เซียนพระ
เรื่อง : ปู โลกเบี้ยว
เรื่องพระ เรื่องเครื่องรางของขลังเนี่ย ปูก็พอจะรู้บ้างแต่ไม่ถึงขนาดเป็นเซียน เคยเห็นพวกเซียนพระเขาส่องพระกันแล้วก็ทึ่งๆ ว่าพวกเขาดูยังไง รู้ได้ยังไงว่าองค์นั้นจริงองค์นี้ปลอม เรารึส่องจนตาจะติดองค์พระอยู่แล้วยังดูไม่ออก
แหม! ไม่นานมานี้เองโชคดีมีโอกาสได้เรียนรู้วิธีดูพระแบบง่ายๆ วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ จากกำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ เพราะได้รับความอนุเคราะห์ให้เข้าไปถ่ายทำพิธีกรละครเรื่อง
“กรรมนำทาง”ที่ต้องไปอาศัยบ้านนี้ เพราะว่าบ้านของกำนันชูชาติเป็นพิพิธภัณฑ์พระที่ใหญ่มาก สวยมาก เข้าไปแล้วทึ่งอึ้งทึ่งเสียวเลยล่ะ เพราะพระเก่าแก่มากมายขนนี้ลุกซู่เชียว แต่ละปางมีรูปร่างแปลกๆ ทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตเลยก็มี ยังเครื่องรางของขลังอีกมากมายละลานตา
พิพิธภัณฑ์นี้เปิดมานานแล้วล่ะอยู่ริมถนนพุทธมณฑลสาย 2 ถ้ามาจากพุทธมณฑลนครปฐม ต้องข้ามสะพานคลองบางเชือกหนังแล้วกลับรถชิดซ้ายเลาะๆ ไปเดี๋ยวก็เห็นเองแหละ เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ค่าเข้าคนละ 100 บาทเอง เพราะกำนันบอกว่าเป็นค่าแอร์ ต้องเปิดให้เดินชมกันให้ทั่วหน้า
ตั้งแต่เปิดมาก็ประมาณ 12 ปีได้แล้วล่ะ ขนาดมีพระเครื่องหลายองค์ที่ชอบ แล้วเลี่ยมทองฝังเพชรไว้ก็หลายองค์อยู่ ก็ไม่เคยหายสักที เพราะคนที่มาเข้าชมเป็นผู้ที่ชื่นชอบพระตัวจริง อีกอย่างอาจจะเป็นเพราะกำนันชูชาติเป็นคนดี ชอบทำ ชอบให้ผู้อื่นก็ได้ เลยทำให้คนที่เข้ามาก็เลยมีความจริงใจด้วย
กำนันเล่าให้ฟังว่าเป็นลูกคนที่ 4 ในบรรดาพี่น้อง 13 คนของพ่อแม่ แต่เป็นลูกชายคนโต พอเกิดมาแม่บอกว่าอยู่ๆ พ่อก็ฝนทองให้กิน แล้วก็ได้กินอยู่คนเดียวในบรรดาพี่น้องไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แล้วก็ได้เรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียลด้วย ความที่พ่อของกำนันกลัวว่าเรียนโรงเรียนคริสต์แล้วลูกจะเบี่ยงเบนศาสนา เลยแนะนำสั่งสอนปลูกฝังเรื่องศาสนาพุทธและสอนในเรื่องของพระเครื่องทั้งหลาย และให้ห้อยพระไว้ตลอดเวลา ทำให้กลายเป็นคนสนใจเรื่องพระเครื่องตั้งแต่ตอนอายุ 10 ขวบ
บางทีก็นำพระไปแลกกับเพื่อนบ้าง ปล่อยให้คนอื่นเช่าบูชาบ้าง ยังเคยไปปล่อยให้เช่าพระแถวสนามหลวงเมื่อก่อนนี้เลย ก็ตอนนั้นยังเด็กๆ อยู่ เล่นพระมาตั้งแต่ตอนนั้นยันตอนนี้ก็ปาเข้าไป 72 ขวบแล้วอ่ะ หุหุ
ปูเห็นลายเส้นบนฝ่ามือกำนันชูชาติ ปูก็ทักว่า เนี่ยนอกจากจะมีอำนาจบารมีแล้วยังไงก็คงหนีไม่พ้นเป็นคุณครูแน่ๆ กำนันก็เลยบอกว่าก็เป็นครูอยู่ เคยเปิดสอนเบญจภาคี แกเลยสอนปูดูพระเครื่องแบบง่ายๆ อย่างพระสมเด็จเนี่ยจะดูได้อย่างไรว่าเป็นของจริงของแท้หรือของปลอม กำนันชูชาติ บอกว่าให้ลองขูดด้านข้างของพระ แล้วเอาเข็มจิ้มขมิ้นสีเหลือง ป้ายไปที่ด้านข้างของพระที่ขูดเอาไว้ ถ้าขมิ้นเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีส้ม นั้นแหละปลอมแท้ๆ เลย แต่ถ้าขมิ้นยังเป็นสีเหลืองอยู่นี่ซิของจริงโดยกำเนิด
แล้วจะดูว่าเก่าแก่ขนาดไหน
“เห็นรอยปุปะเป็นรูของความสึกบนพระเครื่องมั้ย?” ร้อยปีพันปีฝุ่นละอองต้องมีมันจะอุดตันเห็นได้ชัด ต้องเป็นฝุ่นของจริงนะไม่ใช่ยัดผงอะไรเข้าไปก็ไม่รู้ นั้นแหละคือสิ่งที่บ่งบอกอย่างเป็นธรรมชาติว่าพระองค์นั้นๆ ได้ทำขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว นี่เองเพราะความที่ชำนาญในเรื่องของพระเครื่องและได้สะสมพระไว้มากมาย เลยทำให้กำนันตัดสินใจเปิดบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ซะเลยและที่สุดของชีวิตกำนัน นอกจากกำนันเป็นคนที่กตัญญูดูแลพ่อแม่ที่เจ็บป่วยและแก่เฒ่าจนท่านสิ้นแล้ว ยังมีที่สุดยิ่งกว่าที่สุดของชีวิตกำนัน ก็คือตอนที่เป็นลูกเสือชาวบ้านได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ในหลวงของเรา อยู่ๆ ในหลวงก็เสด็จพระราชดำเนินมาหยุดอยู่ตรงกำนันแล้วมีพระราชดำรัสว่า
“การทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั้นเป็นกุศล” กำนันจึงได้ยึดเอาประโยคนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันจนถึงทุกวันนี้ ปูล่ะเป็นปลื้มจริงๆ เลย ปลื้มคำสอนของในหลวงนะ

