หวานเย็นใจ โมจิไอศกรีม

ขนมโมจิของคาเนะโมจิใช้ส่วนผสมส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวแป้งหรือไส้ไอศกรีม รสชาติปรับเปลี่ยนให้ถูกลิ้นคนไทย รสยอดนิยมของร้านนี้คือ รสนม

เรื่อง...เพ็ญแข สร้อยทอง/ภาพ...กิจจา อภิชนรจเรข

ใกล้เที่ยงของวันที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะมากที่สุด อากาศ (และบรรยากาศ) ร้อนแรงจวนเจียนทนไม่ได้ เราหันหลังให้สถานีรถไฟฟ้าสยามและกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องทางด้านการเมือง แล้วเดินตรงเข้าตรงไปสู่สยามสแควร์

หลังอาคารดิจิตอล เกตเวย์และร้านไอสตูดิโอเราได้พบกับสถานที่เหมาะเหม็งสำหรับการลดระดับอุณหภูมิร่างกายและหัวใจ ที่ซึ่งถูกเรียกว่า คาเนะโมจิ

ร้านขนมขนาดกะทัดรัดนี้สว่างไสวเพราะรอบล้อมด้วยกระจก ภายในตกแต่งด้วยสีสดใส ทันสมัยเก๋เท่ ที่นั่นเราได้พบกับ ชานน อนันต์วิโรจน์ หนุ่มวัย 28 ปี หนึ่งในหุ้นส่วนของคาเนะโมจิ คนที่แนะนำให้เราได้รู้จักกับโมจิไอศกรีม ก้อนกลมๆ หลากสีสันที่แรกกัดเข้าไปจะสัมผัสได้กับความเหนียวนุ่มของเนื้อแป้ง แล้วจึงได้พบกับความหวานเย็น (ผสมเปรี้ยว มัน ขม ฯลฯ แล้วแต่รส) จากไอศกรีม อือม์ ... อร่อยจนลืมไม่ลง

เราๆ ท่านๆ คงจะคุ้นเคยรู้จักกับ โมจิ (Mochi) ซึ่งเป็นเสมือนขนมประจำชาติของชาวญี่ปุ่น จึงขาดไม่ได้ในเทศกาลสำคัญๆ ความจริงคำว่า โมจิ หมายถึง ข้าวเหนียวที่นำไปนึ่งให้สุกและนำมาตำให้เหนียวเข้ากัน นั่นเรียกว่าโมจิสด ก่อนนำไปทำขนมชนิดอื่นๆ เช่นย่างหรือทำให้สุกก่อนราดด้วยน้ำเชื่อม หรือทำ ดังโกะ (Danko) ด้วยการนำแป้งโมจิก้อนกลมไปย่างบนเตา ราดซอสโชยุ ส่วนที่เราเรียก (และเข้าใจ)ว่า ขนมโมจินั้นคือ ไดฟุกุ (Daifuku) เป็นโมจิที่นำมาปั้นและใส่ไส้หวานอย่างเช่นถั่วแดงหรืออื่นๆ

แม้จะเรียกว่าโมจิเหมือนกัน แต่โมจิแบบไทยกับญี่ปุ่นนั้นแตกต่างกัน เพราะแบบไทยนั้นความจริงแล้วคือ ขนมเปี๊ยะนมสด แต่รูปลักษณ์คล้ายโมจิ เนื้อขนมโมจิไทยนุ่มร่วน ขณะที่โมจิญี่ปุ่นเหนียวนุ่ม สำหรับโมจิญี่ปุ่นในยุคหลังๆ พัฒนาด้วยการใส่ไส้ต่างๆ เข้าไป รวมทั้งไส้ไอศกรีม ด้วยความเอร็ดอร่อยทำให้ขนมชนิดนี้ทำให้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

สำหรับ ชานน และเพื่อนๆ เขาได้ลิ้มรสโมจิไอศกรีมครั้งแรกขณะเรียนปริญญาโทอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ขนมก้อนเล็กๆ ทั้งหวานและเย็นจากร้านคนญี่ปุ่นนั้นทำให้ทุกคนติดอกติดใจ กระทั่งกลับมาบ้านก็ยังคิดถึงอยู่ แต่พวกเขาพบว่า เป็นเรื่องยากที่จะหาขนมชนิดนี้รับประทานในกรุงเทพฯ ช่วงเวลาเดียวกัน ชานนและเพื่อนๆ ก็นึกอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองสักอย่าง และโมจิไอศกรีมก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องการทำขนมหรือการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร แต่ ชานน เชื่อว่า เขาทำได้ จึงลาออกจากงานประจำ ลงทุนไปเรียนทำโมจิและทดลองสูตรด้วยตัวเอง โดยมีอาจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ทางอาหารบางคนให้คำแนะนำ ลองผิดลองถูกเป็นเวลา 1 ปี เขาก็ได้โมจิไอศกรีม “สูตรของผมเองครับ” ออกมา

ตั้งชื่อว่า คาเนะโมจิ ซึ่งหมายถึง ร่ำรวย ในภาษาญี่ปุ่น ด้วยหวังจะให้ขนมของพวกเขาเป็นสิ่งที่ผู้คนมอบให้แก่กันในเทศกาลสำคัญประดุจดังเป็นคำอวยพร เช่นเดียวกับ ไดฟุกุ หรือขนมโมจิญี่ปุ่นไส้ถั่วแดง ซึ่งมีความแปลว่า โชคดีอย่างที่สุด ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานและมอบให้แก่กันเพื่อความโชคดี

วันนี้คาเนะโมจิมีสาขาที่สยามสแควร์ สีลมคอมเพลกซ์ ยูเนียมมอลล์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เซ็นทรัลลาดพร้าว และกำลังจะเปิดอีกหลายสาขา รวมทั้งมีเสิร์ฟในหลายร้านอาหารญี่ปุ่น

ขนมโมจิของคาเนะโมจิใช้ส่วนผสมส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวแป้งหรือไส้ไอศกรีม รสชาติปรับเปลี่ยนให้ถูกลิ้นคนไทย รสยอดนิยมของร้านนี้คือ รสนมอันเข้มข้นเข้ากันทั้งแป้งและไส้ ตามมาด้วยชาเขียวซึ่งให้ความรู้สึกและรสชาติญี่ปุ้นญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีรสช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี บลูเบอร์รี ฯลฯ ให้เลือกลองชิม

ชานน

บางคนชอบโมจิไอศกรีมเปล่าๆ ขณะที่บางคนชอบราดท็อปปิ้งต่างๆ ไปด้วย เช่นรสชาเขียวก็ไปกันได้ดีกับถั่วแดงบด รสนมกับโอริโอหรือเอ็มแอนด์เอ็มก็อร่อยไม่น้อยหน้า รสโยเกิร์ตรับประทานกับผลไม้อย่างสตรอเบอร์รีหรือบลูเบอร์รี ขนมหวานๆ เย็นๆ อย่างนี้เหมาะสำหรับรับประทานกับเครื่องดื่มซ่าๆ หวานเปรี้ยว อย่างน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ หรือจะลองคู่กับชาร้อนก็ให้ประสบการณ์ที่แปลกต่างออกไป แบบเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน

ลูกค้าสามารถสั่งโมจิไอศกรีมกลับไปรับประทานที่บ้าน โดยควรเก็บไว้ในอุญหภูมิต่ำกว่า –15 เซลเซียส ยิ่งเย็นเท่าไหร่ก็เก็บได้นานเท่านั้น เมื่อจะรับประทานก็นำออกจากช่องแช่เย็น ตัดเป็นชิ้นพอคำ รอประมาณ 5-7 นาทีให้แป้งด้านนอกนุ่มก่อน จึงสามารถรับประทานได้รสชาติและเอร็ดอร่อย

ไอเดียดีๆ สำหรับร้อนนี้คือ สั่งโมจิไอศกรีมกลับบ้าน แล้วจัดปาร์ตี้ฟองดู โมจิไอศกรีมจิ้มกับช็อกโกแลตและรับประทานคู่กับผลไม้ นอกจากจะเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครแล้ว ยังหวานอร่อยคลายร้อนดีจริงๆ