วัดไชยวัฒนาราม อนุสรณ์แห่งความกตัญญู
ยังจำความได้ว่า ครั้งหนึ่งในสมัยยังเรียนอยู่มัธยมต้น คุณครูพาไปทัศนศึกษานอกโรงเรียนเป็นครั้งแรก
โดย...สืบสิน
ยังจำความได้ว่า ครั้งหนึ่งในสมัยยังเรียนอยู่มัธยมต้น คุณครูพาไปทัศนศึกษานอกโรงเรียนเป็นครั้งแรก รู้สึกทั้งตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าคุณครูจะพาไปเยี่ยมชมโบราณสถานสำคัญของ จ.พระนครศรีอยุธยา
ครั้นพอมาถึงวัดแห่งหนึ่งที่หลุดนอกเกาะตัวเมืองออกไปทางตะวันตก ซึ่งเป็นวัดที่ผมชื่นชอบมากที่สุด ด้วยเหตุที่ว่ามีภูมิทัศน์ที่สวยงามเพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งได้ทราบประวัติยิ่งเลื่อมใสและศรัทธายิ่ง วัดแห่งนั้น คือ วัดไชยวัฒนาราม
คุณครู เล่าว่า วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของ จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่นอกเกาะกรุงศรีอยุธยาฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่สร้างขึ้นจากความกตัญญูต่อพระราชมารดาของพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยา
วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง เมื่อ พ.ศ. 2173 ซึ่งแต่เดิมบริเวณที่ตั้งของวัดนี้เคยเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของพระราชมารดาซึ่งได้สิ้นไปก่อนที่พระเจ้าปราสาททองจะเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ การสิ้นพระชนม์ของพระราชมารดาในครั้งนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกับการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ กล่าวคือ พระราชมารดาสิ้นขณะที่พระองค์มีตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เสนาบดีกลาโหมในรัชสมัยพระเชษฐาธิราชในครั้งนั้น
เจ้าพระยากลาโหมจึงได้จัดงานศพให้กับพระมารดาของท่านที่บริเวณวัดกุฎธาราม โดยเชิญขุนนางทั้งทหารและพลเรือนจำนวนมากมาร่วมงานศพในครั้งนั้น และในที่ชุมนุมนี้เองที่เจ้าพระยากลาโหมได้ประกาศเจตจำนงในอันที่จะยึดอำนาจจากกษัตริย์
ต่อมาเมื่อได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 25 เป็นต้นราชวงศ์ของราชวงศ์ปราสาททองแล้ว พระองค์จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์เอง
อนึ่ง วัดนี้อาจจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย ฉะนั้นรูปแบบในทางสถาปัตยกรรมจึงเหมือนหนึ่งจำลองมาจากนครวัด อย่างเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงสร้างปราสาทวัดพระนครหลวง ริมแม่น้ำป่าสัก บนเส้นทางจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ไปพระพุทธบาท จ.สระบุรี
ภายในอาณาบริเวณแผนผังรูปสี่เหลี่ยมของวัดไชยวัฒนารามมีสิ่งก่อสร้างสำคัญหลายชนิด โดยศูนย์กลางอยู่ที่องค์ปรางค์ประธานขนาดใหญ่สูงถึง 35 เมตร ซึ่งล้อมรอบด้วยปรางค์บริวาร 4 องค์ ประจำทิศต่างๆ ปรางค์ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยระเบียงคดยาวต่อเนื่องกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีหลังคารูปจั่วคลุมยาวโดยตลอด และตลอดความยาวของพระระเบียงนี้มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย จำนวน 120 องค์ ประทับนั่งอยู่เป็นแถวยาว
นอกจากนี้ ยังมีอาคารทรงเมรุประจำอยู่ทั้ง 8 ทิศ โดยผนังด้านนอกของเมรุทิศนี้มีปูนปั้นอยู่ 12 ภาพ แสดงเรื่องราวพุทธประวัติ ส่วนภายในเมรุทั้งแปดนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องขนาดใหญ่ประทับอยู่ โดยพระเมรุที่อยู่ตรงมุมทั้ง 4 นั้น ซึ่งในแต่ละเมรุมีพระพุทธรูปอยู่ 2 องค์ หันพระพักตร์ไปตามแนวยาวของพระระเบียง ส่วนเมรุอีก 4 องค์ ที่เหลือนั้นมีพระพุทธรูปหันพระพักตร์เข้าสู่ปรางค์ประธาน เสมือนหนึ่งว่าไม่มีสรรพสิ่งใดจะรอดพ้นไปจากสายพระเนตรอันทรงเมตตาของพระองค์ไปได้
จากร่องรอยที่ยังปรากฏอยู่ สันนิษฐานได้ว่าได้ประดับประดาด้วยลวดลายต่างๆ และปิดทับด้วยทองคำเปลวบนแผ่นโลหะ แล้วยังประดับประดาด้วยไม้แกะสลักทั้งฝ้าและเพดาน ลงรักปิดทอง ประดับกระจก ตลอดจนมีจิตรกรรมเขียนสีเป็นลายพรรณพฤกษาอย่างวิจิตรพิสดารด้วย
ส่วนบริเวณด้านทิศตะวันออกของแนวระเบียงคดซึ่งเป็นด้านหน้าของวัดและเป็นเส้นทางสู่แม่น้ำเจ้าพระยานั้น ยังมีซากฐานของพระอุโบสถขนาดใหญ่ ยาว 52.75 เมตร กว้าง 20 เมตร ซึ่งภายในมีพระพุทธรูปหินทราย ปางมารวิชัย จำนวน 3 องค์ ประทับอยู่ด้านหน้าของพระอุโบสถ ทั้งซ้ายและขวามีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอยู่หนึ่งคู่ด้วย
วัดไชยวัฒนารามยังเป็นวัดหลวงที่ใช้บำเพ็ญพระราชกุศลของกษัตริย์ทุกพระองค์สืบต่อมาทุกสมัยของอาณาจักรอยุธยา ทั้งนี้ใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงศพพระเจ้าลูกยาเธอ พระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ ตลอดจนพระศพของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ก็ได้รับการถวายพระเพลิงที่นี่เช่นกัน
ครั้งหนึ่งวัดไชยวัฒนารามกลายเป็นค่ายตั้งรับศึกพม่าในสงครามเสียกรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 ต่อจากนั้นก็ร้างไป จนเพิ่งได้รับการขุดแต่งเพื่อการอนุรักษ์ เมื่อ พ.ศ. 2530 นี้เอง
เวลาเปิดปิด : ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท สามารถใช้เส้นทางเดียวกับวัดกษัตราธิราช แต่พอข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชไปแล้วให้เลี้ยวขวาแล้วตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นวัดไชยวัฒนารามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ทางด้านหน้า


