มิน พีชญาปุ๊กลุก ฝนทิพย์ คู่ซี้นางเอก
ใครมโนว่า เมื่อนางเอก 2 คนมาเจอกัน ต้องเชิดใส่กัน ประหนึ่งว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ จงลืมภาพนั้นไปเสีย
โดย...นกขุนทองอภิชชญา ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
ใครมโนว่า เมื่อนางเอก 2 คนมาเจอกัน ต้องเชิดใส่กัน ประหนึ่งว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ จงลืมภาพนั้นไปเสีย เพราะภาพจริงสำหรับนางเอกร่วมช่อง 7 สี “มินพีชญา วัฒนามนตรี” และ “ปุ๊กลุกฝนทิพย์ วัชรตระกูล” กลับกลายเป็นสองนางเอกคู่ซี้ที่กอดคอกันหัวเราะร่าน้ำตาเล็ดมาด้วยกันหลายหน แม้ว่าจะเพิ่งผูกสัมพันธไมตรีได้เพียงปีเดียว แต่ความสัมพันธ์ก็แน่นปึ้ก ถึงขนาดส่งให้ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนซี้นางเอกที่คว้าชิ้นปลามันเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ผมยี่ห้อซันซิล เพราะต้องการหาคู่เพื่อนที่สนิทสนมกันส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่กัน ซึ่งตรงกับเรื่องจริงของทั้งคู่เป๊ะ!!
‘มิน-ปุ๊กลุ๊ก’ แข่งกันพัฒนาการแสดง
“เรารู้จักกันนานแล้วค่ะแต่เพิ่งมาสนิทกันประมาณปีหนึ่ง” สาวมินเล่า “แรกๆ เริ่มจากการคุยเรื่องการแสดง มันเป็นเรื่องที่ประหลาดนะ เพราะมินกับปุ๊กเป็นนางเอกร่วมช่องกันมานาน เข้าวงการมาก็พร้อมๆ กัน แต่ด้วยความเป็นนางเอกทั้งคู่เลยยากที่จะได้ร่วมงานกัน วันหนึ่งไปงานนาฏราชบังเอิญนั่งโต๊ะเดียวกันถึงได้มีโอกาสคุย เขาถามมินเกี่ยวกับการแสดง แล้วพอดีมินเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรอยู่แล้วเลยบอกเขาไปตรงๆ ว่ามินเล่นอย่างนี้นะ ถือว่าเราแชร์กัน แล้วปุ๊กเล่นยังไงเหรอ เขาบอกว่ามินดูเป็นคนเข้าถึงยาก ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสคุยเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ แล้วพอเจอกันมินกลับเปิดทุกอย่างโดยที่เขารู้สึกว่าถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มานั่งบอกเทคนิคการแสดงเพราะเดี๋ยวเธอเก่งเท่าฉัน แต่มินคิดว่าเป็นเรื่องดีที่มีเพื่อนให้แข่งขันไปด้วยกัน เหมือนเพื่อนที่เล่นกีฬาแข่งกันทำให้เราทั้งคู่มีแรงจูงใจในการทำงาน เราสนุกกับงานและสนุกกับการแข่งกันด้วย (หัวเราะ)
เราจะเป็นกระจกให้กันและกัน เหมือนอย่างงานซันซิลจะเห็นชัดเป็นงานชิ้นแรกที่เราได้ร่วมถ่ายงานด้วยกันแล้วเขาก็จะตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ถ่ายโฆษณา เขาก็รู้สึกว่าโชคดีจังที่ได้ถ่ายกับเพื่อน เขาจะเป็นแบบอันนี้โอเคยังๆ ดียังๆ ถามอยู่นั้นทั้งวันเลยค่ะ ถ่ายซันซิลไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะมินเหมือนเป็นโค้ชให้ปุ๊กลุก
ตอนแรกเป็นโจทย์ของซันซิลเลยนะคะว่าเรื่องนี้อยากได้ใครก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเพื่อนมิน เราก็เพื่อนมินหรอคะงั้นปุ๊กลุกเลยค่ะ ไม่เห็นต้องทำให้รู้สึกเลยก็เอาเพื่อนมินจริงๆ มาสิคะ คนก็เห็นกันอยู่แล้วว่าเราสนิทกัน มินก็รู้สึกสนิทใจที่จะเล่นด้วย แล้วมันก็ง่ายที่จะรีแอ็กกัน คือเราก็เล่นง่าย ทุกคนก็เห็นด้วยกลายเป็นความลงตัว
ในการทำงานเราจะเป็นกระจกให้กันและกันเสมอเพราะเราชอบและสนุกกับการพัฒนาตัวเองทั้งคู่ เช่น เรื่องนี้เล่นดีหรือยัง ยังแก้ตรงนี้ได้อีกนะ ส่วนในชีวิตจริงเขาเป็นเพื่อนที่แม้เวลาลำบากเขาอยู่เคียงข้าง คอยดูแลกันและกัน มีอะไรเราช่วยเหลือและแชร์กันตลอด เรารู้สึกได้ว่านี่แหละคือความเป็นเพื่อน มีแต่สิ่งดีๆ ให้กัน ยิ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกันทำให้เราคุยกันได้ทุกเรื่อง
ปุ๊กเวลารักใครแล้วรักจริงๆ ให้ใจมากเลย มีช่วงหนึ่งมินมีเรื่องไม่สบายใจแม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่เราเห็นเลยว่าเขาเป็นห่วงเรามาก ถ้าเป็นคนที่ไม่ใส่ใจจะไม่ทำให้เราเห็นขนาดนี้ นี่เราสัมผัสได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ให้ใจ เจ๋งอะ รู้สึกว่าไม่ธรรมดา เราชอบ หลังจากนั้นก็คลิกกันเลย มีอะไรโทรหากันตลอด
เรื่องที่มินเป็นห่วงปุ๊กคือเขาตรงมาก ตรงจนบางทีคนเข้าใจผิด ภาพลักษณ์เขาคือมีความมั่นใจในตัวเองสูง ซึ่งจริง เขาเป็นคนที่ต่อให้ข้างในเป็นยังไง ข้างนอกต้องดูสวยและทรงพลังที่สุด เป็นเรื่องดีนะคะเพียงแต่บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยทุกเรื่อง อย่างมินยังมีเบรกเรื่องของการกระทำและคำพูด แต่เขาจะปล่อยทุกอย่างที่คิดออกมา ซึ่งข้อดีข้อเสียก็ต่างกัน ทำให้เขาดูสุดในทุกอย่างและเป็นคนที่ไม่มีความลับเลย ปุ๊กลุกเป็นคนที่ไม่มีผิดมีภัยกับใครแน่นอน”
‘ปุ๊กลุก’ พร้อมอยู่ข้าง ‘มิน’ เสมอ
“พี่มินมีคาแรกเตอร์ในตัวหลายแบบมาก ทั้งเข้มแข็ง สดใส แอ๊บแบ๊ว ทำให้เขาปรับตัวอยู่กับคนรอบข้างได้เยอะ แต่สิ่งที่โดดเด่นและทำให้เขาเป็นเพื่อนที่น่ารักคือเขาไม่คิดเยอะ เป็นคนแมน เวลาคิดอะไรก็พูดตรงๆ ในความเก่งของเขา เขาไม่เคยหวง สามารถแชร์ให้คนรอบข้างได้ขึ้นอยู่กับคนฟังว่าจะรับหรือเปล่าแล้วบังเอิญเรารับ
ที่ประทับใจมากคือในงานวันเกิดของเรา เขาบอกว่าดีใจที่มีโอกาสได้เจอปุ๊กกับเพื่อน ทำให้รู้สึกว่าชีวิตในวงการบันเทิงของเขาไม่เคว้งคว้างน่าเบื่อเลย เพราะมีเพื่อนที่ทำให้มีความสุขในทุกๆ วัน เราดีใจมากที่เขารักเราและรักคนรอบข้างที่เป็นเพื่อนของเราด้วย พี่มินเป็นคนใจกว้างเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจและทำความรู้จักคนรอบข้างเรา เอาเพื่อนเราทุกคนไปอยู่ในตัวเขา ซึ่งต่างจากตัวหนูที่ยังมีแค่เปิดกับปิด ถ้ารักใครคือรักถ้าไม่รักคือแค่รู้จักแต่ไม่ให้ใจ อาจเพราะหนูเป็นคนโลกส่วนตัวสูงด้วย ทุกวันนี้เกลียดตัวเองในการออกไปเจอคน และด้วยไลฟ์สไตล์เป็นคนนอนเร็วทำให้คนที่ไม่เข้าใจจะคิดว่าเราไม่อยากไปเจอ ไม่ให้ความร่วมมือในการสังสรรค์ แต่พี่มินคือความลงตัวอย่างน้อยเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าหนูนอน 4 ทุ่ม (หัวเราะ) ถ้านัดกันหลังจากนี้เขาต้องมาหาหนูที่บ้าน
หนูไม่ได้เป็นสายสดใส ส่วนใหญ่เรื่องเที่ยวพี่มินจะเป็นคนชวนว่าปุ๊กไปห้างกัน ทำเล็บกัน ฝ่ายสดใสร่าเริงจะเป็นเขา เราจะเป็นแบบถ้าทุกข์เดี๋ยวไปหา เคยบอกเขาว่าถ้าชีวิตไม่มีปัญหาไม่ต้องเจอกันก็ได้ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ ช่วงไหนมีความสุขไม่ต้องคิดถึงเราแต่ถ้าร้องไห้เสียใจจะอยู่เคียงข้าง เราแมนในมุมของเรา คำว่าเพื่อนไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่คือคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างในวันที่มีปัญหา สำหรับหนูไม่ต้องเอาความสุขมาแบ่งปันให้ก็ได้เก็บไปเต็มๆ เลย แต่ถ้าทุกข์เราอยู่เคียงข้างคุณ
ถามว่าระยะเวลา 1 ปีที่สนิทกันมันสั้นไหม หนูมองว่าเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต คนเรามีช่วงที่ต้องการแชร์เป็นพิเศษแล้วหนูอยู่ในจังหวะนั้นของเขาพอดี เป็นช่วงที่เขาเจอเรื่องเยอะแล้วเราอยู่เคียงข้างในทุกเวลานั้น ถึงแม้ระยะเวลาจะสั้นแต่เป็นช่วงที่เปิดใจคุยกันตลอด เขาจะรู้ว่าเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาเสมอในเวลาที่เขาต้องการการตัดสินใจ ไม่มีการแนะนำสิ่งที่ไม่ดีให้กับเพื่อน หรือในเวลาทุกข์ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็พร้อมจะอยู่เคียงข้าง เราเหยียบสุดกำลังเท่าที่จะสามารถทำให้คนคนหนึ่งสบายใจก่อนกลับไปใช้ชีวิตปกติ"


