เจมส์-เนม ลูกพี่ลูกน้องสุดซี้
คนหนึ่งกำลังเติบโตในสายงานบริหารในธุรกิจร้านอาหาร ส่วนอีกคนกำลังโด่งดังสุดๆ ในฐานะนักร้อง
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา
คนหนึ่งกำลังเติบโตในสายงานบริหารในธุรกิจร้านอาหาร ส่วนอีกคนกำลังโด่งดังสุดๆ ในฐานะนักร้อง ทว่าบนเส้นทางที่แตกต่างที่ทั้งคู่เลือกเดิน จนดูเหมือนว่าไม่น่าบรรจบกันได้ กลับไม่ใช่กำแพงหนาที่กั้นขวางความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระว่างลูกพี่ลูกน้องคู่ซี้แห่งบ้านไรวา
ถึงแม้จะเติบโตเป็นหนุ่ม ฝ่ายพี่ อย่างเจมส์ธีรกรณ์ ไรวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสแอนด์พี อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู้ดส์ มีธุรกิจและครอบครัวแล้ว แต่น้องชายอย่าง เนมปราการ ไรวา นักร้องนำวง “เก็ทสึโนวา” ก็ยังเป็นน้องชายคนโปรด ที่ยกให้พี่ชายคนนี้เป็นไอดอลและที่ปรึกษาเสมอ
ย้อนกลับไปวันวาน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนถูกขีดไว้ด้วยโชคชะตา เพราะไม่เพียงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ยังอยู่บ้านหลังเดียวกัน ที่สำคัญทั้งคู่ต่างเติมเต็มซึ่งกันละกันอย่างเหมาะเจาะ เพราะทั้งคู่ต่างไม่มีน้องชาย และพี่ชาย เกิดมาในครอบครัวที่พี่น้องเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่
สำหรับเนม ‘พี่เจมส์คือไอดอล’
เนม ปราการ เปิดฉากเล่าถึงความผูกพันที่มีกับพี่ชายแบบเขินๆ ว่า ตั้งแต่เด็ก ห้องนอนของพี่ชายซึ่งอยู่ชั้นบนภายใต้บ้านหลังคาเดียวกัน คือ สวรรค์สำหรับเด็กชายเนม เป็นสถานที่โปรดที่เขามักขึ้นไปเจอพี่ชายเสมอ
“ห้องพี่เจมส์ถือเป็นสวรรค์สำหรับผมตอนเด็กๆ เลย ทุกครั้งที่ขึ้นไปห้องพี่เจมส์ ผมจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด ทั้งเกมนินเทนโด้ ทั้งการ์ตูนที่มีอยู่เต็มไปหมด ผมว่าการที่ผมมีโอกาสคลุกคลีกับพี่เจมส์ตั้งแต่เด็ก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมซึมซับความชื่นชอบในประเทศญี่ปุ่นมาจากพี่เจมส์เหมือนกัน ทั้งเรื่องอาหารการกิน วัฒนธรรม หนัง และเพลง” เนมบอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความประทับใจวัยเด็กที่มีต่อพี่ชาย ซึ่งโตกว่า 6 ปี
เนม ยังบอกด้วยว่า อย่างชื่อวง “เก็ทสึโนวา” ก็ได้แรงบันดาลใจจากพี่ชาย โดยเอาภาษาญี่ปุ่นมาผสมเข้ากับภาษาอังกฤษ เพราะ “เก็ทสึ” ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า พระจันทร์ ส่วน “โนวา” มาจากภาษาอังกฤษ ซูเปอร์โนวา
“สำหรับผมพี่เจมส์เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นพี่ชายที่แสนดี เขาเป็นตัวอย่างของคนที่มี Passion กับอะไรแล้วมุ่งมั่งในสิ่งนั้น เช่น ชอบความเป็นญี่ปุ่น ก็มาเรียนมาซึมซับความเป็นญี่ปุ่น วันหนึ่งก็นำเชนร้านอาหารที่โด่งดังของญี่ปุ่นอย่าง ไมเซน เข้าไปบริหารงานในไทย”
เนมยังหยอดคำหวานอ้อนพี่ชายปิดท้ายว่า จะเรียกว่าพี่เจมส์เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆก็ได้ เพราะพี่เจมส์ก็ไม่มีน้องชาย เนมเองก็ไม่มีพี่ชายเหมือนกัน
“ผมอยากมีพี่ชายมาตลอด ที่ผ่านมาพี่เจมส์ก็คอยให้คำแนะนำดีๆเสมอเวลาผมมีปัญหาอะไร พี่เจมส์รู้ดีว่าเนมเป็นคนยังไง เอาแต่ใจยังไง ดังนั้น พี่เจมส์เลยให้คำแนะนำเนมได้ดี อยากรู้อะไรผมก็จะถาม ยิ่งเรามีความชอบเรื่องญี่ปุ่น เรื่องดนตรีเหมือนกันยิ่งจูนกันง่าย”
สำหรับเจมส์ ‘น้องเนม สุดยอดมาก’
“ผมกับเนมก็เล่นกันมาตลอด พูดถึงวีรกรรมแสบๆ วัยเด็ก ผมว่าไม่มีนะ บ้านนี้เลี้ยงลูกเรียบร้อย (หัวเราะ) แต่มีครั้งหนึ่ง ผมเล่นอะไรกับเนมไม่รู้จำไม่ได้แล้ว แล้วเผลอถีบน้องไปแรงมาก ขอโทษนะ” เจมส์หันไปเอ่ยคำขอโทษแบบไม่มีเตี๋ยมกับเนม ทำเอาน้องชายเหวอเล็กๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่พี่ชายขอโทษออกสื่อเป็นครั้งแรก
เจมส์ย้อนวันวานถึงความทรงจำวัยเด็กว่า ทั้งเขาและเนมชอบร้องเพลง ดังนั้นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้ใช้เวลาร่วมกันในตอนเด็กคือ การเป็นเรียนร้องเพลง เรียนที่เดียวกันกับอาจารย์คนเดียวกัน เลยยิ่งสนิทกันเข้าไปอีก ประกอบกับผมและเนมมีพี่น้องผู้หญิงหมด เราเลยยิ่งสนิทกัน จะห่างกันบ้างก็ช่วงที่เจมส์ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ส่วนเนมไปเรียนต่อที่อังกฤษ แต่ห่างอย่างไรก็ได้เจอกันทุกปี
“แต่ช่วงนี้ผมกับเนมจะเริ่มกลับมาสนิทกันเป็นพิเศษ เพราะเนมมาช่วยเป็นหน้าบ้านในการโปรโมทแบรนด์ไมเซน ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ผมดูแลอยู่ ให้เนมช่วยพาเพื่อนๆ ในวงการมากินอาหารที่ร้าน ช่วยกันโพสต์รูปลงอินสตาแกรม”
สำหรับความประทับใจที่มีต่อน้องชายคนนี้ เจมส์ บอกว่า เห็นกันมาแต่เด็ก เล่นมวยปล้ำโยนกันไปโยนกันมาแต่เด็ก ถ้ามีคนมาบอกว่า วันหนึ่งจะเป็นนักร้องที่ดังมาก คงบอกว่าไม่มีทาง แต่วันนี้เขาเป็นนักร้องที่ดังมากแล้ว เราก็ประทับใจและภูมิใจในตัวเขามาก
“ผมว่าเนมเก่งเกินมนุษย์ ทำได้ยังไง เพลงฮิตขนาดนี้ เกินความคาดหวังมาก” (หัวเราะ)
เมาท์กันไปเมาท์กันมา จนพอเห็นภาพความผูกพันของสองพี่น้องคู่นี้แล้ว เพื่อรับประกันความซี้และความใส่ใจของพี่ชาย เนมเลยแอบกระซิบส่งท้ายว่า “ยกตัวอย่างเวลาไปญี่ปุ่น พี่เจมส์จะไปถ่ายรูปร้านอาหารที่อร่อย แนะนำให้เนม กลัวเราหลงไปไม่ถูก สำหรับผมแสดงถึงความใส่ใจของพี่เจมส์ต่อน้องชายคนนี้มากครับ”
แหมเชื่อแล้วคะ ว่ารักและผูกพันกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ จริงๆ


