รักสามเส้า

โดย...สมานใจ ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์

สถานการณ์ : ฉันกับ “บี” เป็นเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล ไม่ว่าจะไปที่ไหนทุกคนเป็นต้องเห็นพวกเราสองสาวตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ พูดได้ว่าเรารักกันยิ่งกว่าพี่น้องซะอีก เดิมทีฉันมีแฟนหนุ่มที่คบกันมาได้ 3 ปีชื่อ “แบงก์” เรื่องนี้บีก็รับรู้ตลอดมา เพราะพวกเราก็นัดเจอกันบ่อยๆ แบงก์เป็นหนุ่มผิวขาว หล่อ สูง หุ่นดี เป็นหนุ่มในสเปกที่สาวๆ เห็นเป็นต้องเหลียวมอง ซึ่งฉันว่าเสน่ห์ของแบงก์คงโดนใจบีไม่น้อย และแบงก์เองก็คงมีใจเอนเอียงไปทางบีด้วย เพราะบีจัดว่าเป็นสาวสวยหุ่นดีที่หนุ่มๆ หมายปองเช่นกัน

ช่วงหลังๆ ที่พวกเรานัดเจอกัน บีกับแบงก์มักแสดงความสนิทสนม หยอกล้อกันออกนอกหน้าโดยไม่เกรงใจฉันเลย ฉันพยายามมองโลกในแง่ดีว่าอาจจะคิดมากเกินไป แต่เรื่องก็มาแดงขึ้นในวันที่ฉันชวนแบงก์ไปเดินช็อปปิ้ง ดูหนัง และกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่แบงก์กลับปฏิเสธและโกหกว่าไม่ว่าง ต้องไปทำธุระให้คุณแม่ ฉันเลยรู้สึกเซ็งจึงโทรไปชวนบีให้ไปกับฉัน แต่บีก็บอกว่าต้องไปช่วยพี่สาวซื้อของใช้เข้าบ้าน ฉันจึงตัดสินใจไปเดินห้างคนเดียวแก้เซ็ง

เป็นจริงที่ว่าความลับไม่มีในโลกและโลกมันกลม พอเดินไปได้สักพักภาพหนุ่มสาวที่ฉันเห็นตรงหน้าว่าช่วยกันเลือกซื้อเสื้อผ้า หยอกล้อกันด้วยความสนิทสนมก็ทำให้ฉันแทบเป็นลมล้มพับ เพราะหนุ่มสาวคู่นั้นคือแบงก์และบี คนหนึ่งก็แฟน อีกคนก็เพื่อนรัก ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เพราะแอบเป็นกิ๊กกับแฟนฉันได้หน้าตาเฉย ทั้งสองก็หน้าซีดเผือดทันทีที่มองมาสบตากับฉัน บอกได้เลยว่าฉันเสียใจสุดๆ โธ่เอ๊ย! เพื่อนรักไม่น่าทำกับฉันได้ลงคอ

ทางออก : ความรู้สึกที่ถูกหักหลังจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก มันแสนจะเจ็บปวดจนไม่มีใครยอมรับได้หรอก แต่ในความเป็นจริงเราก็ต้องหาทางออกให้กับปัญหารักสามเส้าในครั้งนี้ด้วยการเปิดอกพูดคุยกันทั้งสามฝ่ายและถ้าได้คำตอบแล้วว่าแฟนคุณกับเพื่อนคุณตกหลุมรักกันจริงจัง จนคิดสานความสัมพันธ์ต่อไป เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่แล้วละก็ คุณก็จำเป็นต้องยอมรับบทนางเอกผู้เสียสละยอมยกแฟนหนุ่มให้เพื่อนรักไปเถอะ เหมือนกับเนื้อเพลงที่ว่า “อยากบอกเธอคำเดียว เสียใจ เสียใจเหลือเกิน ที่บังเอิญไว้ใจสองคนเขาและเธอ แต่จะเป็นไรไป อย่างน้อยก็เพื่อนกัน แด่ความหลังที่พ้นผ่าน ที่คบกันมานาน ผู้ชายคนนั้นฉันให้เธอ”

แม้วิธีนี้คุณอาจจะเจ็บปวดใจอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็อยากให้คิดแบบมีเมตตาว่า ผู้ชายก็แฟนเรา ผู้หญิงก็เพื่อนรักเรา ถ้าการเสียสละครั้งนี้ของคุณจะทำให้พวกเขามีความสุขได้ก็ควรจะยินดีกับพวกเขา ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น ทั้งคู่อาจเลิกกัน หรือเพื่อนคุณสำนึกผิดแล้วมาขอโทษ เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็อยู่ที่ใจของคุณแล้วล่ะ ว่าจะเห็นใจ ยอมให้อภัย หรือปล่อยวางได้รึไม่ ซึ่งถ้าทำได้ รับรองเลยว่าคุณจะเป็นคนที่เข้มแข็งและมีความสุขกับการใช้ชีวิตต่อไปแน่นอน

Ask the expert...

Q.ดิฉันวัย 43 ปี หย่ามาแล้ว 7 ปี มีลูกสาววัย 10 ขวบ 1 คน มีพ่อหม้ายมีลูกชาย 1 คน วัย 15 ปี มาติดพัน เขามีคุณสมบัติที่ดีพอใช้ การงานของเราทั้งคู่ก็มั่นคงใช้ได้ แต่เราต่างมีลูกติด อยากเริ่มต้นใหม่ แต่กลัวจะมีปัญหา ดิฉันกังวลจนเกินไปไหมคะ?

A. นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้อำนวยการทางการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า น่าจะเป็นความกังวลใจที่มากเกินไปหน่อย เพราะบางครั้งความเป็นผู้หญิงทำให้คิดไปล่วงหน้าว่าอาจจะเกิดเรื่องราวที่ไม่ดีแก่ตนเองและลูกๆ และความคิดในเรื่องนี้ถ้าไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขก็น่าจะเกิดปัญหาตามมา ในความเป็นจริงนั้น ลูกๆ ทั้งหลายก็คงอยากจะให้พ่อแม่ของพวกเขาที่เลี้ยงดูพวกเขามา มีความสุขจากการที่ได้มีคู่ครองใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มด้วยการกระทำกิจกรรมร่วมกันที่สร้างเสริมความดี หรือทำคุณประโยชน์ต่อสังคมร่วมกันแล้วก็น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน มีตัวอย่างของผู้มีชื่อเสียงมากมายที่เป็นแบบที่คุณกำลังจะเป็น และที่พวกเขาประสบความสำเร็จก็เพราะพวกเขามองชีวิตในทางบวก แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นร่วมกันเสมอ และความสำเร็จจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเรียนรู้ที่จะพูดคำว่า “เรา” และลืมคำว่า “ฉัน” และ “เธอ” ไป

He Said / She Said

สืบพนักงานบริษัท

“ผมชอบผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ และก็แคร์ความรู้สึกกับสิ่งรอบข้าง ไม่ดูดาย แต่ก็ไม่เสียความเป็นตัวเอง ถ้าหน้าตาดีด้วยก็ใช่เลยนะครับ”

นางพนักงานบริษัท

“ไม่ชอบหนุ่มๆ ที่อืดอาด ไม่ปรู๊ดปร๊าด ทำอะไรก็เนิ่นนาน ไม่กระฉับกระเฉง ดูไม่ค่อยทันกินนะค่ะ (หัวเราะ) คือชอบหนุ่มอารมณ์ศิลปินนะค่ะ แต่ไม่ต้องชักช้าก็ได้นี่นา”

Quote

“ความรักนั้นก็เหมือนสงคราม มันมักจะเริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ แต่ยากนักที่จะทำให้จบลง”

เอช. แอล. เมนเคน นักเขียน/นักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน