ภูวดี คุนผลิน กับ ลัคกี้ สนุ๊ปปี้ ที่รัก
วันนี้เรามีโอกาสพบปะกับสาวเก่ง เจ้าแม่แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา เอ๋ภูวดี คุนผลิน
โดย...ลีโอ เคน/ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
วันนี้เรามีโอกาสพบปะกับสาวเก่ง เจ้าแม่แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา เอ๋ภูวดี คุนผลิน พี่สาวคนรองของ อั๋นภูวนาท คุนผลิน ที่กำลังไปได้สวยกับธุรกิจเจ้าของเรือเจ้าพระยา ครูยส์ เรียกว่าชาวต่างชาติมาเมืองไทยเมื่อไหร่ก็ต้องนึกถึงเจ้าพระยา ครุยส์ นี่ล่ะ
นอกจากจะได้มาสัมผัสความอบอุ่นและเป็นกันเองกับพี่เอ๋แล้ว วันนี้เธอยังหอบรักมาบอกเล่าความสัมพันธ์กับเจ้าบั๊ดดี้ที่เธอรักเหมือนลูกถึง 2 ตัว นั่นคือ ลัคกี้และสนุ๊ปปี้ สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน
“จริงๆ ส่วนตัวชอบหมากันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดจะเลี้ยงกันเป็นจริงเป็นจัง มันเริ่มมาจากพี่สาว (แอนภูวนิดา คุนผลิน) วันดีคืนดีก็ไปซื้อมาเลี้ยงเลย คือลัคกี้ เป็นพันธุปอม มาแรกๆ ก็ตัวเท่าฝ่ามือ เราก็เป็นพี่เลี้ยง เอามานอนด้วยทุกวัน ไปทำงานก็หอบไปด้วย และก็พันธุ์นี้เขาก็จะขี้อ้อน ติดคน และก็ฉลาดมาก ถึงตอนนี้ก็อายุ 14 ปีแล้วถือว่าอายุยืนมาก เขาเป็นหมาน่ารัก ไม่ดุเลย” พี่เอ๋เล่าถึงลูกชายด้วยอารมณ์กรุ่มกริ่มเจืออารมณ์รัก
“ตอนนี้เขาเป็นโรคหลอดลมตีบ ซึ่งจะเป็นกับสุนัขพันธุ์นี้ เขาจะนอนในห้องแอร์ไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องมานอนกับแม่บ้านข้างล่าง แต่เราก็ไม่ได้หลงลืมยังรักและใส่ใจเขาเหมือนเดิม”
ความรักยังถูกสานต่อ พี่เอ๋ จึงได้สนุ๊ปปี้ เจ้าตัวเล็กสีขาวสะอาดตาสายพันธุ์เดียวกันมาเป็นลูกชายเพิ่มขึ้นอีกตัว
“ตัวนี้ชื่อสนุ๊ปปี้ค่ะอยู่กับพี่มาได้ 3 ปีแล้ว เหตุมันเกิดที่ว่าวันหนึ่งไปเดินเล่นที่ เค วิลเลจ และมีร้านขายสุนัขร้านหนึ่งเราก็เข้าไปดู ไม่ได้คิดอะไรเล้ย ถ้าอยากจะเลี้ยงก็คิดว่าจะเลี้ยงปอมเหมือนเดิมนี่ล่ะ พอดีเข้าไปก็ไปเจอสุนัขตัวเล็กๆ สีขาวเป็นพันธุ์ที่เราอยากได้อยู่พอดี ในใจคิดว่าแย่แล้วงานนี้เสร็จฉันแน่ (หัวเราะ) และ 1 ใน 3 ตัวนั้นมองมาที่เราพอดีคือมันจะมีเซนต์ว่ามันต้องเป็นของเรา ก็โทรหาพี่สาวเลย พี่สาวพอรู้ว่าเป็นสีขาวเราถ่ายรูปส่งไปให้ดู ก็ไม่ได้ยับยั้งบอกว่าเอาเลย น่ารักมาก ไม่คิดจะยับยั้งกันเลย (หัวเราะ)”
เจ้าสนุ๊ปปี้ตัวน้อยก็เหมือนผ่านเข้ามาเติมเต็มความรักของพี่เอ๋ให้เต็มเปี่ยมเข้าไปอีก
“นิสัยเขาจะอุยยย ใหญ่มาก (หัวเราะ) คือเขาคิดว่าเป็นเจ้าของบ้านนะ อย่างเข้าห้องคุณแม่ก็จะไม่นั่งที่พื้นนะ คือไม่บนเตียงก็บนโซฟา บางทีก็ขึ้นมานั่งที่เรา เป็นหมาที่รักเจ้าของมาก หวงของมาก (ลากเสียงยาว) และลืมไปเลยว่าตัวเองตัวเล็ก ชอบเล่น ชอบสนุก พอเรากลับมาถึงบ้านปุ๊บเขาก็จะดีใจ ก็จะสอนให้เขาสวัสดี เขาก็ทำได้ โดยเฉพาะอะไรที่เขาอยากกิน อยากเล่นก็จะสวัสดี แต่บทจะหยิ่งก็ไม่เอาเลยนะ แต่บางทีเขาก็มีโลกส่วนตัวนะ จะคาบของเล่นแล้วไปแทะคนเดียว แล้วก็หลับไปเลย
เหตุการณ์ที่ประทับใจเขา คือตอนเลี้ยงพวกเขาเราแทบจะไม่ได้ไปต่างประเทศกับต่างจังหวัดเลย จนวันหนึ่งต้องไปต่างประเทศหลายวัน พอกลับมาเขาก็กระโดดๆๆๆ สวัสดีๆ แล้วก็ฉี่แตก (หัวเราะ) ดีใจมาก จูบซ้ายจูบขวา เราก็โอ๊ยตายแล้ว มันก็เหมือนกับคนนะ แต่พูดไม่ได้ เขาเหมือนเป็นลูกนะ เราห่วงเขา และเข้าใจว่าคนที่ไม่มีลูกทำไมเขาถึงได้รักหมาได้มากขนาดนั้น คือความห่วงมันเหมือนกัน
บางทีเขาป่วยเรานี่แทบตายเลยนะ บางทีเขาก็ไฮเปอร์มาชวนเล่น เราก็ไม่ไหวแล้วนะง่วงแล้วนะ บางทีเราปิดไฟเพื่อจะนอน เขาก็ทำเสียงเหมือนอะไรติดคอ พอเปิดไฟเขาก็จะหาย นี่ตกลงมีอะไรติดคอหรือเรียกร้องความสนใจจ้ะ (หัวเราะ)
สำหรับพี่มีบางคนบอกว่าหมาเป็นชาติสุดท้ายแล้วก่อนที่จะไปเกิดเป็นคน เขาจะรู้มากอย่างบางทีเราบอกว่าไปเที่ยวกัน เขาจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะ แค่ถือกระเป๋าเขาก็จะวิ่งตามเลยนะ แค่นั่งรถเที่ยวเดียวก็เอา (หัวเราะ)
เขาเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเรานะ ทำให้เราอ่อนโยนมากเลยนะ และเป็นเพื่อนที่ดีได้ เราคุยกันทุกวัน เขาจะมาเขี่ย มาเลีย มาปรับทุกข์กัน ต้องมาเปิดประตูให้เขาเล่นแต่เช้า ทำให้เราใส่ใจ เขาเป็นเพื่อนที่ดีได้เลย จนเรารู้ว่าถ้าเขานั่งแบบนี้ นอนเหยียดแบบนี้ เขาจะต้องการอะไร”
สุดท้ายพี่เอ๋ยังฝากถึงผู้ที่จะเลี้ยงสัตว์ได้อย่างน่าประทับใจ
“การที่เราจะเลี้ยงอะไรสักอย่างพี่ว่าควรจะต้องศึกษาเขาให้ดีๆ ว่าเหมาะกับเราไหม และอยากให้เลี้ยงเพราะรักเขาจริงๆ ไม่ใช่เลี้ยงเพราะแฟชั่น พี่ว่าเขามีชีวิต มีหัวใจ เหมือนกับเรา หัวใจเขามีเพื่อเรา เราก็ต้องให้เขาเหมือนกัน มองตาเราก็จะรู้แล้ว เขาไม่ต่างกับคนเหมือนกัน เขาเป็นที่สุดของเราแล้วค่ะ”


