นาฬิกาโบราณและที่ระลึกการเดินทางของ อภัยลักษณ์ ตันตระบัณฑิตย์
เมื่อถามถึงความเก่า ก็ต้องเล่าถึงความหลัง(ฮา) ดร.อภัยลักษณ์ ตันตระบัณฑิตย์
โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์/ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
เมื่อถามถึงความเก่า ก็ต้องเล่าถึงความหลัง(ฮา) ดร.อภัยลักษณ์ ตันตระบัณฑิตย์ หรือ เอ๋ เทรนเนอร์และอิมเมจ คอนซัลแทนท์ ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์คนเก่ง ยิ้มแจ่มใสก่อนเล่าให้ฟังถึงนาฬิกาโบราณและของที่ระลึก ซึ่งเก็บสะสมไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นของโบราณ และหลายชิ้นเป็นซูวีเนียร์ที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำจากทั่วมุมโลก
“ชุดนี้ได้มาจากปราก เป็นหนึ่งในชุดโปรดที่ชอบมาก” อภัยลักษณ์เล่า ชี้ไปที่ชุดนางฟ้าสีเงิน ประกอบด้วยนางฟ้าสีเงิน 2 ตัว และนางฟ้าสีม่วงกอดอยู่กับดวงจันทร์ ปีกเป็นสีเงินวิบวับ
ความสุขฉายชัดในแววตา เมื่อได้พูดถึงสิ่งละอันพันละน้อยจากของเก่าเก็บ ที่ระลึกมากมายจากการเดินทางที่เรียกได้ว่าจากแทบจะทุกมุมโลก ซึ่งวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ดร.อภัยลักษณ์เล่าให้ฟังว่า เพราะการงานทำให้ต้องเดินทางอย่างไม่หยุดหย่อน การเดินทางคือการเรียนรู้ และทุกครั้งก็คือความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยจึงอยากจะเก็บของที่ระลึกเพื่อความทรงจำที่ดีในทุกครั้งที่นึกถึง จึงกลายเป็นที่มาของคอลเลกชั่นของที่ระลึกที่มากด้วยคุณค่า
ดร.อภัยลักษณ์เล่าว่า การเลือกซื้อของที่ระลึกให้ความสุขและความทรงจำที่ดี เป็นหนึ่งในกิจกรรมของการเดินทางที่พลาดไม่ได้(ฮา) ถึงปัจจุบันนี้ยังจำได้อยู่เลยถึงขณะกำลังซื้อของที่ระลึกชิ้นต่างๆ จำได้ถึงความรู้สึกอิ่มเอิบหรืออิ่มเอมใจ ความสุขความปรีดา รอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะ ใบหน้าคนขายหรืออารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เพื่อนหรือญาติมิตรที่อยู่ด้วยขณะเดินเที่ยวซื้อของ จำได้หมด หยิบขึ้นมาดูครั้งใดก็จำได้ระลึกได้แจ่มชัดในทุกครั้ง
“แปลกแต่จริง แต่ก็เป็นอย่างนี้จริงๆ เอ๋จะอมยิ้มทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาดู ของที่ระลึกเหล่านี้ให้ความสุขทุกครั้งที่หยิบจับ แล้วก็ไม่เคยนึกเบื่อเลย นอกจากนี้คือพลังที่ส่งออกมา บางทีเหนื่อยๆ ล้าๆ แต่พอไปหยิบจับของเก่าๆ เหล่านี้ ก็จะรู้สึกได้ถึงพลังที่เต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้ง” ดร.อภัยลักษณ์เล่า
หลักเกณฑ์หนึ่งในการเลือกซื้อของที่ระลึกจากที่ต่างๆ ดร.อภัยลักษณ์เล่าว่า เป็นรสนิยมส่วนตัวที่จะไม่ค่อยนิยมของที่วางขายโดยทั่วไป อย่างของที่ระลึกแบบที่เห็นปุ๊บรู้ปั๊บถึงแหล่งที่มา อย่างนี้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่และจะไม่ซื้อเลย จะซื้อก็เฉพาะของที่มีความแปลก มีความพิเศษ มีดีไซน์ และที่สำคัญก็อาจจะต้องเดากันนิดหนึ่งว่าแหล่งที่มามาจากที่ไหน ถูกแพงไม่สำคัญ แต่ส่วนใหญ่ของที่มีความพิเศษเหล่านี้มักมีราคา
เรื่องแปลกแต่จริงยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะสถานที่เก็บของของ ดร.อภัยลักษณ์ ก็เป็นเรื่องแปลกแต่จริงอีกหนึ่งที่น่าฉงนไม่แพ้ของที่เก็บ นั่นก็คือ ห้องน้ำ ของที่ระลึกส่วนใหญ่เก็บอย่างดีในห้องน้ำ เจ้าตัวเล่าว่า อาจเนื่องมาจากความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและบรรยากาศก็ได้(ฮา) คือไม่มีใครมายุ่งวุ่นวาย นอกจากนี้ก็คือตุ๊กตาจากที่ต่างๆ จะจัดวางไว้เป็นชุดหรือเซต แสดงไว้ตามที่ต่างๆ ของบ้าน และจะทำความสะอาดเดือนละครั้ง โดยการปัดเบาๆ หรือเช็ดทำความสะอาด
พูดถึงชุดตุ๊กตาจากต่างประเทศ ขอให้ ดร.อภัยลักษณ์เลือกชุดที่โปรดปรานที่สุดเพียงหนึ่งชิ้น ปรากฏว่าคือชุดตุ๊กตาจากเบลเยียม ประกอบด้วยม้ายูนิคอร์นสีขาวบริสุทธิ์ ลวดลายละเอียดประณีต กับตุ๊กตานางฟ้า ปีกสีเขียวสด ผู้มีใบหน้าที่อิ่มเต็มด้วยความสุขความสงบ ให้ความรู้สึกสบายๆ และไร้ความกังวลใดๆ เป็นชิ้นโปรดที่เมื่อเห็นครั้งใด ก็ทำให้มีความสุขและสบายใจในทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อจ้องจับที่ใบหน้าแสนสบายของนางฟ้าน้อย
“ชอบมากเป็นพิเศษ ม้ายูนิคอร์นก็สวยมาก ลวดลายทำอย่างอ่อนช้อยและแสดงฝีมือ ส่วนนางฟ้าก็เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ใบหน้าของเธอดูราวกับว่าโลกนี้กำลังหมุนไปอย่างอ่อนหวาน โลกรอบตัวเธอกำลังหมุนไปในแบบที่เธอต้องการ”
ส่วนตุ๊กตาจากที่อื่นๆ ก็พิเศษไม่แพ้กัน ได้แก่ ชุดตุ๊กตาจากมัลดีฟส์ ประกอบด้วย ตุ๊กตาไม้ 3 ตัว ท่อนล่างนุ่งโสร่งงดงาม ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า เห็นแล้วชอบทันที ชุดตุ๊กตาจากเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วย เซตรองเท้าไม้ เซตตุ๊กตาชาวพื้นเมือง กังหันลม และวัวนม ชุดตุ๊กตาญี่ปุ่น อันนี้เป็นชุดพิเศษที่ ดร.เอ๋บอกว่าเพนต์ด้วยตัวเอง ณ โรงงานผลิต ส่วนอีกตัวตั้งอยู่ข้างกันนั้น เป็นฝีมือเพนต์ของคุณแม่ จากทริปแม่ลูกผูกพันที่เดินทางไปด้วยกัน
นอกจากนี้ก็มีอีกมาก เช่น ชุดตุ๊กตารัสเซีย ชุดตุ๊กตาจากเวียดนาม ชุดตุ๊กตาจากสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย หอยทากและสาวน้อยนักบัลเลต์ ตัวโบโซจากเยอรมนี ม้าไม้เมืองทรอยจากตุรกี ตุ๊กตาหญิงพื้นเมืองแบบพับเพ็ทของอินเดีย งานไม้จากบาหลี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ฝีมืองดงาม หรือชุดตุ๊กตาสเปน เป็นนางระบำที่มีความโดดเด่นด้วยกระโปรงที่ใช้ศิลปะจากโมเสก มีชีวิตชีวาและสีสันมาก
ดร.อภัยลักษณ์เล่าอีกว่า ของเก็บสะสมอีกอย่างคือนาฬิกา เริ่มจากนาฬิกาโบราณ 2 เรือนที่รักมาก ได้แก่ ชิ้นหนึ่งที่น้องสาวซื้อให้ และอีกชิ้นหนึ่งที่ได้มาแบบหลงรัก เริ่มจากชิ้นแรก ซึ่งน้องสาวผู้ชิงสละโสดไปก่อนหน้า(ฮา) ตั้งใจจะเดินทางก่อนแต่งงานตามประสาพี่น้องกันสักครั้งหนึ่ง ประกอบด้วยตัว ดร.อภัยลักษณ์เองกับพี่ชายอีกคน แต่ติดกฎของบ้านและกฎของแม่ ที่ไม่ให้ลูกๆ เดินทางพร้อมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการประสบอุบัติเหตุพร้อมกัน
“ในที่สุดก็เป็นพี่ชายกับน้องสาวที่เดินทางไปด้วยกัน น้องสาวเห็นนาฬิกาเรือนนี้ก็ชอบมาก คิดว่าจะซื้อให้เอ๋เป็นที่ระลึกและที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน(ฮือๆ) นาฬิกาเรือนนี้ มีสายเป็นหนังสีฟ้า หน้าปัดก็ฟ้าสด สวยจับตามากๆ” เอ๋เล่า
ส่วนอีกเรือนหนึ่งเป็นเรือนที่ได้จากการเดินทางไปที่ประเทศสาธารณรัฐเช็ก เป็นนาฬิกาที่ได้จากร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง ไม่มียี่ห้อ แต่ชอบที่การเพนต์ โดยเป็นเซรามิกเพนต์มือที่หาได้ยากแล้ว และฝีมือช่างโบราณก็ดีมาก เห็นแล้วหลงรักในทันที นอกจากนี้ก็คือนาฬิกาที่ซื้อเก็บตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ คิดย้อนไปก็กว่า 10 ปีแล้ว จำได้ว่าได้เงินเดือนครั้งแรกก็ตั้งอกตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อนาฬิกาทันที เรือนแรกที่ซื้อคือ บุลเมอร์เซีย (Bvlgari) ราคาประมาณแสนกว่าบาท จากนั้นก็ไล่เก็บซื้อมาเรื่อย มีตั้งแต่กุชชี่ (Gucci) โชปาร์ด (Chopard) ดีเซล (Diesel) และดีเคเอ็นวาย (DKNY)
“นาฬิกาถือเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ปัจจุบันมีทั้งหมด 19 เรือน แบ่งเป็นหมวด คือ หมวดใส่ไปงาน หมวดแคชวลและหมวดสปอร์ต สำหรับใส่เล่นกีฬา ทุกเรือนเท่ากันหมด คือรักเท่ากันหมด” ดร.อภัยลักษณ์เล่า
ความรักคือรักในดีไซน์ และความมีเสน่ห์ของนาฬิกา ทุกเรือนทุกรุ่น มีความพิเศษที่แตกต่างกันไป โดยการเก็บรักษานาฬิกานั้น วิธีก็คือ เมื่อสวมใส่เสร็จแล้ว จะเช็ดทำความสะอาดก่อน จากนั้นจึงบรรจงเก็บใส่กล่อง แต่บางทีก็เก็บรวมๆ กัน จะใช้เรือนไหนค่อยนำออกมาสับเปลี่ยน ปกติก็จะใส่สลับกันสองเรือน เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้และถนอมรักษานั่นเอง
“ความทรงจำเป็นสิ่งมีค่า และทรงคุณค่าทุกครั้งที่นึกถึง เป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราไปชั่วชีวิต ของที่ระลึกจากความทรงจำมากมายเหล่านี้ เตือนเอ๋ให้รู้ว่าเราเป็นใคร และเราเดินทางมาไกลแค่ไหน” ดร.อภัยลักษณ์กล่าว


