posttoday

กลล้วงความลับ

22 มกราคม 2557

โดย...เสน่ห์จันทน์

โดย...เสน่ห์จันทน์

เคยเป็นไหม เวลาที่รู้สึกว่า คนใกล้ตัวเรากำลังมีความลับปิดซ่อนเราอยู่ อยากรู้ขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เกรงเขาจะโกรธ หรือจะดูเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเขา และถ้าเขายอมบอกจะเชื่อได้อย่างไรว่านั้นคือความลับที่ถูกเปิดเผยจริงๆ ไม่ใช่คำลวง

สถานการณ์

เขาแสดงท่าทีให้รู้สึกว่า เขามี “ความลับ”

ทำตัวเลิ่กลั่ก เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลงลืมนั่นนี่

หวงข้าวของส่วนตัวมากผิดสังเกต เช่น กระเป๋า โทรศัพท์ แถมยังจดๆ จ้องๆ ดูโทรศัพท์ถี่

พูดเยอะ หรือ พูดน้อย กว่าปกติ

คำพูดคำจา แววตาเปลี่ยนไป

อยากเป็นส่วนตัว อยู่หรือทำอะไรคนเดียว

หงุดหงิดใส่บ่อยโดยไม่มีสาเหตุ

เวลาของเราสองคนเริ่มเรรวน

ทางออก

เมื่อพฤติกรรมของเขาเหล่านั้น สะกิดความรู้สึกหวาดระแวงให้เกิดขึ้นในใจคุณ คุยกันต่อไปคบกันต่อไปก็ไม่สนิทใจ ไม่มีความสุขล่ะ เหมือนมีช่องว่างอะไรสักอย่างมาขัดๆ ขวางๆ ให้เข้าไม่ถึงกันสักที อยากรู้จริงๆ ว่า “ความลับ” ที่เขากุมอยู่นั้นคืออะไร

อย่าคิดว่าการเปิดอกถามกันตรงๆ จะได้รับความจริง ก็เมื่อเขาแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา นั่นย่อมหมายความว่าไม่อยากให้คุณรู้ และปฏิเสธการเข้ามามีส่วนร่วมของคุณ

คนมีความลับต่อกัน เหตุผลหนึ่งเพราะ “ไม่ไว้ใจ” ดังนั้นคุณอยากให้เขาเล่า ก็ต้องทำให้เขาไว้ใจเชื่อใจได้ ทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีจะร้ายมีผลต่อคุณยังไง คุณก็จะอยู่เคียงข้างคอยช่วยแก้ไขปัญหา ให้อภัย ไม่ใช่รู้ความจริงแล้วทำให้เรื่องลุกลามใหญ่โต กลายเป็นเรื่องขึ้นมา แสดงเจตนาชัดเจนว่า อยากช่วยแก้ปัญหาที่เขาปกปิดมากกว่าอยากรู้อยากเห็นเพราะคาใจ ให้เขาได้พูดความจริง ไม่ใช่พูดปดต่อไปเพื่อให้คุณสบายใจ หรือตัดรำคาญในความสงสัยของคุณ

การใช้คำถาม ต้องไม่ใช่การซักไซ้ อาจจะเปรยๆ ไปว่า การพูดสิ่งที่ปิดบังออกมาผลอาจจะไม่ร้ายแรงเท่าเก็บกุมไว้คนเดียวก็ได้ หรือใจกว้าง บอกความลับของคุณให้เขารู้ พร้อมขอความเห็นต่อเรื่องนั้น หรือขอโทษขอโพยหากเรื่องนั้นทำให้เขารู้สึกไม่ดี ไม่ตั้งคำถามว่าคุณปิดบังเรื่องนี้ใช่ไหม ใช้คำพูดให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

เมื่อเขายอมเปิดเผยความลับที่ซ่อนเร้นเอาไว้ จงตั้งใจฟังให้จบก่อน อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็น แม้ว่าเรื่องนั้นจะกระทบกับคุณ ทำให้คุณเสียใจก็ตาม หลังจากนั้น ถ้าเขาขอคุณกุมความลับต่อไป ก็จงทำตาม เพราะนั่นหมายถึงไม่ใช่เรื่องของคุณที่จะเล่าต่อแล้ว แต่ถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับคุณ จงช่วยกันคิดว่า จะแก้ปัญหานี้อย่างไร สุดท้ายคุณเองจะเป็นฝ่ายตัดสินใจกับ “ความลับ” นั้น เพราะเขาปลดล็อกทางความรู้สึกออกมาหมดแล้ว

Ask the Expert

Q. ดิฉันแต่งงานมาครบ 10 ปี และไม่มีลูก รู้สึกชักจะเหงาๆ ไม่มีเรื่องลูกให้ได้คุยกัน ความสวีตก็ไม่เหมือนตอนแต่งงานใหม่ๆ เราจะสร้างสีสันให้ชีวิตคู่ได้อย่างไรดีคะ?

A. พญ.ญดา พงษ์กาญจนะ จิตแพทย์จาก รพ.ปิยะเวท ให้ข้อแนะนำไว้ว่า ที่มนุษย์เราแต่งงาน ไม่ได้เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์เพียงอย่างเดียว การแต่งงานมีความหมายรวมไปถึงการที่เราจะเลือกใครสักคนเป็นเพื่อนเดินเคียงกันไปตลอดชีวิต แต่น่าเสียดายที่หลายคนลืมความหมายตรงนี้ไปทำให้คู่แต่งงานหลายคู่เมื่ออยู่กันไปนานๆ ก็มักจะละเลยที่จะใส่ใจกันและกัน ทำให้ความหวานที่เคยมีดูจะจืดจางลง การสร้างสีสันให้ชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องพยายามสร้างเรื่องตื่นเต้นให้แก่กันทุกวันแต่หมายถึงการทำให้ทุกวันมีความหมายไปด้วยกัน อาจเริ่มง่ายๆ ด้วยการทำกิจวัตรประจำวันไปด้วยกันเพื่อให้คุณทั้งคู่อยู่ในชีวิตกันและกัน ถึงไม่มีลูกแต่ชีวิตคนเราก็มีเรื่องที่ต้องการเพื่อนคุยอยู่ทุกวันค่ะ

He Said / She Said

นิวพนักงานบริษัท

“ผมชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักๆ ดูแล้วเธอเดียงสาดีครับ ไม่ชอบผู้หญิงไซส์ฝรั่ง ดูน่ากลัวมากกว่าน่ารัก (หัวเราะ)”

เฟินพนักงานบริษัท

“จริงๆ แล้วเฟินชอบคนยากค่ะ ต้องได้พูดได้คุยกันก่อนถึงจะคลิก ต่อให้หล่อขนาดไหนคุยแล้วไม่คลิก ก็ไม่โอนะคะ เราเป็นประเภทสวยเลือกได้ซะด้วยค่ะ (หัวเราะ)”

Quote

“ถ้าเกิดอยากที่จะขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์น่ะเหรอ ฉันก็แค่เปลี่ยนทรงผมแค่นั้นแหละ ขอบอก”

ฮิลลารี คลินตัน นักการเมืองสหรัฐ

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”