อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ผมเคยไป จ.สุโขทัย เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนแล้วไม่เคยไปอีกเลย เคยแต่แค่ผ่านเมืองไปแล้วไม่ได้แวะเยี่ยมเยือนเมืองนี้อีก
โดย...นพพล ชูกลิ่น
ผมเคยไป จ.สุโขทัย เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนแล้วไม่เคยไปอีกเลย เคยแต่แค่ผ่านเมืองไปแล้วไม่ได้แวะเยี่ยมเยือนเมืองนี้อีก ความทรงจำเดิมที่มีอยู่จำได้เพียงแค่ว่าสุโขทัยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งปรักหักพังมากมาย มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากมายนัก เป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารักมาก
ผมมีโอกาสได้ไปแวะเยี่ยมเมืองสุโขทัยเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา กว่าจะตีพิมพ์ต้นฉบับนี้คงใช้เวลาอีก 2-3 อาทิตย์ ผมตื่นตาตื่นใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ภาพเมืองเล็กๆ ในความทรงจำเดิมๆ กับสภาพในปัจจุบันช่างเปลี่ยนไปอย่างมากมาย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยช่างมีความงดงามอย่างมากมาย สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาได้รับการซ่อมแซมได้อย่างสวยงามเหมาะสม การปรับปรุงเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและการจัดงานเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ ได้ถูกเตรียมการไว้อย่างดี อาทิเช่น การซ่อนไฟแสงสว่างด้วยการฝังไว้ตามพื้นโดยไม่มีสายไฟระโยงระยางให้เห็น
แต่เมื่อถึงเวลากลางคืนที่ผมได้มีโอกาสได้ดูโชว์การแสดงรำลึกถึงองค์พ่อขุนรามคำแหง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย ผมทึ่งกับความสวยงามของแสงไฟที่ได้ชมแล้วคาดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลากลางวันที่ผมเดินถ่ายรูปรอบๆ เขตอุทยานนั้น ไม่เห็นอุปกรณ์ไฟแสงสว่างเลย ต้องขอชมเชยทีมงานที่ดูแลอุทยานครับว่าดูแลได้ดีมากๆ ครับ
ผมไม่มีโอกาสได้เยี่ยมชมให้ครบทั้งอุทยาน เนื่องจากมีข้อจำกัดด้วยระยะเวลากับกิจกรรมถ่ายภาพของสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ที่มีกิจกรรมมากมายจนไม่สามารถได้เยี่ยมชมอุทยานได้ทั่ว แต่ก็แสนประทับใจจนสัญญากับตนเองว่าจะต้องกลับมาเยี่ยมเยือนให้ได้อีกสักครั้ง ผมได้เยี่ยมชมแค่ “วัดศรีชุม” ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากวัดพระพายหลวงไปทางทิศตะวันตก 800 เมตร เป็นวัดที่ประดิษฐาน “พระอจนะ” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และลักษณะของวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระอจนะนั้น สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน ผนังแต่ละด้านก่ออิฐถือปูนอย่างแน่นหนา ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายในและเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบๆ ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอจนะ หรือสามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนได้ ภายในช่องกำแพงตามฝาผนังมีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ 700 ปี
นอกจากนี้แล้ว บนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหินชนวนขนาดใหญ่แกะสลักลวดลายต่างๆ ไว้ มีจำนวนทั้งหมด 50 ภาพ เมื่อเดินตามช่องทางบันไดขึ้นไปจะโผล่บนหลังคาวิหารมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเก่าสุโขทัยได้โดยรอบ เพราะเหตุใดวิหารวัดศรีชุมจึงมีความเร้นลับซ่อนอยู่อย่างนี้ เรื่องนี้หากพิจารณากันอย่างลึกซึ้งแล้วจะพบว่า พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์พระร่วงทรงพระปรีชาสามารถในด้านปลุกปลอบใจทหารหาญและด้านอื่นๆ อีกมาก เพราะผนังด้านข้างขององค์พระอจนะมีช่องเล็กๆ ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้และพูดออกมาดังๆ ผู้ที่อยู่ภายในวิหารจะต้องนึกว่าพระอจนะพูดได้ และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม เพราะวิหารนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่เดิมคงมีหลังคาเป็นรูปโค้งคล้ายโดม
วัดสระศรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานสำคัญอยู่บริเวณกลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ ชื่อว่า ตระพังตระกวน และสิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเจดีย์ขนาดเล็ก ศิลปะศรีวิชัยผสมลังกา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาดย่อมเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม
วัดมหาธาตุ เป็นวัดใหญ่อยู่กลางเมือง สร้างสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีพระเจดีย์ต่างๆ รวมถึง 200 องค์ นับเป็นวัดสำคัญประจำกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกันคือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์แบบศรีวิชัยผสมลังกาก่อด้วยอิฐอยู่ที่มุม ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ ที่ด้านเหนือและด้านใต้เจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า “พระอัฏฐารส” ด้านใต้ยังพบแท่งหินเรียกว่า “ขอมดำดิน” อีกด้วย แค่ 3 วัดที่ผมได้เข้าไปถ่ายรูปในกิจกรรมต่างๆ เอาไว้ ผมจะนำภาพถ่ายอาชีพเก่าแก่ของคนไทยที่เริ่มหาดูได้ยากขึ้นเรื่อยๆ มาเล่าให้คุณผู้อ่านฟังนะครับ ฉบับหน้าอาจต้องนำเรื่องเล่าสุโขทัยมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ


