สาวเอยจงระวัง ภัยแฝงมากับปาร์ตี้
ผ่านพ้นเทศกาลแห่งคงวามสุขมาได้ไม่เท่าไร สาวๆ หลายคนอาจหงุดหงิดกับไขมันส่วนเกินที่ตามมา จากอาการตามใจปาก นพ.ธนสิทธิ์ วัฒนสุชาติ หรือหมอหนุ่ย แพทย์ผู้เชี่ยวด้านรูปร่างและผิวพรรณ ออเธนทิค คลินิก มีวิธีง่ายๆ มาฝากสาวๆ เพื่อเช็กว่า “อาการอ้วน” มาเยือนหรือเปล่า
ผ่านพ้นเทศกาลแห่งคงวามสุขมาได้ไม่เท่าไร สาวๆ หลายคนอาจหงุดหงิดกับไขมันส่วนเกินที่ตามมา จากอาการตามใจปาก นพ.ธนสิทธิ์ วัฒนสุชาติ หรือหมอหนุ่ย แพทย์ผู้เชี่ยวด้านรูปร่างและผิวพรรณ ออเธนทิค คลินิก มีวิธีง่ายๆ มาฝากสาวๆ เพื่อเช็กว่า “อาการอ้วน” มาเยือนหรือเปล่า
วิธีสังเกตอย่างไรเข้าข่าย “อ้วน” “ตามหลักแล้วเราจะประเมินภาวะอ้วนโดยใช้ดัชนีมวลกายเป็นตัวชี้วัด (BMI) ซึ่งคำนวณได้จากการนำเอาน้ำหนักตัวต่อส่วนสูงยกกำลังสอง มีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางเมตร ซึ่งค่ามาตรฐานของคนไทยจะอยู่ที่ 1823.0 Kg/m ยกกำลังสอง หากมีค่าเกินกว่านี้ ควรระวังและควบคุมน้ำหนักตัวของตัวเองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือจะสังเกตตามหลักสรีระ คือ พุง 3 ชั้น เป็นลักษณะอาการของคนมีพุงแล้วเวลานั่งพุงลงมากองเป็นชั้นๆ แต่จริงๆ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
ชั้นที่ 1 ไขมันใต้ผิวหนัง เป็นชั้นที่เราสามารถจับหรือบีบติดมือเราขึ้นมาได้ ชั้นนี้จะเป็นพลังงานสำรองให้กับร่างกายยามขาดแคลนอาหาร เป็นไขมันที่ไม่ปล่อยสารก่อการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งสามารถลดได้จากการควบคุมอาหารให้เหมาะสม
ชั้นที่ 2 กล้ามเนื้อหน้าท้อง ชั้นนี้สำหรับผู้ที่น้ำหนักไม่เกิน ผอม หรือผู้ที่พอได้กินท้องป่องออกมา สาเหตุเกิดจากความไม่แข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ต้องพยุงอวัยวะภายใน กล้ามเนื้อหน้าท้องก็เหมือนสเตย์ที่ใช้รัดหน้าท้องตามธรรมชาติ ถ้าไม่แข็งแรง พอมีของกินเข้าไปก็ไม่มีแรงจะพยุงให้อยู่ทรง
ชั้นที่ 3 ไขมันในช่องท้อง เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ในช่องท้อง เป็นไขมันที่เกิดจากการที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย เป็นไขมันที่จะปล่อยสารก่อการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดทั่วร่างกาย และอยู่ติดอวัยวะภายในจึงเหมือนกับอวัยวะภายในเราถูกแช่อิ่มด้วยไขมัน
วิธีการลดน้ำหนักที่ดี
1.หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด เพราะในน้ำมันที่ใช้ทอดนั้นมีไขมันอิ่มตัวสูงและไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หากได้รับในปริมาณมากอาจทำให้น้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น มีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
2.ออกกำลังกาย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโรงยิมหรือฟิตเนสเท่านั้น อยู่ที่ออฟฟิศหรืออยู่กับบ้านก็สามารถออกกำลังกายแบบง่ายๆ ได้ เช่น การขึ้นลงบันได การเดินแทนการขับรถ ยืดเส้นยืดสายจากดัมเบล
3.พักผ่อนให้เพียงพออย่านอนดึกเพราะจะทำให้อ้วนง่าย เนื่องจากการนอนหลับพักผ่อนของเรานั้นส่งผลกับฮอร์โมนที่ควบคุมความรู้สึกอยากอาหาร 2 ตัว ตัวหนึ่งคือ เกรลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นความหิวและอีกตัว คือ เลปติน ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่มและเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันสะสม สำหรับคนที่นอนประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน จะมีระดับฮอร์โมนเกรลินสูงกว่าคนที่นอน 8 ชั่วโมงต่อวันมากถึง 15% และมีเลปตินต่ำกว่าประมาณ 15%


