วีระวัฒน์ ศักดิ์ธนะเศรษฐ นักสะสมพระและหินโบราณอายุนับล้านปี
นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ผู้หลงใหลในการสะสมของเก่า “กบ” วีระวัฒน์ ศักดิ์ธนะเศรษฐ
โดย...วรธาร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ผู้หลงใหลในการสะสมของเก่า “กบ” วีระวัฒน์ ศักดิ์ธนะเศรษฐ ผู้ก่อตั้งบริษัท ชัยศักดิ์ แอนด์ ซัน พร็อพเพอร์ตี้ และเจ้าของโครงการคุณชัยศักดิ์ เรสซิเดนท์ ประเภทห้องเช่าย่านนิคมอุตสาหกรรมปลวกแดง จ.ระยอง บุตรชายของ “ชัยศักดิ์ ศักดิ์ธนะเศรษฐ” นักธุรกิจจิวเวลรี่ชื่อดัง ได้ชื่อเป็นนักสะสมของเก่าตัวยงและมีความรู้รอบในเรื่องพลอยเป็นอย่างดี
ของเก่าที่ วีระวัฒน์ เล่นนั้นมีหลากประเภท เริ่มตั้งแต่ของที่มีคุณค่าทางจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาสำหรับเขา เช่น พระเครื่อง เครื่องราง นอกจากนั้นก็เป็นของหายากในโลก อาทิ หินโบราณ ควอตซ์ต่างๆ แอเมทิสต์ และอื่นๆ ประปราย เช่น ปืนโบราณของญี่ปุ่นยี่ห้อโนบุ ตู้โทรศัพท์เก่าที่ใช้บนรถไฟของประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น
พระเครื่องเครื่องราง
วีระวัฒน์ เข้าประเด็นที่มาของการเก็บสะสมว่า เริ่มสะสมของเก่ามาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม สิ่งแรกที่สะสมจะเป็นพระเครื่อง ทั้งพระสมเด็จ รูปหล่อ และเหรียญของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ตลอดทั้งเครื่องรางของขลัง
“สมัยเรียนที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ผมชอบดูพระเครื่องมาก เครื่องรางก็สนใจ คือ เวลาไปเห็นพระเครื่องหรือแหล่งวัตถุมงคลที่ไหนก็มักจะแวะเข้าไปดู บางครั้งก็ออกไปเดินสำรวจแหล่งที่ให้เช่าบูชา ดูแล้วมีความสุข ถูกใจก็เช่าบูชามา สะสมมาเรื่อยๆ จนญาติๆ รู้ว่าเราเป็นนักสะสมพระเครื่อง เวลาที่เขามีพระก็จะให้ดู บางคนก็ยกให้เลย จนทุกวันก็มีพอสมควร”
ในบรรดาพระเครื่องที่เขาหวงแหนที่สุดก็เห็นจะเป็น “สมเด็จบางขุนพรหม” ที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี พระและถ้าเป็นเครื่องรางของขลังก็คงหนีไม่พ้น “มีดหมอ” ของหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์
“ผมได้สมเด็จบางขุนพรหมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งพ่อบุญธรรมคนนี้ก็คือสามีของอาผู้หญิง (น้องสาวพ่อ) นั่นเอง ท่านได้พระสมเด็จนี้มาเมื่อประมาณ 30 กว่าปีมาแล้ว แล้วท่านแขวนพระนี้ตลอดเวลา เชื่อไหมตั้งแต่ที่มีพระองค์นี้ ชีวิตครอบครัวของท่านดีขึ้นตลอด แคล้วคลาดปลอดภัย เวลาทำอะไรที่ว่ายากก็ง่ายไปหมด
อย่างลูกสาวท่านขาลีบมาตั้งแต่เด็ก แต่พอมีพระสมเด็จนี้ขากลับมาเป็นเหมือนคนปกติ เดินได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ ก่อนนี้ท่านเคยขับวินสองแถวจะประสบอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง หรือแม้แต่การไปอยู่อเมริกาของท่านก็แสนง่าย ทั้งที่ตอนนั้นยังขายข้าวแกงและขอวีซ่าไปอเมริกาก็รู้ว่ายากแค่ไหน แต่ว่าผ่านฉลุย ตอนนี้ท่านมีร้านอาหารไทยหลายร้านที่อเมริกา”
วีระวัฒน์ เล่าต่อว่า การที่พ่อบุญธรรมให้สมเด็จบางขุนพรหมนั้น เพราะเห็นว่าตนรักการสะสมของพวกนี้และเชื่อว่าจะรักษาไว้เป็นอย่างดี อีกอย่างพ่อบุญธรรมมีลูกสาวคนเดียว ซึ่งก็แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว จึงได้ให้ตนเป็นผู้เก็บรักษา
ขณะที่ “มีดหมอหลวงพ่อเดิม” เขาเล่าว่า ได้มาจากพระอาจารย์ที่นับถือรูปหนึ่ง ชื่อหลวงพ่อเชื่อม อยู่วัดไร่ดอน จ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันอายุประมาณ 80 ปี บวชพระตั้งแต่ พ.ศ. 2502
“ปี 2506 อาจารย์ผมได้ไปเดินธุดงค์ที่ จ.นครสวรรค์ แล้วไปปักกลดที่ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต่อมาผู้ใหญ่บ้านก็เข้าไปกราบไหว้ท่าน แล้วเรียนท่านว่า ขอมีดหมอหลวงพ่อเดิม แต่อยากได้สมเด็จวัดปากน้ำ ซึ่งตอนนั้นพระสมเด็จวัดปากน้ำกำลังดัง เพราะหลวงพ่อสดเพิ่งเสีย เขาบอกอาจารย์ผมว่า อยู่ในป่าคนเดียวอันตราย ลองเอามีดหมอไปใช้ดู และถ้าอาจารย์มีสมเด็จวัดปากน้ำก็ขอแลก อาจารย์ผมเห็นว่าเขาอยากได้มากก็เลยให้พระสมเด็จไปแล้วเขาก็ถวายมีดหลวงพ่อเดิมมา
วีระวัฒน์ เล่าต่อว่า พระอาจารย์กลับมาถึงวัดก็ยังไม่มั่นใจและไม่รู้ว่าหลวงพ่อเดิมเป็นใคร เพราะตอนนั้นหลวงพ่อเดิมยังไม่มีชื่อเสียง ผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักเหมือนทุกวันนี้ แต่ว่าตอนที่อาจารย์ของตนถอดมีดออกจากฝักแล้ววางอยู่ข้างๆ กันบนพานบูชาแล้วจุดธูปบอกกล่าวครูบาอาจารย์ พอตื่นมาตอนเช้ามีดกลับเข้าไปอยู่ในฝัก สร้างความอัศจรรย์ใจให้อาจารย์อย่างมาก
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มีดหมอหลวงพ่อเดิมพระอาจารย์เพิ่งให้ผมมาเมื่อไม่นานนี้เอง แต่อยากจะบอกว่าหลายปีมาแล้วผมเคยไปกราบขอหลวงพ่อเดิมที่วัดของท่านมาแล้ว ด้วยการจุดธูปบอกท่านว่า อยากได้มีดหมอแท้ๆ ของท่านสักเล่มหนึ่ง และหลังจากนั้นผมก็มาเจอกับพระอาจารย์ของผม แถมพระอาจารย์ยังบอกอีกว่ารอคนที่จะรับมอบ ผมว่ามันเหลือเชื่อมาก”
ถ้าพูดถึงความขลังศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับมีดของหลวงพ่อเดิม วีระวัฒน์ บอกว่า ขอให้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลและโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม เพราะไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีดหมอหลวงพ่อเดิมทรงความเข้มขลัง แต่สำหรับตนแล้วมีความเชื่อมั่นในพลานุภาพของมีดเล่มนี้
“อาจารย์ผมเล่าให้ฟังเกี่ยวกับมีดหมอว่าคนข้างวัดถูกผีแขกเข้าสิง อาจารย์ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยถือมีดเล่มนี้ไป เดินใกล้ๆ ผู้หญิงที่ถูกผีสิง ยังไม่ทันได้เคาะอะไรเลย ผู้หญิงคนนั้นก็หวีดร้องแล้วล้มลง จะด้วยอำนาจของมีดหรือไม่ ก็ขอให้เป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลครับ”
หินโบราณควอตซ์ต่างๆ
นอกจากพระเครื่องและเครื่องรางที่สะสมค่อนข้างเยอะ รองลงมาคือหินโบราณและควอตซ์ (Quartz) ต่างๆ หลายชนิด รูปทรงแตกต่างกัน และหลากสีสัน เช่น แอเมทิสต์ (amethyst) ลักษณะมีสีม่วงอ่อนจนถึงเข้ม เรียกอีกอย่างว่า “พลอยม่วง ดอกตะแบก” ที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ โรสควอตซ์ (Rose Quartz) ซึ่งเป็นหินสีชมพู รวมถึงอุกกาบาต ทั้งหมดได้มาจากต่างประเทศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาประทับใจก็คือ หินโบราณรูปทรงขวาน ซึ่งคาดว่าเป็นของคนดึกดำบรรพ์
“ก่อนนี้เมื่อหลายปีมาแล้วผมไปทำเหมืองที่ประเทศแทนซาเนีย ได้หินมาก้อนหนึ่งลักษณะคล้ายขวานโบราณ มั่นใจว่าเป็นของคนดึกดำบรรพ์ที่ใช้เป็นอาวุธในการล่าสัตว์ ไม่ทราบว่าอายุเท่าไหร่ แต่คาดว่าหลายหมื่นปี ผมเห็นคนแรก รู้สึกชอบจึงเก็บไว้ จากนั้นต่อมาก็ทำให้เก็บสะสมก้อนควอตซ์ต่างๆ เช่น โรสควอตซ์ นอกจากนี้ก็ซื้อพวกฟอสซิลที่เป็นหอยโบราณที่อายุประมาณ 60 ล้านปี จากทางประเทศแอฟริกาอยู่หลายตัว ซึ่งที่เมืองไทยก็มีขายเป็นบางร้าน แต่ส่วนใหญ่มาจากเมืองจีน เท่าที่ผมไปเห็นมาไม่ใช่ของจริง ส่วนหอยเหล่านี้ที่เก็บในกล่องได้มาจากมาดากัสการ์”
นักธุรกิจพลอยผู้หันมาทำอสังหาริมทรัพย์ กล่าวต่อว่า ยังมีต้นไม้ที่เป็นหินอีก 23 ท่อน ซึ่งเดิมนั้นก็เป็นต้นไม้ธรรมดาเหมือนต้นไม้ทั่วไป แต่ต่อมาได้กลายสภาพเป็นหิน อายุกว่า 60 ล้านปี หินสีดำจากประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเข้าใจว่าเป็นอุกกาบาต รวมถึงปะการัง ซึ่งคาดว่าอายุจะอยู่ที่ 5060 ล้านปี
วีระวัฒน์ กล่าวว่า การสะสมของเหล่านี้เป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต และบางอย่างก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตให้ตั้งมั่นในสิ่งดีงาม คือ คิดแต่เรื่องที่ดี พูดแต่คำพูดที่ดี และทำในสิ่งที่ดี ซึ่งตนมักจะสอนลูกสาวอยู่เสมอ
การดูแลรักษา
การดูแลรักษาของสะสมที่เป็นหินไม่เน้นอะไรพิเศษ นานๆ ให้เอาออกมาปัดฝุ่นแล้วเก็บเข้าตู้ที่สามารถมองเห็นได้เพื่อเป็นการโชว์ แต่ให้ระวังไม่ให้หล่นหรือตกพื้น เพราะอาจแตกได้ ในส่วนของพระเครื่องก็ใส่กรอบพระเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชำรุดเสียหาย


