posttoday

เฟินสกุลข้าหลวงบางชนิดในเมืองไทย (1)

04 พฤษภาคม 2557

เฟินสกุลข้าหลวงเป็นกลุ่มเฟินขนาดใหญ่มีทั้งเฟินที่มีรากอาหารอยู่ในดินหรือเฟินอิงอาศัย

โดย...หม่อมหลวงจารุพันธ์ ทองแถม

เฟินสกุลข้าหลวงเป็นกลุ่มเฟินขนาดใหญ่มีทั้งเฟินที่มีรากอาหารอยู่ในดินหรือเฟินอิงอาศัย เฟินข้าหลวงบางชนิดขนาดใหญ่มหึมา เกาะอยู่ตามคาคบไม้ น้ำหนักกอหนึ่งหลายสิบกิโลกรัม แผ่พุ่มใบกว้าง รัศมีทรงพุ่ม 56 เมตรก็เคยปรากฏ แต่เฟินสกุลนี้บางชนิดขนาดเล็กเพียง 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น เฟินสกุลข้าหลวงที่กล่าวถึงในตอนนี้จะกล่าวถึงเฉพาะเฟินข้าหลวงบางชนิดที่มีการปลูกเลี้ยงอยู่ในเมืองไทยยุคปัจจุบัน เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลบางเรื่องที่เกี่ยวกับเฟินสกุลข้าหลวงเอาไว้มิให้สูญหายไปในอนาคต

ลักษณะเด่นของเฟินข้าหลวง

เฟินในสกุลนี้มีซอไรยาวรูปขอบขนาน (oblong) ไปจนถึงรูปแถบ (linear) ขึ้นอยู่กับชนิด (species) นอกจากนี้ยังมีเกล็ดที่ผิวลำต้นหรือเหง้าเป็นแบบ clathrate หากตัดก้านใบตามขวางและใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายต่ำส่องดูจะพบท่อลำเลียง 2 วงเชื่อมกันที่ด้านหลังของก้านใบเป็นรูปตัวเอกซ์ (X) ซอไรมีเยื่ออินดิวเซียมบางๆ ปิดอยู่คล้ายปากซองจดหมาย รูปทรงใบอาจถูกใช้ในการจำแนกได้ยาก เพราะดูคล้ายกับใบเฟินของอีกหลายสกุล เส้นใบเกิดแบบอิสระในเกือบทุกชนิดของสกุล เฟินสกุลนี้พบทั่วโลกและนับเป็นสกุลที่ใหญ่ที่สุดประกอบด้วยสมาชิกประมาณ 650 ชนิด ชื่อสกุลได้มาจากภาษากรีกคือ splen หรือ spleen (นายแพทย์กรีกโบราณและนักพฤกษศาสตร์ชื่อ Dioscorides) คิดว่าพืชสกุลนี้สามารถรักษาโรคเกี่ยวกับม้าม (spleen) ได้นั่นเอง

เฟินรังนก, เฟินข้าหลวง, ข้าหลวงหลังลาย (Asplenium nidus Linnacus)

เฟินข้าหลวงมีขนาดกลางใหญ่ ลำต้น (เหง้าสั้น) อวบอ้วนไม่แตกกิ่ง การเจริญเติบโตค่อนข้างช้า ใบยาวได้ถึง 5 ฟุต (1.5 ม.) ใบเรียงตัวกันเป็นทรงแจกันปากบาน ก้านใบสั้น และมองเห็นไม่เด่นชัด ตัวใบเกิดเดี่ยว ขอบใบเรียบส่วนใหญ่รูปทรงเป็นรูปใบหอกกลับ (oblanceolate) เส้นกลางใบด้านล่างรูปกลมไม่มีสันเช่นข้าหลวงออสเตรเลีย ปลายเส้นใบเชื่อมกันเป็นรูปโค้งสั้นๆ ก่อนถึงปลายขอบใบ ซอไรมักเกิดกินไปไม่ถึงครึ่งของความยาวเส้นใบและเกิดบนสาขาเส้นใบที่แตกเป็นคู่

เฟินสกุลข้าหลวงบางชนิดในเมืองไทย (1)

 

เฟินข้าหลวงมีหลายพันธุ์ในป่าภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือมีเฟินข้าหลวงอยู่หลายพันธุ์ แม้แต่บนยอดดอยปุยเหนือดอยสุเทพก็พบเฟินข้าหลวงที่เพี้ยนไปจากพันธุ์ทางภาคใต้ และอาจเป็นชนิดใหม่ก็เป็นได้ หากมีการจำแนกกันอย่างจริงจัง เฟินข้าหลวงในประเทศไทยมีการผิดเพี้ยนทางพันธุกรรมน้อยกว่าในประเทศฟิลิปปินส์ เฟินข้าหลวงที่พบในการปลูกเลี้ยงหากมีเส้นกลางใบด้านล่างเป็นสันก็แสดงว่าเป็นเฟินข้าหลวงออสเตรเลีย ซึ่งมีพันธุ์นำเข้ามาปลูกขยายพันธุ์อยู่นานแล้ว ส่วนเฟินข้าหลวงที่มีเส้นกลางใบกลมทางด้านล่างและซอไรมักเกิดอยู่บนเส้นใบที่แตกเป็นคู่ตอนบนมักจะเป็นเฟินข้าหลวงญี่ปุ่นหรือรังนกญี่ปุ่น (A.antiquum)

เฟินข้าหลวงพันธุ์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโดดเด่นมากที่สุดของไทยน่าจะไม่มีพันธุ์ใดเกินเฟินจีบ (A.nidus var. plicatum van Alderwerelt van Rosenburgh หรือ (พันธุ์ Crispafolium) หรือพันธุ์ “Crispum” ซึ่งเป็นชื่อเรียกในวงการค้า เช่นเดียวกับพันธุ์ “Undulatum” การเข้ามาเมืองไทยของเฟินจีบไม่มีผู้ใดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แม้แต่ในฟิลิปปินส์ก็ไม่เคยมีการพบเฟินจีบมาก่อน ดังนั้นถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของเฟินจีบจึงยังคงเป็นความลับที่ดำมืด เฟินจีบนี้นับเป็นพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์ (botanical variety) ซึ่งต่างจากพันธุ์ทางพืชสวน (horticultural variety) หรือคัลติวาร์ (cultivar) ในวงการค้าทางพืชสวน ในสหรัฐอเมริกายังมีเฟินข้าหลวงอีกพันธุ์ซึ่งเรียกกันในวงการค้าว่าลาแซกนาเฟิน (Lasagna fern) เป็นเฟินรังนกหรือข้าหลวงขนาดเล็ก ใบย่นเป็นลอน (แต่ไม่ย่นพับหนักเท่าเฟินจีบ) ใบมีความหนาแข็ง ซึ่งปิดตัวเล็กน้อยดูคล้ายเส้นบะหมี่สำเร็จรูป และเช่นเดียวกับเฟินจีบ เฟินข้าหลวงลาแซกนาเติบโตช้าและไม่ชอบอากาศหนาวเย็นมากนัก การเพาะสปอร์เฟินจีบอาจทำให้ได้ต้นสปอร์โรไฟต์ที่มีดีกรีความย่นพับของใบน้อยลงจนเรียกได้ว่าเป็นลาแซกนาเฟิน ซึ่งจากการทดลองผสมข้ามเฟินจีบกับเฟินข้าหลวงปรกติ ทำให้ได้ลูกผสมที่มีใบหยักเป็นคลื่นเล็กน้อยไม่รุนแรงเท่าเฟินจีบ แต่ให้ความสวยงามไปอีกแบบ

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"