posttoday

การเจริญธรรม-จำพรรษา ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ในปี' 57

20 กรกฎาคม 2557

ปุจฉา ทราบว่า พระอาจารย์ไปจำพรรษาที่อินเดีย... คำถามสั้นๆ ว่า ทำไมต้องจำพรรษาที่อินเดีย

ปุจฉา ทราบว่า พระอาจารย์ไปจำพรรษาที่อินเดีย... คำถามสั้นๆ ว่า ทำไมต้องจำพรรษาที่อินเดีย เพราะยากลำบากกว่าการจำพรรษาในวัดวาอารามบ้านเราเยอะแยะ อานิสงส์ต่างกันหรืออย่างไรไม่ทราบครับ...

วิสัชนา เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา จากคำถามลอยลมแบบนี้ อาตมาพบบ่อย ตอบบ้างไม่ตอบบ้างขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ฟัง (ผู้อ่าน) หรือไม่... ประโยชน์ที่ว่า คือ การเรียนรู้พระพุทธศาสนา !!

พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาว่าด้วยการเรียนรู้ ที่เรียกว่า ศึกษาปฏิบัติ เพื่อให้เข้าถึงความรู้ในสิ่งที่เรียนรู้ โดยการกำหนดรู้ในวัตถุหรือเรื่องราวนั้นอย่าง กำหนด-จดจ่อ-ต่อเนื่อง-ตรงอาการ-รู้เท่าทัน จนเกิดความรู้ถูกความรู้ชอบความรู้ตรงตามธรรม ที่เรียกว่า เกิดปัญญา อันจะนำไปสู่การปฏิบัติชอบ จนรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมหรือเรื่องราวนั้นๆ... พุทธศาสนาจึงวางรูปแบบการศึกษาเพื่อปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนทุกขั้นตอน ตั้งแต่เบื้องต้นท่ามกลาง และที่สุด เพื่อบรรลุผลตามเป้าหมายของการศึกษา

การอยู่จำพรรษาที่ใดที่หนึ่ง หรือการโคจรไปในสถานที่ต่างๆ นั้น คงไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับการปฏิบัติตนอยู่ในรูปแบบของการศึกษาปฏิบัติ ตลอดเวลาทุกขณะจิต จนกว่าจะจบกิจ (การศึกษา)... ดังที่ทรงสั่งสอนให้เจริญสติกำหนดรู้อยู่เฉพาะหน้าทุกขณะ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในวัตถุที่ถูกกำหนดรู้นั้น ดังการเจริญสติปัฏฐาน 4 อันเป็นหลักการศึกษาปฏิบัติในพระพุทธศาสนา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ การศึกษาปฏิบัติเพื่อการไม่ทำความชั่วทั้งปวง... ประกอบความดีให้ถึงพร้อม และพัฒนาจิตให้บริสุทธิ์ โดยมุ่งการเจริญสติปัญญาให้กำหนดรู้เท่าทันอยู่ที่ปัจจุบันธรรม ซึ่งดูเหมือนไม่ต้องเกี่ยวเนื่องกับเรื่องใดๆ ภายนอกเลย แต่บนบรรทัดฐานของการพัฒนาชีวิตตามกระบวนการศึกษาในวิถีพุทธนั้น ย่อมปฏิเสธไม่ได้ในสิ่งต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต เพื่อเกื้อกูลหรือทำลาย

ดังนั้น การแสวงหาความเป็น สัปปายะ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย เกื้อกูลสงเคราะห์ต่อการศึกษาปฏิบัติตามคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนานั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะในวิสัยปุถุชนทั้งหลาย จึงมีหลักธรรมเรื่องที่ยังให้เกิดความสบาย (สัปปายะ) ในคำสั่งสอนว่าด้วย สัปปายะ 4 อย่าง ได้แก่ ที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องสะดวก มีความเหมาะสม บรรยากาศดี เรียกว่า อาวาสสัปปายะ... มีบุคคลที่แวดล้อมเหมาะสม เกี่ยวข้องแล้วเกื้อกูลให้เจริญในธรรม เรียกว่า ปุคคลสัปปายะ มีอาหารบริโภคพอเหมาะถูกธาตุขันธ์ เรียกว่า อาหารสัปปายะ และมีหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง ถูกจริตแก่ผู้ศึกษาปฏิบัติธรรม เรียกว่า มี ธรรมสัปปายะ

หากจะกล่าวเพิ่มเติมใน สัปปายะ เพื่อให้ครบทุกด้าน ก็ต้องเพิ่มข้อดินฟ้าอากาศธรรมชาติที่เหมาะสม ไม่หนาวเกินไป... ไม่ร้อนเกินไป เรียกว่า อุตุสัปปายะ... อยู่ในสถานที่อันเกื้อต่ออิริยาบถที่เหมาะควร มีการเคลื่อนไหวได้พอดีถูกกับจริต ที่เรียกว่า อิริยาปถสัปปายะ ตลอดจนมีการพูดคุยสนทนากันพอเหมาะ เกื้อกูลต่อการศึกษาปฏิบัติธรรมให้เกิดกำลังความตื่นรู้ตื่นทำอยู่ตลอด เรียกว่า ภัสสสัปปายะ

การไปอยู่จำพรรษา หรือการโคจรไปในที่ใดของพระภิกษุในพระพุทธศาสนานั้น จะต้องคำนึงถึงหลักสัปปายะที่เกื้อกูลต่อการดำเนินชีวิตไปตามวิถีธรรมของความเป็นสมณะ (สมณธรรม) ซึ่งปัจจุบันในประเทศของเรามีวัดวาอารามหลายแห่งที่พร้อมสมบูรณ์เหมาะควรแก่การอยู่จำพรรษา หรือโคจรไปในดินแดนดังกล่าว เพื่อการศึกษาปฏิบัติธรรม... ซึ่งคงจะพรั่งพร้อมสมบูรณ์ มากกว่าการไปอยู่จำพรรษาในต่างแดน แม้ในเขตแดนชมพูทวีป ได้แก่ อินเดีย เนปาล ในปัจจุบัน

แต่ด้วยเงื่อนไขสำคัญที่สืบเนื่องต่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป อันเป็นแผ่นดินเกิดของพระพุทธศาสนา จึงทำให้อาตมาตัดสินใจเดินทางไปจำพรรษาในแดนมาตุภูมิของพระพุทธศาสนา ซึ่งถึงแม้ว่า พระพุทธศาสนาจะอันตรธานไปจากชมพูทวีปมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 17 เศษๆ... ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าว คือ การได้รับอนุญาตจากหน่วยงานรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย เป็นหนังสือทางราชการ (Official Permit) ให้อาตมาเข้าพักอยู่จำพรรษาในสวนป่าเวฬุวัน หรือวัดเวฬุวันมหาวิหาร อันเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าของเราเคยทรงประทับอยู่ในมหาวิหารแห่งนี้ถึง 5 พรรษา จาก 45 พรรษาของพระพุทธองค์

อาตมาจึงได้นำพระภิกษุติดตามไปอยู่จำพรรษาด้วย รวมทั้งสิ้น 5 รูป เพื่อสามารถกระทำสังฆกรรมได้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เช่น การรับผ้ากฐิน ฯลฯ

การรับผ้ามากรานกฐินนั้นเป็นพุทธวิสัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงร่วมกระทำกับพระสงฆ์สาวก จึงเป็นความยิ่งใหญ่แห่งการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนา หากเราพุทธบริษัทได้ร่วมกันประกอบศาสนกิจให้ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย ดังเช่น การได้ถวายกฐินของภิกษุสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาครบไตรมาส รวม 5 รูป ในวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งอาตมาและพระภิกษุทั้ง 4 รูปตั้งใจว่า จะซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม ให้สำเร็จสมบูรณ์ในการตัดเย็บไตรจีวร (สังฆาฏิ... จีวร... สบง) โดยจะดูความเหมาะสมว่าจะทำผืนใดผืนหนึ่ง หรือจะตัดเย็บกี่ผืน ซึ่งคงต้องประเมินกำลังอีกครั้งหนึ่ง แต่รับรองว่าถูกต้องตามพระวินัย ว่าด้วยการกรานผ้ากฐินแน่นอน

โดยอาตมาได้รับการปวารณาถวายผ้ากฐินเรียบร้อยแล้วจากคณะศรัทธา ซึ่งจะเดินทางไปร่วมงานถวายผ้ากฐินที่วัดเวฬุวันมหาวิหารกันมากพอสมควร ด้วยเป็น กฐินสามัคคีของพุทธศาสนิกชน จะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 2030 ต.ค. 2557 ซึ่งจะมี ม.ล.สราลี กิติยากร เดินทางไปร่วมงาน และมีการถ่ายทำบันทึกเทป เพื่อนำมาออกอากาศเผยแพร่ภาพเสียงในประเทศไทย ทั้งนี้ ได้กำหนดวันทอดถวายผ้ากฐินในวันพุธที่ 22 ต.ค. 2557 โดยจะมีการตั้งองค์กฐิน สวดสมโภชที่พระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา อินเดีย 3 วัน สนับสนุนการจัดงานสมโภช โดย มหาโพธิสมาคมในอินเดีย... จึงเจริญพรมาเพื่อทราบว่า ทำไมอาตมาจึงมุ่งตรงสู่วัดเวฬุวันฯ เพื่ออยู่จำพรรษาที่นั่น ในปีพรรษาพุทธศักราช 2557 นี้

เจริญพร

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์