ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน จรณเวท ศักดิ์ศรี
เริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่อายุ 12 เพราะกฎของคุณพ่อตั้งไว้ ‘หากอยากได้อะไรจะซื้อให้’
โดย...วรธาร
“เริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่อายุ 12 เพราะกฎของคุณพ่อตั้งไว้ ‘หากอยากได้อะไรจะซื้อให้’ และเมื่ออ่านจบต้องสรุปให้ฟังว่าได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนั้นๆ” ปฐมประโยคที่ “จรณเวท ศักดิ์ศรี” ผู้อำนวยการฝ่ายแนะนำการลงทุน บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส เล่าถึงเรื่องราวการอ่านหนังสือของตน
“หนังสือที่อ่านหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นผลงานของท่านพุทธทาส เช่น ศิษย์โง่ไปเรียนเซน คู่มือมนุษย์ ตอนแรกที่อ่านไม่เข้าใจหรอก แต่อ่านให้จบๆ เพราะของรางวัลรออยู่ แต่หลังจากนั้นมาก็เริ่มติดนิสัยรักการอ่านโดยไม่รู้ตัว ซึ่งต้องขอบคุณคุณพ่อที่ทำให้ผมมีนิสัยรักการอ่าน ส่วนหนังสือที่อ่านส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตนั้นๆ ว่าสนใจอะไร เช่น ช่วงจบปริญญาตรีใหม่ๆ จนถึงเริ่มต้นทำงานใหม่ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านวิถีการดำเนินชีวิต ทำให้เกิดความกลัวต่อโลกใบใหม่ที่ต้องเผชิญ จึงอ่านหนังสือธรรมะเพื่อทำความเข้าใจในธรรมชาติ จะได้ไม่กลัว แต่ช่วง 34 ปีที่ผ่านมา ประสบการณ์การใช้ชีวิตมากขึ้น ได้เจอผู้คนมากมาย จึงสนใจเกี่ยวกับวิถีของมนุษย์ที่สะท้อนออกมาในสังคมที่เห็นอยู่ทุกวัน จึงเริ่มแนววรรณกรรมสะท้อนสังคม เช่น งานของ มูราคามิ (นอร์วีเจี้ยน วู้ด) อัลแบร์ กามู (คนนอก) แมกซิม กอร์กี้ (แม่) ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (ใต้ถุนป่าคอนกรีต) เป็นต้น”
ทว่า หนังสือเล่มแรกที่เลือกหยิบด้วยตนเองและชอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นหนังสือที่ทำให้เขารักการอ่าน คือ “ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน” เขาบอกว่าเป็นหนังสือนอกเวลาตอนมัธยมต้น หน้าปกที่พิมพ์ครั้งแรกดูตื่นตาตื่นใจน่าอ่านมาก เขียนโดย “วินทร์ เลียววาริณ”
“ไม่ได้ชอบตัวนักเขียนเป็นพิเศษ แต่ชอบผลงานมากกว่า เนื่องจากเป็นเล่มแรกที่ทำให้รู้สึกว่าการอ่านหนังสือคือความบันเทิงที่สามารถจินตนาการไปตามตัวละครได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจจนไม่อยากวาง ไม่อยากอ่านจบเลยทีเดียว สนุกมาก และเป็นเล่มแรกที่ทำให้เกิดความรักการอ่าน ส่วนเนื้อหาเป็นเรื่องราวของสองอุดมการณ์ แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ระหว่างเสือย้อย ซึ่งอดีตคือหลวงกฤษดาวินิจ ผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และ ร.ต.ต.ตุ้ย พันเข็ม ผู้มีอุดมการณ์สูง รักประเทศยิ่งชีวิต”


