อธิศ รุจิรวัฒน์ กับบทสรุปของการเดินทาง

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์/ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

เรื่องราวการเดินทางของชายคนหนึ่ง ที่เชี่ยวกรำอยู่ในแวดวงการเงินการธนาคารมาไม่ต่ำกว่า 15 ปี เป้าหมายและความสำเร็จที่มาถึง พร้อมกับความสุขความสงบในชีวิต อธิศ รุจิรวัฒน์ ในวัย 40 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส ผู้ให้บริการบัตรเซ็นทรัล เครดิตการ์ด ในเครือกรุงศรี จะค่อยๆ เล่าให้ฟังว่า ชีวิตไม่มีเรื่องง่าย แม้แต่ชีวิตของเขาเอง

นึกย้อนกลับไปถึงชีวิตของตัวเอง เจ้าตัวยังต้องอมยิ้ม ไม่ใช่อะไรนอกเสียจากว่า เป้าหมายกับชีวิตในขณะนี้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน (อ้าว) จากความชอบที่เรียกได้ว่าลุ่มหลงในภาพยนตร์ แต่ต้องเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ จบมาแล้วยังต้องเลือกทำงานในสายไฟแนนซ์ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

อธิศ หรืออาร์ต เล่าว่า สมัยเป็นเด็กไม่คิดอะไรมากไปกว่า เลือกเรียนในสิ่งที่พ่อแม่ชอบ และเนื่องจากบิดามารดาเป็นนักวิทยาศาสตร์ทั้งคู่ เพราะฉะนั้น ก็ไม่แปลกที่จะเลือกเรียนในสาขาวิชาเดียวกัน แม้ในขณะนั้นจะรู้ใจตัวเองดีก็ตามว่า ไม่ชอบวิทยาศาสตร์นัก หากบรรยากาศพาไป โดยได้รับทุนไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์ที่ Trent University ประเทศแคนาดา

สำหรับบิดาคือ ศ.ดร.สมศักดิ์ รุจิรวัฒน์ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาเคมีอินทรีย์และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ (2547) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนายาสังเคราะห์ สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ช่วยประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการของสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์

ขณะที่มารดาคือ รศ.ดร.คุณหญิงมธุรส รุจิรวัฒน์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ฝ่ายวิจัย และอาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าห้องปฏิบัติการพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในโอกาสที่ทรงประกอบพระกรณียกิจในต่างประเทศ

 

“ไม่ชอบแต่ก็เรียนได้ กดดันหรือไม่ ต้องตอบว่า พอสมควร(ฮา) ผมเป็นลูกคนเดียว ทุกคนมองมาที่เรา แต่ผมใช้ชีวิตสบายนะ ทั้งการเรียนการทำงาน ตัดสินใจด้วยตัวเอง ขอความเห็นคุณพ่อคุณแม่บ้าง แต่สุดท้ายคือชีวิตของเราที่ตัดสินใจเอง”อาร์ต เล่า

นอกจากบิดามารดาที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงทั้งคู่ อาร์ตยังเป็นหลานตา ศ.ดร.สตางค์ มงคลสุข คณบดีคนแรก และผู้ก่อตั้งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อาร์ต บอกว่า ตอนเด็กๆ เขาต้องติดตามคุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางไปใช้ชีวิตและทำงานในต่างประเทศครั้งละนานๆ ใช้ชีวิตสลับกันระหว่างเมืองไทยและสหรัฐอเมริกา พูดภาษาไทยชัดสลับไม่ชัด เพราะไปๆ มาๆ อยู่หลายรอบ

อาร์ตเกิดเมืองไทย แต่เมื่อได้ 1 ขวบก็ไปเมืองนอก โดยคุณพ่อคุณแม่หอบหิ้วไปด้วย ขณะไปทำงานวิจัยอยู่ที่ฮุสตัน มลรัฐเทกซัส เมื่ออายุ 4 ขวบครึ่งกลับมาเข้าอนุบาลที่เมืองไทย จนเรียนชั้นประถม 4 จึงไปเมืองนอกอีกครั้ง ช่วง ป.4-ม.2 ใช้ชีวิตอยู่อเมริกา ม.2-ม.6 กลับมาเรียนหนังสือที่เมืองไทย จนปริญญาตรีเอนทรานซ์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เรียนเพียง 3 เดือน ก็ตัดสินใจรับทุนไปเรียนแคนาดา

จบแล้วกลับมาตั้งหลักที่เมืองไทย จากความชอบในภาพยนตร์ และความฝันใฝ่ในวัยเด็กที่อยากทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดสักเรื่อง เขาเริ่มทำงานกับอินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (ไอบีซี) ในสายงานด้านการตลาด จากนั้นเรียนต่อเอ็มบีเอที่ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายหลังพิสูจน์ว่า ชอบ (ภาพยนตร์)จริงๆ และจะไม่ทำงานด้านวิทยาศาสตร์แน่ การเรียนที่ศศินทร์ช่วยให้ชายหนุ่มจับหลักตัวเองได้ เขาพบว่าการตลาดเป็นงานที่น่าสนใจ สนุก มีสีสัน และท้าทายอย่างยิ่ง

เรียนจบแล้วได้งานที่แบงก์เอเซีย แม้ช่วงแรกจะไม่ชอบงานแบงก์ แต่ด้วยแนวคิดว่านักการตลาดที่ดีย่อมขายได้ทุกอย่าง ก็ค่อยๆ เริ่มจากสายงานบัตรเดบิต จากนั้นย้ายมารับผิดชอบสายงานบัตรเครดิต ซึ่งทำโปรโมชั่นสนุกๆ ได้มากมาย พลิกแพลงและปรับใหม่ตลอดเวลา เพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย จุดนี้เองทำให้เขายิ่งหลงใหลในงานด้านการตลาด

ชีวิตเป็นเรื่องตลก ปรากฏว่าระหว่างที่งานสายแบงก์เดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็มีงานมาเสนอ เป็นงานสุดเจ๋งในแวดวงภาพยนตร์ ที่หากเป็นสมัยก่อนคงกระโดดเข้าไปทำอย่างไม่รีรอ หากเมื่อเวลาและจังหวะเปลี่ยน ก็เป็นตาของเขาเองที่ต้องทบทวน ทั้งความชอบและทิศทางที่จะก้าวต่อ

 

“การทำตลาดบัตรเครดิต ทำให้เราต้องอยู่ท่ามกลางผู้คน เพราะมันคือไลฟ์สไตล์ของคน มันคือชีวิต และทุกการใช้จ่ายในชีวิตของคนคนหนึ่ง เหมือนเราได้เห็นชีวิตของเขาผ่านการใช้จ่ายบัตร และเราต้องตอบเขาว่า เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้น สนุกขึ้น”

เมื่อเข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการบัตรเครดิต ก็ยากจะถอนตัว ชายหนุ่มตัดใจจากวงการภาพยนตร์ เนื่องจากเสียดายประสบการณ์ความรู้ความสามารถในสายงานแบงก์ ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ตำแหน่งนี้ ต้องฟันฝ่ามิใช่น้อย

หลังรับผิดชอบสายบัตรเครดิตที่แบงก์เอเซียอยู่ 4 ปีเต็ม อาร์ตย้ายไปเป็นเฮด โปรดักต์ แมนเนจเมนต์ที่ธนาคารยูโอบี 1 ปี จากนั้นย้ายมาทำสายงานที่เชี่ยวชาญอยู่ที่จีอีกรุ๊ป กระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา ในเครือบริษัท จีอี แคปปิตอล (ไทยแลนด์) จนกระทั่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส ผู้ให้บริการบัตรเซ็นทรัล เครดิตการ์ด ในเครือกรุงศรีนั่นเอง

“ทีแรก ผมคิดจะทำแบงก์ 2 ปี (ฮา) 2 ปีเท่านั้นแล้วจะกลับไปทำหนังอย่างใจชอบ แต่ก็อย่างที่เห็น ทำแบงก์ถึงวันนี้ 15 ปีแล้วครับ ผมเรียนรู้งานเยอะมาก รักและแพสชั่นในสายบัตรเครดิตมาก คิดว่าคงกลับไปทำหนังไม่ได้อีก”อาร์ต เล่า

จากเป้าหมายที่เคยฝันใฝ่ จะเป็นผู้กำกับหนังฮอลลีวู้ด แต่นักการตลาดคนเก่งก็เดินทางมาไกลจากที่ฝันไว้มาก บทสรุปของการเดินทางคือ ความสุขและความพอใจในชีวิต หน้าที่การงาน ห่างจากที่ฝันไว้ก็จริง แต่ไม่ทำให้ชีวิตและความสุขพร่องลงแม้แต่น้อย และอาจกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า วันนี้คือเป้าหมายของชีวิตที่ได้มาถึงแล้ว

อธิศ รุจิรวัฒน์

ชื่อเล่น อาร์ต

อายุ 40 ปี

การศึกษา

2532-2536 Trent University, Canada (Major : Chemistry)

2540-2542 เอ็มบีเอ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การทำงาน

2542-2546 รับผิดชอบแผนกสายบัตรเครดิต แบงก์เอเซีย

2546-2547 หัวหน้าแผนกผลิตภัณฑ์สายบัตรเครดิต รับผิดชอบงานการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารยูโอบี

2547-2553 รองผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา

2553-2555 รองประธานอาวุโส ธนาคารยูโอบี

2555-ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส