห้างและตึกสูงที่ชื่อว่า “หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สวนโมกข์” ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้คล้ายกับ “สวนป่าโมกข์” ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับใช้ปฏิบัติธรรมแห่งแรกของท่านพุทธทาส ณ วัดธารน้ำไหล อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เรียกได้ว่ายกสถานที่นั้นมาไว้กลางกรุงกันเลยทีเดียว สถานที่แห่งนี้ หากจะกล่าวถึงคงบอกได้เพียงว่าไม่ใช่สถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่เชิงเป็นสถานที่ทำบุญ และไม่ใช่สถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา และไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ แต่เป็นสถานที่ซึ่งเป็นทุกสิ่งแต่ทว่าเชื่อมโยงถึงกันด้วยหลักธรรมคำสอนวัตรปฏิบัติของท่านพุทธทาสไว้อย่างครบถ้วน โดยผ่านกระบวนการทางศิลปะสื่อผสมและระบบดิจิทัล
ภายในบรรยากาศสงบๆ ร่มเย็นของ “สวนโมกข์” เราจะเห็นเป็นอาคารปูน 3 ชั้น ในส่วนบริเวณชั้นล่างของอาคารจะเป็นห้องหนังสือและสื่อธรรม โดยจะจัดจำหน่ายเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวข้องกับธรรมะและผลงานเขียนของท่านพุทธทาส ทั้งยังมีลานกิจกรรมธรรมะ หรือแม้แต่ลานหินโค้งสถานที่สำหรับใช้ปฏิบัติธรรม ซึ่งใครอยากมานั่งหรือนอนสมาธิบริเวณนี้ก็ตามสะดวก
โดยบริเวณดังกล่าวนี้จะมีภาพพุทธประวัติ ที่ได้มีการจำลองมาจากประเทศอินเดีย กึ่งกลางของลานหินโค้งเป็นที่ประดิษฐานของพระอวโลกิเตศวร ในส่วนนี้ได้แนวคิดมาจากลานปฏิบัติธรรมสวนโมกข์พลาราม นอกจากนี้ยังมีสื่อต่างๆ และห้องให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนอยู่อีกมาก
บอกเลยว่าเพียงแค่ได้ย่างก้าวเข้ามาที่นี่ เสมือนได้ซึมซับความสงบเข้าสู่จิตใจ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เก็บรักษา อนุรักษ์ และเผยแผ่ผลงานของท่านพุทธทาสเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทำให้คนกรุงที่ห่างไกลวัดวา และพระพุทธศาสนาอย่างเราๆ สามารถเข้าถึงแก่นของศาสนาได้
กิจกรรมหนึ่งที่เมื่อมายังสถานที่แห่งนี้แล้วควรต้องลองปฏิบัติดูสักครั้งคือ “นิพพานชิมลอง” นิทรรศการในห้องมืดอันสงบเยือกเย็นที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ที่เข้าชมได้พบกับ “นิพพานน้อยๆ” ชั่วขณะหนึ่งผ่านสื่อผสมต่างๆ ก่อนที่เราจะได้นั่งสมาธิอย่างสงบๆ ภายในห้องนั้นเพื่อค้นพบคำว่านิพพานชิมลอง ซึ่งท่านพุทธทาสได้กล่าวถึงคำว่า นิพพานชิมลองเป็นปริศนาธรรมไว้ว่า นิพพานชิมลองคือของที่ลองดูก่อน ถูกใจแล้วค่อยซื้อก็ได้
นอกจากถูกสร้างขึ้นเพื่อมุ่งหวังให้เป็นที่พักใจของคนเมืองหลวงแล้ว สถานที่แห่งนี้นอกจากกิจกรรมในแต่ละวันที่มีไว้สำหรับให้ความรู้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมแล้ว ในแต่ละสัปดาห์จะมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม เช่น การทำบุญตักบาตรอย่างครั้งพุทธกาล, โยคะในสวนธรรม, ดนตรีมีธรรม, อานาปานสติกับไทเก๊ก, เสวนาธรรม, การบรรยายธรรม, นิทรรศการหมุนเวียน ฯลฯ แต่ละกิจกรรมก็จะมีเหล่าอาสาสมัครให้ข้อมูลและให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเอง
ส่วนใครที่อยากรู้ว่าภายในอาคารแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีคติธรรมอะไรแฝงอยู่ในงานประติมากรรม รวมถึงมีเรื่องเล่าอะไรจากภาพวาดบนฝาผนังอาคาร ทุกวันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีกิจกรรม “เพลินธรรม นำชม” เหล่าอาสาสมัครจะนำชมรอบบริเวณพร้อมคำบรรยายประกอบอย่างสนุกสนาน รับรองว่าเรื่องของพระพุทธศาสนาที่เคยฟังแล้วน่าเบื่อจะสนุกสนานและสร้างความสุขน้อยๆ ให้กับผู้มาเยือน
สวนโมกข์ถือเป็นพื้นที่บุญของคนเมืองหลวงที่ต้องการแสวงหาความสงบทางใจและจิตวิญญาณอย่างแท้จริง โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปหาที่ไหนไกล พื้นที่ภายในถูกจัดสรรไว้อย่างดี และมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย รวมถึงบรรยากาศอันร่มรื่นโดยรอบ ทำให้เหมาะกับการมาพักผ่อนจิตใจ สถานที่แห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับ “สวนรถไฟ” หากพาครอบครัวมาเดินดูและฝึกปฏิบัติในสวนโมกข์เสร็จ ก็สามารถแวะไปพักผ่อนนั่งมองผู้คนปั่นจักรยานในสวน หรือไม่ก็ปั่นเองเพื่อสุขภาพไปเสียเลย ทั้งมีกิจกรรมมากมายที่สามารถทำกันได้ทั้งครอบครัว
ที่นี่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เปิดทุกวัน 09.00-18.30 น. แบบให้เข้าใช้บริการกันฟรีๆ ทุกวันเสาร์อาทิตย์ และช่วงเย็นของทุกวันจะมีกิจกรรมต่างๆ สามารถเข้าไปชมรายละเอียดได้ที่ www.bia.or.th หรือสอบถามโทร.02-936-2800


