หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม SEAL
ผมมีโอกาสได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพหน่วยรบพิเศษหน่วยนี้เมื่อหลายปีก่อน
โดย...นพพล ชูกลิ่น
ผมมีโอกาสได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพหน่วยรบพิเศษหน่วยนี้เมื่อหลายปีก่อน ผมถือเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะผมเชื่อในขีดความสามารถของหน่วยรบหน่วยนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นเพียงการรับฟังคำบอกเล่าที่เล่าต่อๆ กันมา ไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยสายตัวเองเลย
ก่อนที่จะเล่าความรู้สึกของผมในวันนั้น คงต้องหาข้อมูลเพื่อถือเป็นเกียรติให้กับเหล่าทหารหน่วยนี้ สิ่งแรกคือเครื่องหมายแสดงความสามารถของนักทำลายใต้น้ำจู่โจมนั้น อาร์มแถบสีธงไตรรงค์ หมายถึง ชาติไทย สมอสีเงินขัดมัน หมายถึง ทหารเรือ ปลาฉลามสีเงินขัดมัน หมายถึง การปฏิบัติงานใต้น้ำมีความกล้า อดทน คลื่นสีทอง หมายถึง คลื่นหัวแตกบริเวณใกล้ฝั่งที่เป็นอุปสรรคที่ต้องเอาชนะให้ได้ด้วยความสามัคคี
คำว่า นักทำลายใต้น้ำจู่โจม นั้น เป็นคำที่หลายคนทราบถึงความสามารถของพวกเขา และเครื่องหมายปลาฉลามขาว 2 ตัว โต้เกลียวคลื่น มีสมอและธงชาติอยู่ตรงกลาง เป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าทหารกล้าที่จะครอบครอง
มารู้จักกับ “นักทำลายใต้น้ำจู่โจม” (มนุษย์กบ หรือ SEAL) ของไทย
รบพิเศษ คือ การรบที่พลิกแพลงโดยใช้ยุทธวิธี มีการจู่โจมโดยมิให้ข้าศึกได้ตั้งตัว การฝึกฝนในการใช้อาวุธและยุทโธปกรณ์จนเชี่ยวชาญ ฝึกให้สภาพร่างกายทนทานและคล่องตัว โดยหัวใจหลักของรบพิเศษคือ “กำลังรบขนาดเล็ก ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และไม่ให้ข้าศึกรู้ตัว”
หน่วยรบพิเศษในโลกนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยในสมัยก่อนจะมีการฝึกกองกำลังพิเศษไว้เพื่อเป็นองครักษ์ของพระมหากษัตริย์ และบุคคลสำคัญทั้งในเอเชียและยุโรป ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะถูกฝึกอย่างหนักจนเชี่ยวชาญการรบเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะนับถึงหน่วยรบในรูปแบบของการรบพิเศษที่เป็นต้นกำเนิดของการรบพิเศษปัจจุบันแล้วต้องนึกถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกา โดยอังกฤษเป็นประเทศแรกๆ ที่พัฒนาหน่วยรบให้มีทักษะการรบที่แตกต่างจากทหารโดยทั่วไป ใช้การรบที่ให้ทหารมีความคล่องตัวสูง สามารถพรางตัวเข้ากับภูมิประเทศ การโจมตีฉาบฉวย การใช้กับดัก โดยยุคแรกๆ ที่ทำให้หน่วยรบพิเศษมีชื่อเสียงก็คือสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อมาก็คือสงครามเวียดนาม
สงครามโลกครั้งที่ 2 มีหน่วยรบพิเศษถือกำเนิดขึ้นหลายหน่วย และสร้างผลงานอันมีชื่อเสียงไว้อีกหลายครั้ง โดยอเมริกามีหน่วยพลร่ม (Airborne) เข้าก่อวินาศกรรมทำลายแนวหลังข้าศึกที่หาดนอร์มังดี ในวันดีเดย์ (6 มิ.ย. 2487) ซึ่งต่อมาเราก็รู้จักในนามพลร่มที่ 101 และพลร่มที่ 82 และยังมีมนุษย์กบ (Frogman) เข้าสำรวจและทำลายทุ่นระเบิดหน้าหาดเพื่อเปิดทางให้เรือยกพลขึ้นบก โดยภายหลังได้พัฒนาเป็นหน่วย UDT หรือ SEAL รวมทั้งส่งหน่วยแรนเจอร์ (Ranger) เข้าตีบริเวณชายหาดอีกด้วย ส่วนอังกฤษก็ส่งทหารหน่วยคอมมานโด (British Royal Marine Commandos) เข้ามาร่วมรบในครั้งนี้ ซึ่งทางฝ่ายเยอรมันเองก็มีหน่วยทหารรบพิเศษที่เรียกสั้นๆ ว่า SS ที่ทำการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงได้มีหน่วยรบพิเศษถือกำเนิดขึ้นมากมายที่ถูกพัฒนาขึ้นจนเป็นกำลังรบหลัก เพื่อใช้ในการรบในยุทธภูมิต่างๆ หลายครั้ง แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงได้ไม่นานก็เริ่มมีผู้ก่อการร้ายเกิดขึ้นในหลายประเทศ มาทั้งในรูปแบบแก๊งโจร ยากูซ่า หรือขบวนการแบ่งแยกดินแดน จึงมีการปรับหน่วยรบพิเศษขึ้นมาเพื่อปราบปรามและทำการรบกับกองกำลังเหล่านี้ หน่วยรบพิเศษจึงถูกปรับรูปแบบให้พัฒนาเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ
สงครามเวียดนามเหล่าชาติตะวันตกทั้งหลายได้รู้ซึ้งถึงยุทธวิธีการรบที่ไร้รูปแบบของทหารเวียดกง กองกำลังจำนวนมากถูกส่งลงไปเพื่อจัดการกับทหารเวียดกง แต่ก็ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จนัก เพราะถ้าจะบอกว่ายุทธวิธีของทหารเวียดกงนั้นเป็นวิธีการรบแบบรบพิเศษก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะทหารเวียดกงนั้นทำการรบแบบกองโจร ตีฉาบฉวย ใช้กับดัก ซุ่มโจมตี และระเบิดพลีชีพ โดยหลังจากสงครามเวียดนามจบลงทำให้สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และพันธมิตรได้รับบทเรียนราคาแพงของการรบพิเศษ
ปัจจุบันหน่วยรบพิเศษของประเทศมหาอำนาจเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรบและการต่อต้านการก่อการร้ายเป็นอย่างมาก โดยอเมริกาเองมีหน่วยรบที่มีชื่ออยู่หลายหน่วย เช่น UDT/SEAL (Underwater Demolition/SeaAirLAnd Team : USMC), US Army Specail Force (Green Berets), Ranger, Delta Force และ Airborn ส่วนอังกฤษก็มีหน่วย SAS (The British Special Air Service Regiment) และเยอรมันมีหน่วย GSG
เรื่องราวของหน่วยรบพิเศษจำนวนมากถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยคอมมานโดหน่วยรบพิเศษที่จู่โจมอย่างรวดเร็ว (Comandos) ซีลหน่วยทำลายและจู่โจมใต้น้ำ (SEAL) รีคอนหน่วยลาดตระเวนทางน้ำและชายฝั่ง (RECON) แรนเจอร์ทหารราบรบพิเศษผู้ห้าวหาญบุกตะลุยไปข้างหน้า (RANGER) สไนเปอร์หรือพลซุ่มยิงผู้ปลิดชีพข้าศึกด้วยความเฉียบขาดและรวดเร็ว (Sniper) พลร่มหน่วยรบที่แทรกซึมไปทุกพื้นที่ (Airborn)
หน่วยรบพิเศษของไทยเกิดขึ้นโดยกระทรวงกลาโหมได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกา โดยมีการประชุมหารือกันแล้วเห็นว่ากองทัพเรือควรเป็นผู้รับผิดชอบในการฝึกหน่วยสงครามพิเศษ (ปี 2495) และต่อมากองทัพเรือได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งไปฝึกหลักสูตร UDT/SEAL โดยใช้เวลาประมาณ 60 วัน (ปี 2496) จนกระทั่งปี 2499 จึงได้มีการจัดตั้งหลักสูตรการฝึกและตั้งหน่วยทำลายใต้น้ำขึ้น และได้พัฒนาจนเป็นหน่วยสงครามพิเศษของกองทัพเรือในเวลาต่อมา จึงถือได้ว่ารบพิเศษหน่วยแรกของกองทัพไทยได้ถูกจัดตั้งที่กองทัพเรือ
หน่วย SEAL ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยที่ถูกฝึกหนักที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษด้วยกันเองของทุกเหล่าทัพ เหตุผลก็คือภารกิจที่หน่วย SEAL ได้รับมักจะอันตรายอย่างที่สุดและถูกกดดันทั้งร่างกายและจิตใจมากที่สุดเสมอ การฝึกของหน่วย SEAL จะกินเวลานานที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษทั่วๆ ไป คือกินเวลาราวๆ 811 เดือน ตามแต่เงื่อนไขของการฝึก ขอขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.facebook.com/FanPageWE.love.soldiers.Royal.ThaiArmy/notes
แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการไปดูการให้ความช่วยเหลือตัวประกันในสถานการณ์ต่างๆ อาทิ ในอาคารต่างๆ ในเรือที่ถูกปล้น การรบในพื้นที่ป่า การยกพลขึ้นบก ในวันนั้นผมใช้เวลาอยู่กับเหล่าทหารหาญทั้งวัน ได้นั่งทานข้าวกับเขาเหล่านี้ ผมเห็นแววตาแห่งความมุ่งมั่น ความรักที่พวกเขามีให้ต่อพระเจ้าอยู่หัว การรักพวกพ้องผองเพื่อนที่ให้สัญญาว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน การยึดถือคำสั่งผู้บังคับบัญชาดังเสียงจากสวรรค์ที่ต้องยึดถือปฏิบัติถึงแม้ต้องตายก็ยอมเพื่อรักษาไว้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
พวกเขาขอร้องไม่ให้ผมนำภาพที่บ่งแสดงตัวตนของเขาแสดงต่อสาธารณะ ผมก็เลยนำภาพรวมๆ ที่ไม่เห็นว่าเขาคือใครมาเล่าให้ฟังได้เท่านี้นะครับ ผมศรัทธาในอุดมการณ์ของเขาเหล่านี้จังครับ ดีใจที่ได้รู้จักเขา ภูมิใจที่ประเทศมีเขาเหล่านี้ที่คอยปกป้องประเทศด้วยชีวิต แม้จะสิ้นชีวิตเขาก็จะไม่มีวันเผยตัวตนของเขาให้ใครรู้ ทิ้งไว้เพียงแค่ชื่อและความภูมิใจที่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ทั้งหมดคือคำพูดที่นักรบผู้หาญกล้าและเสียสละบอกกับผมไว้ในวันนั้น สำหรับผมมันคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดอีกหนึ่งวัน ขอบคุณแทนคนไทยทุกคนครับเหล่าทหารกล้า


