posttoday

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

09 มีนาคม 2557

คุ้นหูกันดี “วังจักรพงษ์” กับ “มิวเซียมสยาม” แต่เชื่อเถอะ บางคนก็ยังไม่เคยไป

โดย...วิชช์ญะ ยุติ

คุ้นหูกันดี “วังจักรพงษ์” กับ “มิวเซียมสยาม” แต่เชื่อเถอะ บางคนก็ยังไม่เคยไป

ทั้งสองสถานที่อยู่ไม่ไกลกัน ถ้ายังนึกไม่ออก หรือคลำทางไม่เจอ ก็ให้เริ่มต้นที่ “ท่าเตียน” จากนั้นก็ใช้วิธีเดิน สองเท้านี่ไง จะนำคุณไปสู่จุดหมาย

“แผนที่มรดกวัฒนธรรมยุโรปในกรุงเทพฯ และอยุธยา” ระบุชัดว่าวังจักรพงษ์กับมิวเซียมสยามมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในฐานะสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติยุโรป ซึ่งถูกรวบรวมไว้เพื่อเป็นคลังความรู้ฉบับแผ่นพับเมื่อปีที่แล้ว โดยเครือข่ายสถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติสมาชิกสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

งดงามและเลอค่า น่าจะเป็นนิยามที่สะท้อนภาพทั้งสองสถานที่ได้ดี ภายนอกงดงาม เลอค่าภายใน ใครไปชมก็ต้องอดปลื้มใจมิได้กับความอลังการด้านศิลปะ มีโอกาสต้องไปชมให้ได้ สักครั้งในชีวิต แล้วจะรู้ว่าความอัศจรรย์นั้นไม่เคยจางหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์งานศิลป์ไทย

วังจักรพงษ์ งดงามสไตล์อาร์ตนูโว

จะเรียก วังจักรพงษ์ หรือ วังท่าเตียน ก็ตามสะดวก แต่ถ้าชื่อทางการ ก็คือ วังจักรพงษ์

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

ที่นี่นั้นสร้างขึ้นเมื่อปี 2452 โดย “จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ” โปรดให้สร้างเพื่อประทานให้เป็นวังที่ประทับ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์” ตลอดจนใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนรับรองพระอาคันตุกะและเป็นท่าเรือส่วนพระองค์

ส่วนชื่อ วังท่าเตียน มาจากความคุ้นชินของชาวบ้านย่านตลาดที่เรียกขานกัน ด้วยว่าเป็นวังเจ้าฟ้าที่อยู่ละแวกท่าเตียน จึงเรียกจนติดปาก ประหนึ่งเป็นชื่อเล่น

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

ในอดีตวังจักรพงษ์มีความสำคัญในหลายแง่ ทั้งเคยใช้เป็นที่ประทับชั่วคราว “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา” เมื่อครั้งทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ มากกว่านั้น คราเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อคณะราษฎรยึดวังปารุสก์เป็นกองบัญชาการ จึงมีการแปรพระราชฐานมาประทับอยู่ที่นี่

พ.ศ. 2481 วังแห่งนี้ได้รับการบูรณะและเปลี่ยนชื่อมาเป็นวังจักรพงษ์เช่นปัจจุบัน หลัง “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์” เสด็จกลับจากการศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พร้อม “หม่อมอาลิซาเบต” ผู้เป็นชายา และเมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2506 วังจักรพงษ์จึงตกในมือทายาทเพียงคนเดียวของราชสกุลจักรพงษ์ “หม่อมราชวงศ์หญิงนริศรา จักรพงษ์”

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

เดิมทีนั้นวังจักรพงษ์ไม่ได้เปิดประตูต้อนรับให้คนแปลกหน้าเข้าออก แต่พอยุคเปลี่ยน วิถีเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน การเปิดประตูวังจักรพงษ์สู่โลกจึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับคนแปลกหน้าอย่างเราๆ ท่านๆ ที่จะได้ชื่นชมความงดงามงานสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ซึ่งสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกสไตล์อาร์ตนูโวตอนปลาย ตัวตึกเป็นลักษณะวิลล่า โดยฝีมือการรังสรรค์ของสถาปนิกชาวอิตาเลียน “เออโกล แมนดฟรดี” ก่อนจะมีการต่อเติมภายในโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ “เอ็ดเวิร์ด ฮีลีย์” (ผู้ออกแบบสถานทูตอังกฤษ ถนนวิทยุ)

ความงดงามด้านสถาปัตยกรรมหาชมได้ทั่วทุกอณู ตั้งแต่ตอนหน้าเรื่อยถึงตอนใน หอสูงหลังคาทรงโดม มุขตอนกลาง ผนังมุข รวมทั้งเสานูนประดับลวดลายปูนปั้น ตลอดจนด้านล่างห้องนั่งเล่นเป็นกระจกทรงโค้ง สามารถมองเห็นบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ถนัดถนี่

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของวังร่มรื่นแห่งนี้ นั่งชิลชิล แกล้มวิวเจ้าพระยา เก๋มาก หรือยากนอนพัก ก็เชิญได้ที่ “จักรพงษ์ วิลลา” บูติกโฮเทลสุดคลาสสิก ถ้าอยากอิ่มเอมกับอาหารไทยตำรับไทยแท้ ก็ต้องแวะ “จักรพงษ์ ไพรเวทไดนิง” รับรองลูกค้าได้ไม่เกิน 30 ต่อวัน กินข้าวค่ำในบรรยากาศโรแมนติก ชมพระอาทิตย์ตกน้ำเจ้าพระยา พระปรางค์วัดอรุณฯ ตั้งเด่นเป็นสง่า งดงามมากๆ (โทร. 02-622-1900 02-224-6686)

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

มิวเซียมสยาม เลอค่าแบบคลาสสิก

กลางวันว่าสวย กลางคืนสวยยิ่งกว่า ยามต้องแสงไฟ อาคารโบราณ ซึ่งออกแบบในสไตล์คลาสสิก กลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากละสายตา ผ่านไปผ่านมา ต้องแวะชม หรือถ่ายรูป เก็บไว้ในคอลเลกชั่นเก๋ๆ

ก็ตามชื่อนั่นแหละ “มิวเซียมสยาม” จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้ รู้เขารู้เรา รู้รากเหง้าความเป็นไทย เป็นมาเยี่ยงไร มีในนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงในแต่ละชั้น นอกจากนี้นิทรรศการหมุนเวียนก็มีให้ชมแบบจุใจ หมุนเวียนไปตามวาระ ขอย้ำว่า นิทรรศการที่จัดแสดงเน้นเพื่อการเรียนรู้ ไม่ได้เน้นเพื่อพาณิชย์

ประวัติว่าไว้ ก่อนจะมาเป็นมิวเซียมสยาม ที่นี่เคยเป็นกระทรวงพาณิชย์ ยุคนู้นสื่อมวลชน มักเรียก “กระทรวงท่าเตียน” เธอประจำกระทรวงไหน ฉันประจำกระทรวงท่าเตียน ก็เป็นที่รู้กันว่าสื่อมวลขนคนนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์

ในบันทึกของ “ขุนวิจิตรมาตรา” (ส่ง กาญจนาคพันธ์) บอกว่า เมื่อแรกเริ่มตั้งกระทรวงในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น เจ้ากระทรวง หรือเสนาบดี มักจะใช้บ้านของตัวเองเป็นสถานที่ทำการกระทรวง แต่กระทรวงพาณิชย์ (กระทรวงเศรษฐการ) ซึ่งตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ยังไม่มีกระทรวงเป็นของตัวเอง จึงได้ก่อตั้งอาคารขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2493 บนที่ดินแปลงรูปสามเหลี่ยมชายธงของ 3 วัง วังกรมหลวงอดิศรอุดมเดช วังกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ และวังกรมหมื่นทิวากรวงษ์ประวัติ เชื่อมด้วยถนน 3 สาย ถนนเขตต์ ถนนสนามไชย และถนนมหาราช

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

ตัวตึกมี 3 ชั้น โอ่โถง งดงาม ประณีต ตกแต่งด้วยลวดลายสไตล์ฝรั่ง สมัยนั้นถือเป็นตึกสมัยใหม่แปลกตาและทันสมัยกว่าที่ทำการอื่นๆ จากฝีมือการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน “มาริโอ ทามาโญ” ที่เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศสยามตั้งแต่ พ.ศ. 2443 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ออกแบบสถานที่สำคัญๆ มากมายในกรุงเทพฯ อาทิ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วัดเบญจมบพิตรฯ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ บ้านนรสิงห์ บ้านพิษณุโลก) ขณะที่งานปูนปั้น หรืองานหล่ออันงดงาม เป็นฝีมือการออกแบบของนายช่างจากเมืองมิลาน “วิตโตริโอ โนวี”

เมื่อกระทรวงพาณิชย์ถูกย้ายไปแถวสนามบินน้ำ ที่นี่จึงถูกปรับโฉมให้เป็นมิวเซียมสยาม พ.ศ. 2551 อาคารเก่าไม่ได้ถูกรื้อ ยังคงโครงสร้างไว้ งานสถาปัตยกรรมเลอค่าไม่ได้สูญสลายไปกับกาลเวลา ความงามแบบคลาสสิกยืนหยัดท้าทายสายตา อาคารสีเหลืองไข่ไก่ตั้งเด่นอยู่กลางสนามหญ้าสีเขียวขจี ด้านหน้ามีงานประติมากรรมชิ้นเอก ทำหน้าที่ต้อนรับผู้มาเยือนด่านแรก พอก้าวเข้าไปภายใน ที่นี่จะอุดมไปด้วยองค์ความรู้ สะท้อนถึงภูมิปัญญาและประวัติศาสตร์ชาติไทยที่คนไทย ไม่ว่าจะรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ ต้องไปทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าถึงความเป็นคนไทยอย่างลึกซึ้ง (โทร. 02-225-2777)

ย่ำ “ท่าเตียน” เยือน “วัดโพธิ์” (ภาพพระปรางค์วัดอรุณ คลังภาพโพสต์ทูเดย์ / ภาพพระพุทธไสยาสwww.dhammajak.net)

ใกล้ๆ วังจักรพงษ์กับมิวเซียมสยาม มี 2 สถานที่ที่ควรแวะ นั่นก็คือท่าเตียนกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์

เดินชิลชิลชมตึกเก่า ชมวิถีชีวิต ชมตลาด ชิมของอร่อยขึ้นชื่อ จิบกาแฟในโรงแรมเล็กๆ แต่เก๋ได้ใจ ก็มีเยอะ ตกเย็นจะนั่งแฮงแถวโป๊ะ ชมวิวเจ้าพระยา เรือสำราญ พระปรางค์วัดอรุณฯ คุ้มค่าสุดๆ

เอกลักษณ์ที่อยู่คู่ท่าเตียนมาเนิ่นนาน คงหนีไม่พ้น ของทะเลแบบแห้ง กลิ่นเค็มเกลือลอยมาแตะจมูก รู้เลยว่าคุณมาถึงท่าเตียน อารมณ์ตลาดท้ายสนม หรือตลาดท้ายวัง อาจจะไม่เหมือนเดิม แต่บรรยากาศพอได้อยู่ เดินซอกแซกไปตามตรอก จะพบกับตึกเก่า ถ่ายรูปเก็บไว้วันนี้ ก่อนจะกลายเป็นอดีต

จาก ‘วังจักรพงษ์’ ถึง ‘มิวเซียมสยาม’

 

ข้ามถนน เดินเข้าวัดโพธิ์ เป็นวัดที่อยู่ใกล้ตาใกล้ใจคนกรุงเทพฯ ฝั่งพระนคร แต่ใครจะรู้เล่าว่าภายในนั้นซ่อนเร้นด้วย 9 สิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ได้ไปสัมผัสกับตัว ก็ยากจะนึกภาพออก

“พระพุทธไสยาส” หรือ “พระนอน” องค์ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ งดงามมาก “ตำราเวชเชตุพน” ศิลาจารึกนวดแผนไทย “มหาเจดีย์ 4 รัชกาล” (รัชกาลที่ 14) เจดีย์สูงเคลือบกระเบื้องสีเขียว ขาว เหลือง และขาบ (น้ำเงินเข้ม) “ต้นตำนานสงกรานต์ไทย” ศิลาจารึกคติความเชื่อคนไทยกับประเพณีสงกรานต์ “มรดกโลกวัดโพธิ์” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกความทรงจำแห่งโลก” (Memory of the World) พ.ศ.2552

“ตำนานยักษ์วัดโพธิ์” ยักษ์ผู้ทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์ คู่ปรับกับ “วัดยักษ์แจ้ง” (วัดอรุณฯ) จนเกิดเป็นตำนานสู้รบระหว่างยักษ์ 2 วัด ยักษ์วัดโพธิ์มี 2 ตน ยักษ์กายสีแดงกับยักษ์กายสีเขียว “ผ่านภพรัตนโกสินทร์” “วิจิตรพระพุทธเทวปฏิมากร” สุดท้ายโด่งดังไม่แพ้กัน “ต้นตำรับนวดแผนไทย” สลักเป็นรูปปูนปั้นฤาษีดัดตน เดินวนให้รอบวัด ก็จะเจอรูปปั้นฤาษีดัดตน นี่คือสิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด คริสตัล พาเลซ พบ แมนซิตี้ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68