posttoday

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

21 มิถุนายน 2557

ต้นเดือน มิ.ย. ผมมีโอกาสเดินทางไปเยือนบุรีรัมย์ แดนปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟอีกครั้ง

โดย...เสก สามย่าน

ต้นเดือน มิ.ย. ผมมีโอกาสเดินทางไปเยือนบุรีรัมย์ แดนปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นการไปชมปราสาทหินสองแห่ง คือ ปราสาทพนมรุ้งกับปราสาทเมืองต่ำ อันที่จริงปราสาทพนมรุ้งนั้นเคยไปเที่ยวชมมาเเล้วเมื่อกว่าสี่ปีก่อน แต่ผมก็ออกจะละอายใจที่จะบอกเล่าว่าผมแทบเก็บเกี่ยวเอาอะไรมาไม่ได้เลย เพราะไปเที่ยวแบบไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง นอกจากความรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นตัวปราสาทเป็นครั้งแรก ที่ยังประทับใจอยู่ถึงทุกวันนี้

อย่างที่เขาว่า กลับมาเที่ยวที่เดิมอีกกี่ครั้ง เรื่องความประทับใจนั้นมันสู้ครั้งแรกไม่ได้

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

บุรีรัมย์เป็นจังหวัดภาคอีสานตอนใต้ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไรนัก เดินทางด้วยรถไม่เกินครึ่งวันก็ถึง หรือจะไปด้วยเครื่องบินก็ได้ การเดินทางใช้ถนนมิตรภาพจากสระบุรี แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัยเดชอุดม) ผ่าน อ.หนองกี่ พอดีว่าช่วงนี้เป็นช่วงหลังรัฐประหารเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมือง พอนั่งรถมาถึงช่วง อ.นางรอง ก็เจอทหารตั้งด่านตรวจตราความเรียบร้อยอยู่เป็นระยะ ที่ตัว อ.นางรอง นั้นมี “ขาหมูลักขณา” เจ้าอร่อยร้านใหญ่โตตั้งอยู่ติดถนน จะแวะกินเสียก่อนก็ได้ จากนั้นพอถึงสามแยกบ้านตะโกเลี้ยวขวาตามเส้นทาง 2117 ไปปราสาทพนมรุ้ง แต่ว่าคราวนี้ผมเลยไปที่ปราสาทเมืองต่ำก่อน ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 8 กิโลเมตร นัยว่าเที่ยวปราสาทบนพื้นราบก่อนแล้วค่อยขึ้นไปเที่ยวปราสาทบนเขา

ปราสาทเมืองต่ำตั้งอยู่ในเขตอำเภอประโคนชัย ข้างๆ เป็นแหล่งชุมชนบ้านโคกเมืองที่มีความคึกคักทีเดียว หากพอมีเวลาก็เข้าไปเที่ยวเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นต่างๆ ได้ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิตรา “ภูเขาไฟ” เป็นข้าวคุณภาพดีเพราะปลูกในพื้นที่ดินภูเขาไฟซึ่งมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ประเทศไทยมีดินภูเขาไฟอยู่แปดแห่ง มีอยู่ที่บุรีรัมย์เสียหกแห่ง เพราะฉะนั้นเรื่องพืชผลในละแวกนี้เป็นอันว่าอุดมสมบูรณ์และมีคุณภาพ คือปลูกอะไรก็อร่อยไปเสียหมดว่างั้น

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

ออกจากประตูบ้านโคกเมืองก่อนถึงตัวปราสาทจะเห็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ (ทิศเหนือของปราสาท) เขาเรียกกันว่า “บาราย” ซึ่งสร้างขึ้นพร้อมตัวปราสาทเมื่อกว่าพันปีที่เเล้ว มีความยาวถึงหนึ่งกิโลเมตร สันนิษฐานว่าสมัยนั้นคงมีประชากรหนาแน่นมาก จึงมีการขุดอ่างน้ำไว้เป็นแหล่งน้ำใช้เพื่อการเกษตร

อย่างที่ได้บอกว่า แม้ผมจะเคยมีความประทับใจเมื่อคราวเห็นปราสาทพนมรุ้งเป็นครั้งแรกแล้วนั้น แต่เมื่อได้เห็นปราสาทหินเมืองต่ำก็มีความประทับใจอีกแบบ มองจากมุมกว้างๆ ตัวปราสาทจะไม่ค่อยสมบูรณ์ โดยเฉพาะปราสาทประธานซึ่งอยู่ตรงกลางนั้นได้พังถล่มลงมาเหลือเพียงซากหินกองใหญ่ แต่ก็ยังคงมีความสวยงามอยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้าและระเบียงคดด้านหน้า ความโดดเด่นของปราสาทแห่งนี้คือรูปปั้นพญานาคห้าเศียร ศีรษะเกลี้ยง (หัวโล้น) ไม่มีเครื่องประดับเหมือนพญานาคในกลุ่มปราสาทขอมแห่งอื่น และมีสระน้ำเป็นรูปตัวแอลอยู่ทั้งสี่มุมในบริเวณปราสาท

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

อย่างไรก็ตาม ปราสาทเมืองต่ำแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ชัดเจนเนื่องจากไม่พบหลักฐาน เช่น ศิลาจารึก แต่ดูจากศิลปะของตัวปราสาท คาดว่าสร้างราวหลัง พ.ศ. 1500 จนถึงกลาง พ.ศ. 1600 โดยถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2444 และเหตุที่เรียกว่าปราสาทเมืองต่ำ ก็เรียกตามภาษาชาวบ้านในละแวกนี้ที่ถือว่าปราสาทแห่งนี้อยู่ต่ำกว่าปราสาทพนมรุ้งที่อยู่บนเขาสูง ปราสาทได้รับการบูรณะเมื่อปี 25302539 และเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในปีถัดมา

แดดกำลังบ่ายคล้อยพอดี ก็เดินทางไปปราสาทพนมรุ้งกันต่อ คนไทยส่วนใหญ่คงรู้จักปราสาทแห่งนี้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ทางการไทยต้องทวงคืนมาจากต่างแดน หรือเรื่องพระอาทิตย์ส่องแสงลอดผ่านทุกบานประตูของปราสาทพร้อมกัน

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

เมื่อนั่งรถขึ้นไปบนเขาพนมรุ้ง ตรงตีนเขาขอให้สังเกตทางด้านขวามือ คือด้านทิศเหนือ ก็จะเห็นบารายหรืออ่างน้ำเช่นเดียวกับที่ปราสาทหินเมืองต่ำ การขึ้นไปชมปราสาทหินพนมรุ้งมีให้เลือกสองทาง คือเข้าทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ถ้าเข้าด้านหน้าจะเดินไกลหน่อย ส่วนทางด้านหลังสามารถขับรถยนต์ขึ้นไปถึงตัวปราสาทได้เลย แต่เพื่อประสบการณ์ที่ถูกต้องในการชม ก็ควรจะเข้าด้านหน้า เพราะจะได้เดินผ่านชั้นต่างๆ ของปราสาทขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละชั้น มีคนเปรียบไว้ว่า เดินขึ้นชมปราสาทพนมรุ้ง ก็เหมือนเดินขึ้นเขาไกรลาสตามตำนาน จะไปถึงจุดสูงสุดก็ต้องใช้เวลา ผ่านไปทีละขั้นทีละตอน จึงจะรู้ซึ้งถึงความหมายและคุณค่าของสิ่งที่อยู่บนจุดสูงสุด

ปราสาทหินพนมรุ้ง ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในเมืองไทย และเป็นสัญลักษณ์ของ จ.บุรีรัมย์ ตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายสีชมพู อยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทเเล้วสูงกว่า 200 เมตร สร้างตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 เสร็จในราวพุทธศตวรรษที่ 18 สร้างตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย คือนับถือพระศิวะ เพื่อให้เป็นเทวสถานถวายเป็นที่ประทับของของพระศิวะบนยอดเขาไกรลาส

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

หากมองจากด้านบน จะเห็นองค์ประกอบอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ วางเรียงตัวกันเป็นแนวเส้นตรง พุ่งเข้าหาจุดศูนย์กลาง คือ ปราสาทประธาน ช่างเป็นงานก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ชวนให้สงสัยและมหัศจรรย์อย่างยิ่งว่า คนในสมัยโบราณสร้างปราสาทหลังนี้ขึ้นมาได้อย่างไร

ลัทธิไศวนิกายนั้นนับถือพระศิวะ โดยมีรูปเคารพคือ “ศิวลึงค์” ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในปราสาทประธาน นึกเสียว่าเหมือนพุทธศาสนสถานก็คือวัด ที่มีโบสถ์เป็นประธาน สิ่งที่สำคัญที่สุดในโบสถ์ก็คือพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หากแต่ศาสนาฮินดูไศวนิกายใช้ศิวลึงค์เป็นรูปเคารพ โดยแท่นศิวลึงค์ตั้งอยู่บนฐานโยนี ซึ่งเป็นของพระมเหสีคือพระอุมาเทวี ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ที่จุดกึ่งกลางปราสาทประธาน

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

ทั้งศิวลึงค์และโยนีก็คือสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชายและหญิง ถามว่าทำไมคนสมัยก่อนถึงเชื่อในสิ่งนี้ ก็สันนิษฐานกันว่า สังคมโบราณเป็นสังคมเกษตรกรรม แรงงาน ก็คือ คน จึงสำคัญมาก และจุดกำเนิดของคนก็คือเครื่องเพศทั้งสองดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้นหากใครถามว่าปราสาทขอมคืออะไร ใช้ทำอะไร คำตอบก็คือ เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ส่วนว่ามีพิธีอะไรนั้นก็คงต้องไปศึกษารายละเอียดกันเอาเอง

ปราสาทพนมรุ้งได้ชื่อว่าสมบูรณ์เพราะยังมีภาพจำหลักสำคัญๆ ที่ยังคงสภาพลวดลายต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี ทำให้เห็นความงดงามทางศิลปะแม้เวลาจะผ่านมานับพันปี อาทิ ภาพโยคีหรือฤาษีอยู่ที่ทับหลังชั้นในสุดของปราสาทประธาน ภาพพระศิวะนาฏราช อยู่ที่หน้าบันด้านตะวันออกของมณฑปปราสาทประธาน และภาพสลักทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ หรือทับหลังของมณฑปด้านตะวันออก ซึ่งได้รับการบูรณะแล้วและนำมาประกอบเข้ายังตำแหน่งเดิม รับรองได้ว่าเป็นทับหลังของแท้แน่นอน

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

ไฮไลต์อีกอย่างของปราสาทหินพนมรุ้ง ก็คือ ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ “สุริยะสาดส่องตรง 15 ช่องประตู” ปีละ 4 ครั้ง คือเป็นดวงอาทิตย์ขึ้น ในเดือน เม.ย.และ ก.ย. และอาทิตย์ตกในเดือน มี.ค.และ ต.ค. หากอยากมาชมก็รีบเคลียร์คิวงานกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ เพราะข่าวว่ามีคนมารอชมแน่นขนัดทุกปี เกรงว่าหากมาช้าจะมาแย่งที่ยืนไม่ทันคนอื่นเขา

นอกจากปราสาทพนมรุ้งกับปราสาทเมืองต่ำแล้ว เห็นว่าแถบอีสานของไทยมีปราสาทหินหรือปราสาทขอมอยู่นับสิบๆ แห่ง มีได้อย่างไร? ก็เพราะว่าในสมัยเมื่อหนึ่งพันกว่าปีก่อนนั้น ขอมโบราณเรืองอำนาจมาก ได้แผ่ขยายอิทธิพลมาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นเขตจังหวัดอีสานตอนใต้ของไทยในปัจจุบันนั่นเอง นัยว่าขอมครองที่ไหน ก็มีปราสาทที่นั่น เมื่ออาณาจักรซึ่งเป็นเรื่องของการเมืองการปกครองเสื่อมลง ก็เหลือไว้เพียงอิฐหินเป็นร่องรอย เป็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์แก่คนรุ่นหลัง แต่ก็ยากที่จะจินตนาการภาพออกว่าคนสมัยนั้นเขาอยู่กันอย่างไร

ท่องบุรีรัมย์ เที่ยวปราสาทหิน ยลของเก่า มองของใหม่

 

อย่ากระนั้นเลยครับ ผมว่าสิ่งก่อสร้างต่างๆ ของเราในยุคสมัยนี้ก็น่ามหัศจรรย์มิใช่เล่น ทั้งรถไฟฟ้าบนดินใต้ดินนับสิบสาย ทางด่วนใหญ่โตพาดระโยงระยาง ตึกรามโอฬาร ถ้ามันยังหลงเหลืออยู่ถึงยุคพันปีข้างหน้า ผมก็อยากรู้ว่า คนในสมัยอนาคตเขาจะมองกลับมาที่คนรุ่นเราอย่างไร

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์