ของโบราณและแฟมิลี่ ไทม์ ของ ‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’

ณัฐวรรณ ฉลองขวัญ ภาพ/ กรวัฒน์ ไตรวัย

ดูเหมือนว่าโลกของ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ จะหมุนอยู่กับเรื่องของการทำงานในบทบาทเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แบบ 247 (24 ชม. 7 วัน) ด้วยภารกิจของหน่วยงานกำกับดูแลทั้งฝั่งกิจการโทรคมนาคม และฝั่งวิทยุโทรทัศน์ หรือบรอดคาสต์ ที่ล้วนมีเรื่องฮอต ประเด็นร้อน ให้ กสทช. ต้องเข้ามาเคลียร์อย่างต่อเนื่อง

จึงไม่ค่อยมีใครได้เห็นเลขาธิการ กสทช. ในโหมดของวันว่าง มุมสบาย ที่ได้ชัตดาวน์จากชีวิตการทำงาน หรือช่วงพักสมองจากความเหนื่อยล้าระหว่างวันมากนัก

“หากอยู่ที่ทำงานและรู้สึกเหนื่อย ห้องทำงานจะมีมุมสะสมของโบราณ ทั้งนาฬิกา เครื่องคิดเลข เครื่องเล่นแผ่นเสียง วิทยุโบราณ ซึ่งโดยส่วนตัวชอบสะสมของโบราณอยู่แล้ว จึงมีมุมไว้ที่ทำงานด้วย และเราก็จะชอบอยู่กับมุมนี้เป็นพิเศษ เหมือนได้อยู่กับสิ่งที่ชอบ ก็จะทำให้ผ่อนคลายลงและรู้สึกรีเฟรช มีพลังทำงานต่อได้เรื่อยๆ” ฐากร กล่าว

ของโบราณในห้องทำงานทุกชิ้น “ฐากร” หอบกลับมาด้วยตัวเองจากการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งจากมิวนิก สเปน และอังกฤษ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นภารกิจในทุกครั้งของการเดินทาง ที่เจ้าตัวจะเลือกไปเดินตามตลาดเสรี (Flea Market) มากกว่าช็อปปิ้งห้างหรู เพราะจะได้เลือกของเก่า ของสะสมที่ชาวบ้านคนท้องถิ่นของที่นั่นนำมาขายในราคาย่อมเยา ทว่ามีมูลค่าสูงมากและกลายเป็นของหายากเมื่ออยู่ในเมืองไทย

 

“แต่ละชิ้นในห้องทำงานสอดคล้องกับบทบาทและหน้าที่การทำงานด้วย เช่น วิทยุและเครื่องเล่นแผ่นเสียง ก็เพราะเราทำงานอยู่ที่ กสทช. ที่เกี่ยวข้องกับกิจการกระจายเสียง รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น เช่น เก้าอี้เก่า ก็มาจากเมื่อครั้งยังเป็นกรมไปรษณีย์โทรเลขที่ไม่มีใครต้องการแล้ว แต่นำมาบุนวมใหม่ ก็สามารถใช้งานได้”

นอกจากการไปหอบหิ้วมาจากแดนไกลแล้ว เลขาธิการ กสทช. ยังมีร้านขายของเก่าสุดโปรดอยู่ที่ซอยรามคำแหง 104/1 ที่ ฐากร บอกว่า ได้โต๊ะไม้สั่งตรงจากอังกฤษ ซึ่งเป็นโต๊ะไว้นั่งจิบกาแฟก่อนเริ่มงานในแต่ละวัน มาจากร้านนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ฐากรจะต้องไปหาซื้อของเก่าๆ อยู่เสมอๆ ถึงขนาดที่ต้องแข่งกับลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านก็ยอม

ฐากร เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ที่เห็นในห้องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีกระเป๋าเดินทางเก่าแบบที่พระเอกหนังชอบถือในภาพยนตร์ย้อนยุคที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และเจ้าตัวว่าจะลองหิ้วแบบเท่ๆ หากมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศครั้งหน้า ถือเป็นอีกหนึ่งความสุขทางจิตใจด้วย

ไม่เพียงแต่ของโบราณเท่านั้นที่ฐากรชื่นชอบ ในมุมโปรดนี้ยังเปรียบเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ตู้ไปรษณีย์ขนาดย่อม ด้วยว่ารวบรวมตู้ไปรษณีย์ของประเทศไทยตั้งแต่แบบแรกจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงไปรษณียาคารจำลอง ซึ่งฐากร บอกว่า ชื่นชอบตู้ไปรษณีย์อยู่แล้วและหาซื้อมาเองในตอนแรก แต่พอกรรมการผู้จัดการใหญ่ไปรษณีย์ไทยทราบ เลยส่งมาให้ทุกแบบ

ขณะที่ไปรษณียาคารก็เคยเป็นที่ตั้งของกรมไปรษณีย์โทรเลขเมื่อในอดีต ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น กสทช.ในปัจจุบัน จึงมีแบบจำลองสถานที่เก่าของ กสทช. ไว้เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจด้วย

 

นอกเหนือจากมุมโปรดในที่ทำงานแล้ว อีกหนึ่งเวลาสำคัญที่ฐากรชอบมาก คือ การได้ขับรถพาภรรยาและลูกๆ อีก 3 คน ไปตระเวนหาของกินอร่อยๆ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ที่เรียกได้ว่าเชลล์ชวนชิมทุกสถาบันต้องชิดซ้าย เพราะเลขาธิการ กสทช. ไม่เคยพลาดร้านของอร่อย ตั้งแต่ร้านใหญ่ไปจนถึงร้านเล็กๆ ในซอย

“มีร้านบะหมี่ปูใกล้โรงเรียนศึกษานารี ที่จะเป็นร้านเล็กๆ แต่อร่อยและขายดีมาก และคนที่มากิน ไม่ว่าจะเป็นนายทหาร หรือผู้บริหารใส่สูทก็ต้องมาต่อคิวเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีการลัดคิว ซึ่งก็จะทำให้ได้อารมณ์ของความพยายามในการรอของกินอร่อย”

เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ช่วงเวลาครอบครัวที่ดีอีกช่วงหนึ่ง คือ ช่วงที่ทุกคนต้องรวมกันอยู่บนรถ เหมือนเป็น “บ้าน” อีกหนึ่งหลัง เพราะทุกคนต้องอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด ดังนั้น ลูกก็จะฟังพ่อแม่คุยกันและพ่อแม่ก็จะฟังเรื่องเล่าของลูกๆ แต่ละคนว่าเป็นอย่างไร มีเรื่องสนุกหรือติดขัดอย่างไร ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่อบอุ่น

“ชอบขับรถอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้ามีเวลามากหน่อยจะขับไปไกลๆ ใช้เวลาเป็น 12 ชม. เพราะยิ่งระยะทางไกลและใช้เวลามากเท่าไหร่ ทุกคนในครอบครัวก็จะได้อยู่พร้อมกันนานมากขึ้นเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม เวลาของครอบครัวอาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างจากการที่ลูกๆ อีก 2 คน กำลังศึกษาต่ออยู่ต่างประเทศ แต่ทุกครั้งที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันเมื่อไร ก็จะไม่ลืมกิจกรรมของครอบครัวในรูปแบบเดิมที่เคยทำมา

ฐากร กล่าวว่า ไม่เคยหอบงานหรือเอกสารไปทำที่บ้านเลยสักครั้ง ส่วนหนึ่งอาจเพราะงานของ กสทช. มีเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ หรือเกี่ยวโยงกับส่วนอื่นค่อนข้างมาก

ดังนั้น หากงานไม่เสร็จภายในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เลขาธิการ กสทช. จะเข้าไปที่สำนักงานเพื่อทำงานในวันหยุด หรือเริ่มงานในแต่ละวันให้เช้าขึ้น ตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อเคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จเร็วที่สุด

บ้านก็คือบ้าน ที่ควรจะต้องปิดสวิตช์ตัวเองจากโหมดของการทำงานบ้าง ขณะเดียวกันก็สามารถทำมุมเล็กๆ ของห้องทำงานให้รู้สึกดีเหมือนอยู่บ้านได้