พราย+เมธี=เพลงกวีทำนองป๊อป(แบบมึนๆ)
พรายแอนด์เมธี โปรเจกต์ โพเอตติก พาร์ต (Pry & May-T Project Poetic part) งานเฉพาะกิจของสองหนุ่มสุดติสต์ "เมธีน้อยจินดา"และ "พราย-ปฐมพร ปฐมพร"
พรายแอนด์เมธี โปรเจกต์ โพเอตติก พาร์ต (Pry & May-T Project Poetic part) งานเฉพาะกิจของสองหนุ่มสุดติสต์ "เมธีน้อยจินดา"และ "พราย-ปฐมพร ปฐมพร"
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
แม้เอกลักษณ์เฉพาะตัวประหลาดๆ อย่างการทาสีคาดหน้าทุกครั้งยามขึ้นเวที บวกกับผลงานเพลงโปรเกรสซีฟ ร็อก เนื้อหางดงามราวบทกวี ดนตรีแปลกแลดูสับสน อาจทำให้ศิลปินไทยหัวก้าวหน้าอย่าง พราย-ปฐมพร ปฐมพร ถูกตราหน้าว่าเพี้ยนและบ้า
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอัลบั้มของเขา ล้วนได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้น จนเทป-ซีดี ผลงานเก่าๆ ของพรายกลายเป็นหนึ่งในรายชื่อต้นๆ อัลบั้มหายากของนักสะสม
นอกจากนั้นชื่อของพรายยังเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ได้ทุกครั้งที่มีผลงานชุดใหม่ออกมา
รวมไปถึงครั้งนี้ กับโปรเจกต์สุดพิเศษที่จับมือกับ เมธี น้อยจินดา มือกีตาร์วงโมเดิร์นด็อก อีกหนึ่งศิลปินชั้นแนวหน้า ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงใหม่ๆ ที่พวกเขาเชื่อว่าไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนในวงการเพลงไทย
มินิอัลบั้มนี้มีชื่อว่า “พรายแอนด์เมธี โปรเจกต์ โพเอตติก พาร์ต (Pry & May-T Project Poetic part)
“จริงๆ งานชุดนี้เสร็จมาได้สักพักแล้วครับ แต่ที่ทิ้งช่วงนานกว่าจะออกมาให้สัมภาษณ์เพราะว่าการเมืองช่วงนี้ดูวุ่นๆ อีกอย่างเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะโปรโมตอะไรมากมาย ทำกันเงียบๆ ปล่อยออกมาเงียบๆ” เมธี เจ้าของไอเดียโปรเจกต์ชุดนี้เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงเนิบนาบและบางเบา ตามสไตล์นิ่งๆ ขรึมๆ ขี้อายของเขา
เมธี เล่าต่อมาเป็นชุดๆ ว่า อัลบั้มนี้ใช้เวลาบ่มเพาะนานกว่า 2 ปีเต็ม ซึ่งประกอบไปด้วยบทเพลงทั้งหมด 7 เพลง ทั้งเพลงภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไล่ตั้งแต่เรื่องราวต่างๆ ที่พานพบเจอในชีวิต ปรัชญาความเชื่อ ความรัก และถ้อยคำดีๆ ให้กำลังใจ
ทั้งสองใช้เวลาเรียบเรียงเนื้อร้องและทำนอง พร้อมกับนำเอาวิธีทางดนตรีใหม่ๆ มาทดลองจนได้ผลสุดวิเศษ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ในส่วนของเนื้อร้อง ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของความเป็น พราย-ปฐมพร ปฐมพร อย่างดีเยี่ยม ด้วยภาษางดงามราวบทกวีที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกลึกซึ้งในการทำความเข้าใจ แต่บางคนอาจฟังไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ นำมาผสมผสานเข้ากับภาคดนตรีกับแนวป๊อปที่มีการใส่ลูกเล่นเข้ามาจนแปลกหู ไม่ค่อยได้ยินได้ฟังในบ้านเรานัก ซึ่งตัวเมธีนั่งควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์คุมด้วยตัวเอง
“ผมเรียกขำๆ ว่าเป็นแนวป๊อปมึนๆ จริงๆ ก็เป็นเพลงป๊อปนี่แหละ แต่มันไม่ใช่ป๊อปสวยๆ เพราะสีสันของมันอาจผ่านการทดลอง ผ่านการใส่ลูกเล่นมาเยอะ ดูเหมือนฟังง่ายๆ สบายๆ แต่ก็รู้สึกหลอนๆ จนนอนไม่หลับเหมือนกัน” เมธี บอกอย่างนั้น
เป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้วที่เพลง “ก่อน” ซึ่งพรายเขียนให้วงโมเดิร์นด็อกนำไปร้องจนมีชื่อเสียงโด่งดังสร้างชื่อมาจนถึงปัจจุบัน ศิลปินหนุ่มใหญ่เล่าต่อว่าจากนั้นก็ติดตามฝีมือทางดนตรีของเมธีมาตลอดด้วยความชื่นชม จนเมื่อได้โอกาสพูดคุยรวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางดนตรีที่แต่ละคนพบเจอมา ทั้งคู่จึงปิ๊งไอเดีย ก่อนจะชักชวนกันมาทำอัลบั้มพิเศษชุดนี้ร่วมกัน
“ทั้งหมด 7 เพลง ส่วนใหญ่ผมเขียนเก็บไว้นานแล้ว เพิ่งมาลงมือเขียนใหม่เอา 2 เพลง” พราย ปฐมพร ยิ้มเย่อหยิ่ง ก่อนบอกต่อว่า “ช่วงนี้ผมอารมณ์แปรปรวน เลยหยุดเขียนเพลงมันซะดื้อๆ ผมมีงานเพลงทั้งหมด 8 ชุด เคยพูดไว้นานแล้วว่า ชีวิตนี้อยากจะเขียนเพลงให้ได้สักพันเพลง แต่ถึงวันนี้ถ้ามันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเท่าที่เขียนแล้วนำมาใช้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว” เขาหันไปหยอกเมธีว่าแค่มีเพลง “ก่อน” ดังเพลงเดียวแค่นี้ก็คุ้มแล้ว ทำเอาเมธีหัวเราะเขินๆ
“นาทีนี้ผมรู้สึกอิ่มตัว ไม่ได้ตันนะ ไอเดียยังเยอะอยู่ แต่สำคัญที่สุดมันอยู่ที่แรงบันดาลใจ ซึ่งมันก็มี ไม่ใช่ไม่มี ... ผมไม่รู้จะตอบยังไง เอาเป็นว่าผมหยุดเขียนเพลงมาระยะนึงแล้ว” คำตอบของพราย ปฐมพร ยังคงความเป็นศิลปินสุดติสต์ได้เสมอๆ
แล้วเมื่อคนติสต์สองคนมาทำงานร่วมกัน เล่นเอาหลายคนคงอยากเห็นภาพบรรยากาศการทำงาน ข้อนี้เมธีชิงตอบก่อนว่า
“การได้มาร่วมงานกับพี่พรายก็ดีใจนะ ภูมิใจ เพราะตอนสมัยเด็กๆ วัยรุ่นก็ชอบพี่พราย ฟังเพลงเขามาตลอด พอได้มาร่วมงานกัน
ก็รู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มาก พี่พรายดูแลเรื่องการเขียนเพลงไป ผมก็ทำดนตรี แบ่งงานกันทำตามความถนัดของแต่ละคน ตอนแรกก็คิดว่าพี่พรายจะติสต์มาก (หัวเราะ) ทำงานด้วยยาก แต่เอาเข้าจริงนั้นง่ายมาก ผ่านฉลุยอย่างรวดเร็ว แถมทำงานได้หนักและต่อเนื่อง จึ๊กๆ จั๊กๆ ก็ 2 ปีเสร็จแล้ว คิดนาน แต่ทำแป๊บเดียว ...นี่เป็นอัลบั้มแรกที่ผมทำร่วมกับคนอื่น”
ส่วนศิลปินรุ่นพี่ยิ้มขณะบอกเช่นเดียวกันว่า นี่ก็เป็นอัลบั้มแรกเช่นกันที่ทำร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนฝูงคนสนิท
“จำไม่ได้ว่าเราเริ่มคุยกันถึงไอเดียครั้งแรกเมื่อไหร่ แต่รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ผมไม่เคยทำงานร่วมกับคนอื่นนะ นอกจากเพื่อนสนิทๆ ที่ยอมรับกันได้ เพราะผมค่อนข้างเผด็จการ แต่ร่วมงานกับเมธีราบรื่นมาก ไม่มีปัญหา”
“เพลงของพวกเราเป็นแนวเพลงแปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นทั่วไปตามท้องตลาด เลยอาจต้องใช้เวลากับมันหน่อยนึง ซึ่งฟีดแบ็กกลับมา คนที่ชอบก็ชอบมากเลยนะ เพราะหาฟังเพลงไทยแนวนี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่คนที่ชอบก็อาจจะไม่ชอบเลย ผมว่าดี เพราะงานเพลงเรามันเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ท้าทายความคิดคน คนจะชอบไม่ชอบก็แล้วแต่วิจารณญาณของเขา”
นี่คืออีกหนึ่งผลงานของสองศิลปินสุดติสต์ที่สะท้อนแง่คิดและมุมมองลึกซึ้ง ผ่านการผสมผสานระหว่างบทกวีอันสวยงามกับดนตรีป๊อปแปลกหูได้อย่างลงตัว


