หลงรักแฟชั่นเครื่องประดับ แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ

โดย...วราภรณ์ ภาพ : ประกฤษณ์ จันทวงษ์ 

“ผู้หญิงกับเครื่องประดับเพชรเป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กัน ผู้หญิงบางคนจึงลงทุนกับเครื่องประดับมากกว่าเสื้อผ้า เพราะเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเพิ่มความมั่นใจเราได้อีกมาก” แนวคิดของทายาทสาวแห่งตระกูลธรรมวัฒนะ แพร-แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ ผู้บริหารสาวผู้นำเข้าเครื่องประดับกะรัตจากลอนดอน ที่ต้องการเดินตามความชอบของตนเองมาทำงานสายแฟชั่น

นอกจากนำเครื่องประดับแบรนด์ดังจากอังกฤษที่เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวทั่วโลก เช่น นักแสดงชั้นนำจากซีรี่ส์ กอสซิป เกิร์ล เคยยืมไปถ่ายหนังมาแล้ว ร่วมทั้งเหล่าคนดังจากอังกฤษ เช่น มิเชล วิลเลียมส์ คารา เดเลวีน นางแบบหน้าใหม่ ลิลี อัลเลน ก็เป็นแฟนเครื่องประดับแบรนด์นี้ เธอจึงสนใจนำเทรนด์ใหม่ คือเครื่องประดับที่มีราคาไม่แพง เข้ามาจำหน่ายเพื่อให้คนไทยได้ใส่เครื่องประดับที่สวยให้เฉิดฉายดังเช่นเหล่าคนดังจากทั่วโลกบ้าง

นอกจากนี้ เธอยังเป็นเจ้าของเพลย์ เฮาส์ (ดิสนีย์ คอนเซ็ปต์ สโตร์) และทำธุรกิจ ไทยแลนด์ ทอย เอกซ์โป อีเวนต์ อีกด้วย

แพรพรรณ เล่าถึงแรงบันดาลใจนำเข้าเครื่องประดับที่เป็นไลฟ์สไตล์อินเทรนด์ของผู้หญิงว่า เห็นครั้งแรกขณะเรียนปริญญาโทอยู่อังกฤษ ไปช็อปปิ้งที่ห้างแฮร์รอดส์ เธอรู้สึกต้องตาว่าทำไมเพชรแบรนด์นี้ดูแพงจัง เดินแวะเวียนอยู่สองวันไม่กล้าเข้าไปสอบถามราคา เพราะคิดว่าต้องแพง แต่สุดท้ายก็ตัดใจลองซื้อต่างหูน้ำหนักเพชร 3 กะรัต ซึ่งเมืองไทยน่าจะสนนราคาอยู่ที่ 3 ล้านบาท แต่พอทราบราคาไม่กี่ร้อยปอนด์ เธอรู้สึกตกใจว่าใช่เหรอ

แล้วก็ได้ความรู้ว่าในโลกนี้ยังมีอัญมณีที่ลักษณะคล้ายเพชรที่ชื่อว่ากะรัต ก็คืออัญมณีชนิดใหม่ที่เรียกว่า “กะรัต สโตน” พอใส่ต่างหูไปเที่ยวที่ไหนใครๆ ก็ชม ราคาแค่หลักหมื่น แต่เธอใส่บ่อยจนสินค้าเกินมูลค่าไปแล้ว ด้วยคุณสมบัติและความน่าสนใจของแบรนด์ เธอคิดว่าน่าจะนำมาให้สาวไทยได้รู้จักบ้าง และมองด้านการตลาดว่าน่าจะได้รับความสนใจในประเทศไทย

“กะรัต อายุ 10 ปีแล้ว และมีชื่อเสียงมากที่อังกฤษ เพราะเครื่องประดับของเขาผ่านการเจียระไนจากช่างฝีมือคุณภาพ เกรดเดียวกับนักเจียระไนให้จิวเวลรี่ทั่วโลก แต่กว่าแพรจะได้แบรนด์นี้มาจำหน่ายยากมาก ต้องไปเทรนนิ่งที่อังกฤษและเตรียมนำเข้านานถึง 2 ปี เราก็ดึงดูดว่าตลาดเมืองไทยน่าสนใจนะ ตลาดโตเร็ว แม้เรามีแบรนด์จิวเวลรี่คู่แข่งเยอะ แต่ด้วยคุณภาพแบบนี้ เรายังไม่มีคู่แข่งในเมืองไทย น่าจะทำตลาดใหม่ได้ แต่แพรคิดว่าสิ่งที่เรานำเสนอให้ลูกค้า คือ คุณภาพ การบริการหลังการขายเท่าอายุของเครื่องประดับก็น่าจะดึงดูดลูกค้าได้

แพรยังคิดว่าเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้หญิงได้สวยงามเวลาเดินทาง แม้อาจจะทำหาย ยังเสียดายน้อยกว่าเครื่องประดับเรือนล้าน ด้วยกะรัตเหมือนเพชรจริงมากๆ ขนาดส่องกล้องยังไม่รู้ว่ามันไม่ใช่เพชรที่มาจากธรรมชาติ ลูกค้าบางคนโจรขึ้นบ้าน กวาดไปเรียบ แต่ลูกค้าไม่เสียใจเท่าไหร่ เพราะมูลค่าไม่ได้มาก อีกทั้งคนอังกฤษเปลี่ยนเครื่องประดับบ่อย เครื่องประดับคือการลงทุน เมื่อออกงานสังคมเยอะ เครื่องเพชรก็ต้องเยอะตามไปด้วย จะเสียเงินซื้อเพชรแพงๆ ก็ลงทุนไม่ไหว เพราะใส่ไม่กี่ครั้งคนก็จำได้แล้ว”

เปิดร้านมา 3 เดือน ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ฟีดแบ็กดีมากๆ เพราะเป็นที่ชื่นชอบของสาวไทย แต่ไม่ค่อยกล้าเข้าร้าน เพราะคิดว่าต้องแพง แต่พอลูกค้ามาถามก็ตกใจ ก็ต้องอาศัยการอธิบาย อีกทั้งคนไทยยังไม่เข้าใจระหว่างกะรัต สโตน กับเพชรปลอม ซึ่งกะรัต สโตน เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เธอต้องให้ความรู้

“เรามีลูกค้าตั้งแต่มัธยมจนถึงคุณหญิงคุณนาย กลุ่มหลังยิ่งชอบ เพราะซื้อไปแล้วใส่ออกงานเขามั่นใจ เพราะทุกคนชม กะรัตจึงเหมือนเป็นตัวเลือกให้กับสาวๆ ได้ใส่เครื่องประดับสวยๆ

ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับกลุ่มเจ้าสาวในวันแต่งงาน เพราะเรารู้ว่าเจ้าสาวค่าใช้จ่ายเยอะมาก ถ้าจะใส่เครื่องประดับจริงราคาหลักล้าน แต่เรานำเสนอให้ที่หลักแสน อย่างที่ฮ่องกงกับอังกฤษ เราจะมีเซ็กชั่นหนึ่งซึ่งเก๋มาก คือให้เจ้าสาวนำชุดแต่งงานมาลองกับเครื่องประดับในร้านดูว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้วันงานดูสมบูรณ์ที่สุด เราจะมีสไตลิสต์คอยแนะนำ อีกทั้งพนักงานทุกคนมีความรู้ด้านเทรนด์เครื่องประดับด้วย เขาจึงรู้เรื่องอัญมณี สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทรนด์เครื่องประดับได้ เราอยากทำให้ผู้หญิงส่องกระจกแล้วดูสวยขึ้น เราอยากเป็นเพื่อนคู่คิดที่ลูกค้ามาปรึกษาด้านสไตล์ ใส่แบบนี้แล้วเหมาะกับรูปหน้าแบบนี้ เราจะมีให้คำแนะนำเรื่องดวง ช่วงนี้ควรใส่แบบนี้ใส่สีนี้ทรงนี้เหมาะ ซึ่งอิงกับความเป็นจริง”

ในฐานะที่แพรพรรณสนใจเรื่องเครื่องประดับ เธอแนะนำเทรนด์ของเรื่องประดับฤดูนี้ว่า รูปทรงเจียระไนคลาสสิกเม็ดกลมได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะแหวนธรรมดา นอกจากนี้เทรนด์ที่กำลังมาแรงไม่แพ้กันคือ แหวนเพชรแนวอินฟินิตี้ คือเป็นแหวนที่มีมิติ ทรงสี่เหลี่ยมมองได้ลึกหลายมิติ เป็นการเจียระไนแบบใหม่ทำให้เพชรดูโดดเด่น

“การเล่นกับอินฟินิตี้ เชป เหมาะกับทั้งแหวนและต่างหู สวยที่สุด ขายดีมากๆ เพราะคนชอบเลเยอร์ ดูมีมิติ ดูเก๋มากๆ ของที่ขายดีสำหรับผู้หญิงไทยคือ ต่างหู เพราะหนึ่งคือ คนมองใบหน้าแล้วเห็นเลย ใส่ได้ทั้งงานกลางวันและกลางคืน อีกทั้งต่างหูมีความคลาสสิกไม่ตกยุค แตกต่างจากแหวนต้องเปลี่ยนเพื่อการทำงานที่สะดวก ยิ่งต่างหูแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ ได้รับความนิยมมากๆ”

ยุคนี้เครื่องประดับไม่ใช่ถูกสร้างมาเพื่อผู้หญิงเท่านั้น สุภาพบุรุษก็สามารถหล่อด้วยเครื่องประดับได้ ด้วยการเพิ่มเทรนด์ทำต่างหูข้างเดียวเพื่อเอาใจคุณผู้ชายโดยเฉพาะ

แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ

ผู้บริหารสาวผู้นำเข้าเครื่องประดับกะรัตจากลอนดอน วัย 27 ปี

บุตรสาว เทอดชัย ธรรมวัฒนะ กับคุณแม่จินตนา สมัครการ

การศึกษา : ศึกษาจบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ

จากนั้นไปศึกษาต่อปริญญาตรีและโท ที่คิงส์ตัน คอลเลจ ด้านบริหารธุรกิจ ที่ประเทศอังกฤษ แล้วไปเรียนต่อด้านแฟชั่นที่ลอนดอน คอลเลจ ออฟ แฟชั่น อีก 1 ปี

ประสบการณ์ทำงาน : หลังศึกษาจบเธอไปฝึกงานด้านแฟชั่นที่นิวยอร์ก กับแบรนด์ยูจีเนีย คิม นิวยอร์ก เป็นแบรนด์ที่ทำพวกหมวกและเครื่องประดับศีรษะที่มีชื่อเสียง พอกลับมาเมืองไทยก็ได้ทำงานด้านแฟชั่นแบรนด์ไทย “มิลิน” อีก 1 ปี

สไตล์แต่งตัว : แพรชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นเราจะอิงแฟชั่นทั้งหมดก็ไม่เหมาะ ต้องเลือกนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง ในแต่ละวันจะแต่งเปลี่ยนไปตามอารมณ์ เช่น แนวหวานๆ แต่ก็เคยแต่งแนวฮิปฮอปเซ่อร์ๆ ซึ่งไม่เหมาะ แพรชอบเดรส แนวผู้หญิงจ๋า ซึ่งเข้ากับเรามากที่สุด แต่ไม่เน้นเซ็กซี่ เพราะกลัวอันตราย

กระเป๋าแบรนด์โปรด : แอร์เมส แพรชอบความคลาสสิก แต่ก็เคยชอบชาแนล แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นซีซั่นแนลไป แพรชอบซื้อของที่ใช้ได้จริงๆ แอร์เมสเราซื้อมาแล้วใช้อย่างสมบุกสมบันเพื่อให้คุ้มค่าและมูลค่าที่เราจ่ายเงินไป เวลาทำงานก็ใช้กระเป๋าแอร์เมส แอร์เมสรุ่นเราชอบ Bolide เพราะใช้ง่าย เบอร์กินเคยใช้แต่รู้สึกว่าหนัก อีกทั้งแพรชอบกระเป๋าที่มีฟังชั่นมีสายพะพาย ส่วนแคลลี่ก็ชอบเพราะมีสาย

เสื้อผ้า : ใส่ได้ตั้งแต่เสื้อผ้าไฮเอนด์จนถึงไฮสตรีท อย่างแบรนด์ลองแวง ชอบเพราะเรียบหรูดูดี ดิออร์ก็ชอบ แต่ไทยดีไซเนอร์อย่าง มิลิน กับ ดิษยา ก็น่าสนใจ มิลินลายผ้าสวย กระโปรงสั้นมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย ดิษยาก็หญิงจ๋า ซึ่งตรงกับสไตล์เราพอดี แบรนด์ไฮสตรีทอย่างซาร่า แพรก็ชอบค่ะ

รองเท้า : ชอบคลาสสิกของลูบูแตง บาเลนเซียก้า แพรชอบรองเท้าส้นสูง และส้นเตี้ยใส่ทำงานได้ทุกวัน ส่วนหลุยส์วิตตองก็ชอบ เพราะใส่สบายมาก ราคาเท่าไหร่ก็สู้ แต่ขอให้ใส่สบายก็พอ รองเท้าแพงใส่ไม่สบายก็ไม่ซื้อ