เดวิด บอยด์ ผู้รังสรรค์ความหอมให้แบรนด์ดังระดับโลก
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดใจในความหอมของน้ำหอมจาก คริสเตียน ดิออร์, อาร์มานี่, ลาคอสท์
พุสดี สิริวัชระเมตตา
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดใจในความหอมของน้ำหอมจาก คริสเตียน ดิออร์, อาร์มานี่, ลาคอสท์, ชาเนล, เจนนิเฟอร์ โลเปซ จัสติน บีเบอร์ หรือแม้แต่ปราดา รับรองว่าคุณจะต้องอยากทำความรู้จักกับผู้ชายอารมณ์ดีคนนี้ เพราะเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์กลิ่นหอมให้กับแบรนด์ดังเหล่านี้ โดยร่วมมือกับนักปรุงน้ำหอมชั้นนำ อาทิ แอน ก็อตลีบ และคริส เชลเดรค
ล่าสุด เดวิด บอยด์ ในฐานะผู้อำนวยการด้านเครื่องหอมระดับโลก (Global Fragrance Director) ของ จิวาดอง (Givaudon) ศูนย์ผลิตน้ำหอมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมงาน “House of LUX” เปิดตัว “ลักส์ นิวคอลเลคชั่น” พร้อมแชร์ประสบการณ์ที่โลดแล่นอยู่ในวงการความหอมมานานกว่า 24 ปี แบบทุกแง่มุม โดย เดวิด กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดที่พูดคุยถึงอาชีพนี้ว่า “เขาโชคดีสุดๆ ที่ได้เข้ามาในวงการนี้”
ผมคือเออีในวงการเครื่องหอม
ตีความจากชื่อตำแหน่งแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า หน้าที่ของเขาคืออะไร เดวิด ช่วยไขข้อข้องใจว่า หน้าที่ของเขา คือ การรับบรีฟข้อมูลจากลูกค้า ซึ่งหมายถึงแบรนด์สินค้าต่างๆ รับฟังความต้องการ จากนั้นนำมาถ่ายทอดให้กับทีมนักปรุงน้ำหอม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความหอมเพื่อรังสรรค์กลิ่นหอม อย่างไรก็ตาม เดวิด ย้ำว่า เขาไม่เพียงสร้างสรรค์น้ำหอมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่เป้าหมายหลักของเขา คือ การรังสรรค์ความหอมที่สร้างความตราตรึงให้กับทุกคน เริ่มตั้งแต่การคิดคอนเซปต์ ก่อนค้นคว้าหาส่วนผสมชั้นเลิศจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในการปรุงน้ำหอมชั้นดีและมีกลิ่นหอมคงทน
“กว่าจะรังสรรค์กลิ่นหอมออกมา 1 กลิ่น ต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือน เริ่มตั้งแต่การรับบรีฟ ทำวิจัยสำรวจความต้องการของลูกค้า และประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอม ซึ่งบริษัทของเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งจากบราซิล สิงคโปร์ จีน อินเดีย หลายประเทศในยุโรป เพราะกลิ่นหอมบนโลกนี้มีอยู่มากมาย ยกตัวอย่าง กลิ่นกุหลาบ ก็มีกุหลาบหลายสายพันธุ์ หลายชนิด ผมว่าการเลือกกลิ่นหอมก็เหมือนการเล่นเปียโน กว่าจะออกมาเป็นเพลงไพเราะ ต้องอาศัยการรวมตัวของตัวโน้ตจำนวนมาก ในโลกความหอมก็เช่นกัน กว่าจะได้เป็นกลิ่นหอมมาบรรจุในขวด เกิดจากการผสมผสานของกลิ่นหอมจากวัตถุดิบหลายชนิด”
อย่างไรก็ตาม เดวิด ยอมรับว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ก็ไม่เท่ากับการเป็นผู้บริหารงานลูกค้า หรือเออี (Account Executive) ตามเอเยนซี โฆษณา แต่สำหรับเขา อาชีพนี้พิเศษกว่านั้น และรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำงานนี้ เพราะอาชีพนี้ทำให้เขาได้มีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศทั่วโลก นอกจากจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แล้ว ยังส่งผลดีต่ออาชีพของเขา เพราะทำให้เข้าใจศึกษาด้านการตลาดจากประเทศต่างๆ กลิ่นไหนเป็นกลิ่นยอดนิยม ขายดีที่สุด และแต่ละประเทศมีวิธีทำการตลาดอย่างไร
“ไม่มีใครรู้หรอกว่า ธุรกิจนี้ดีแค่ไหน จนกว่าคุณจะได้มาอยู่ ในธุรกิจความหอม คุณเชื่อมั้ยว่ากลิ่นหอม 1 กลิ่น สร้างการรับรู้ที่ต่างกัน บางคนอาจจะชอบกลิ่นนี้ บางคนอาจจะไม่ชอบ บางโปรเจกต์ที่เราทำเสร็จเรียบร้อยในอินโดนีเซีย อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันในจีน เพราะเชื้อชาติ อุณหภูมิ ที่ต่างกัน ก็มีผลต่อกลิ่น หรือแม้แต่กลิ่นที่เราดมแล้วหอม เพื่อนอาจจะบอกว่าไม่หอม เพราะกลิ่นที่เราได้รับกับเพื่อนได้รับก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของแต่ละคน ผมชอบที่มีคนเคยบอกว่า ‘ถ้าทุกคนชอบกลิ่นเดียวกัน ทุกคนก็ต้องชอบผู้หญิงคนเดียวกันด้วย’”
เบื้องหลังความหอมของแบรนด์ดัง
ถามถึงความยากและความกดดันในการร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมามากมาย เดวิด ตอบแบบติดตลกว่า แน่นอนว่าต้องกดดัน เพราะแต่ละแบรนด์ทุ่มงบมหาศาล ซึ่งยิ่งใช้เงินมากเท่าไหร่ก็หมายถึงความยากและความรวดเร็วในการทำงานที่ตามมา ความยากอีกอย่าง คือ แบรนด์ดังๆ ส่วนใหญ่มักต้องการให้กลิ่นหอมที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นกลิ่นซิกเนเจอร์ ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทุกตัว เช่น ในแชมพู คอนดิชันเนอร์ ครีมอาบน้ำหรือสปา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละอย่างมีคุณสมบัติทางเคมีต่างกัน กว่าจะปรับให้เป็นกลิ่นเดียวกันได้ ต้องอาศัยคนปรุงน้ำหอมในการคิดสูตรให้ลงตัว
ทั้งนี้ เดวิด แนะนำว่า กว่าจะก้าวมาร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ๆ เขาคิดว่าต้องมีประสบการณ์ในสายงานนี้มาก่อนไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยหลักการทำงานที่เขายึดถือ คือ พยายามเข้าใจความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ยกตัวอย่าง ลูกค้าบอกว่าอยากได้กลิ่นที่สดชื่น ข้อมูลแค่นั้นยังไม่พอ ดังนั้น ต้องหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ เพื่อหาข้อมูลให้ได้ลึกกว่านั้น แคบลงมาอีก
“การทำงานของเราก็เหมือนดีไซเนอร์ ถ้าอยากออกแบบชุดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ก็ต้องรู้ว่าลูกค้าจะใส่ไปในโอกาสไหน จะได้ออกแบบชุดได้ถูกกับกาลเทศะ คีย์หลักที่สำคัญ คือ เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน เพื่อเอามาสื่อสารต่อ”
ถามถึงอนาคต เดวิด บอกว่า ถ้ามองอนาคตไกลๆ เขาคงเกษียณตัวเอง แต่ ณ วันนี้ เขายังมีความสุขกับงานที่ทำ เช้าวันจันทร์ที่เป็นฝันร้ายสำหรับใครหลายๆ คน แต่กลับไม่ใช่สำหรับเขา เพราะเขารู้สึกสนุกกับงาน แม้จะเป็นวันที่แย่ๆ บ้าง แต่เขามีวิธีผ่อนคลาย นั่นคือไปตีกอล์ฟ
“วันแย่ๆ ของผม ผมจะเลือกไปตีกอล์ฟ วันไหนโกรธมาก ก็ออกแรงตีลูกไปแบบสุดแรง (หัวเราะ) แต่ผมยังโชคดี บางวันเจอลูกค้าไม่ถูกใจ ไม่มีเหตุผล ผมก็คิดว่าปล่อยผ่านไป อย่างน้อยงานของผมไม่ได้ทำให้ใครตาย งานของผมไม่ได้มีใครรออยู่ที่ห้องฉุกเฉิน เป็นแค่ธุรกิจความหอม ผมบอกตัวเองเสมอว่า อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ บนโลกนี้ยังมีอีกอย่างให้เรียนรู้ มีลูกค้าที่หลากหลายตลอด” เดวิด กล่าวทิ้งท้าย


