หน้าหนาวของเรา... หายไปไหน?
เสียงเพลง “ค่ำแล้วในฤดูหนาว” อันแสนไพเราะ คำร้องทำนองโดยครูล้วน ควันธรรม และขับร้องก็โดยครูล้วน ควันธรรม
โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว
ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ
สายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำ ฮึม...
ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน
น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย
หนาวโอ้อกเอ๋ยหนาวจนสั่น
เสียงเรไรร้องก้องสนั่น ฮึม...
ทำให้ฉันเป็นสุขใจ
เสียงเพลง “ค่ำแล้วในฤดูหนาว” อันแสนไพเราะ คำร้องทำนองโดยครูล้วน ควันธรรม และขับร้องก็โดยครูล้วน ควันธรรม คนรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เราน่าจะเคยได้ยิน ตกผ่านมาถึงรุ่นเรา ได้เศษเสี้ยวอานิสงส์แห่งการสดับตรับโสต ที่เชื่อไหมว่า จนป่านฉะนี้ที่แม้ล่วงลุมานานเนิ่น หากเสียงเพลงจากอดีตอันไพเราะลึกซึ้ง ก็ยังดังเจื้อยแจ้วค้างเติ่งอยู่ในความรู้สึก
เสียงไวโอลินที่สีอย่างช่ำชอง ช่างเข้ากันกับอารมณ์ความรู้สึกแห่งฤดูหนาวอันเหน็บหนาว คนรุ่นเก่าร้องเพลงด้วยหัวใจ รู้สึกด้วยหัวใจ สิ่งที่คนฟังได้รับจึงคือความเพราะที่จับใจ ที่พูดเรื่องเก่าเล่าเจื้อยๆ มานี้ มิใช่กลายร่างเป็นคนเฒ่าชะแรแก่ชรา ที่เจอหน้ากันพูดแต่เรื่องโบราณ หากได้คะนึงมาคะนึงไปถึงฤดูหนาวในปัจจุบัน ที่ร้อนตับแลบ หาความหนาวหรือความเย็นสักกระผีกก็มิได้
ช่างผิดกับภาพฤดูหนาวเมืองไทย ที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในเพลงค่ำแล้วฯ ชนิดว่าหน้ามือเป็นหลังเท้า ฤดูหนาวของไทยในอดีตทำไมช่างงดงามนัก เปรียบเทียบกับปัจจุบัน ที่นอกจากจะไม่งามและไม่หนาวแล้ว ก็ยังร้อนยังกับอะไรดี ไม่ต้องย้อนกลับไปไกลถึงกึ่งพุทธกาล ซึ่งเป็นช่วงของเพลงนี้ แต่แค่ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ฤดูหนาวก็เพี้ยนผิดฟอร์มไปมาก
สถิติหนาวที่สุดของประเทศไทย ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า อุณหภูมิที่ต่ำที่สุด คือ –1.4 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.สกลนคร วัดได้เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2517 ขณะที่หนาวที่สุดของปีนี้ (1 ม.ค.28 ธ.ค. 2556) คือ 7.7 องศาเซลเซียส วัดได้ที่ อ.แม่สะเรียง จ.เชียงราย
นอกจากฤดูหนาว ที่อุณหภูมิความหนาวหายไป สิ่งที่หายไปพร้อมกับฤดูหนาว ยังมีอีกมาก ค่อยๆ ลำดับนับดู ดังต่อไปนี้
1.เมื่อไม่มีหน้าหนาว ก็ไม่มีเสื้อหนาว เสื้อหนาว (นำเข้าจากเขมร) เดี๋ยวนี้ขายดีอยู่เฉพาะแถวตลาดชายแดนพม่ากับตลาดช่องเม็ก (แสดงว่าพม่ากับลาวยังหนาวอยู่) ที่เราเห็นว่าขายดีมากอีกอย่างหนึ่งตามตลาดชายแดนพวกนี้ คือ ไฟฉาย อันนี้ไม่เกี่ยวกับหน้าหนาว แต่ก็น่าจะตั้งวงวิชาการระดับ รศ. หรืออย่างน้อยก็ ผศ. ถกกันให้ถึงขิงทั้งด้านมนุษยศาสตร์ไสยศาสตร์วิทยาศาสตร์ว่าทำไม
2.งานลีลาศฤดูหนาว อันนี้หายไปนานแล้ว ถิ่นเก่าแต่เดิมมาคือสวนลุมฯ ซึ่งปัจจุบันไม่มีเวทีลีลาศอีกต่อไป มีแต่กิจกรรมอื่น เช่น กิจกรรมเคาะจังหวะ ชี่กง บางคนก็จ๊อกกิ้ง ช่วงเช้าเป็นกิจกรรมออกกำลังกาย พวกขายข้าวมันไก่ก็ขายไป พวกวิ่งก็วิ่งไป (วิ่งเสร็จก็มากินข้าวมันไก่) ส่วนช่วงมืดช่วงค่ำ ใครขับรถผ่านไปดึกๆ คงรู้ดี จะมีสาว (หรือหนุ่ม) โบกกวักสลอน เรียกไปทำกิจกรรม
3.เดินเล่นถนนราชดำเนิน สมัยก่อนบ้านเมืองสวยงาม ผู้คนพลเมืองน่ารัก การเดินเล่นถนนราชดำเนินถือเป็นกิจกรรมประจำปี ที่คนไทยสมัยนั้นนิยม อากาศหนาวทำให้น่าเดิน เดินไม่เหนื่อย ชมไฟ ชมธง และแสงสี บรรยากาศยามค่ำน่าตื่นตา โดยเป็นในช่วงหัวค่ำมีอาหารขายคึกคัก จำพวกรถเข็นต่างๆ
อาหารการกิน แม้จะเป็นรถเข็น หาบเร่ สมัยก่อนทำได้ประณีตน่าซื้อ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีแต่ลูกชิ้นกับปลาหมึกปิ้งโง่ๆ แต่ก่อนตอนเป็นเด็กนะ แม่พาเราไปเดินราชดำเนินบ่อย มีขนมจีบจีนแคระอร่อยมาก เปาะเปี๊ยะสดก็อร่อย (สมัยก่อนต้องใส่มัสตาร์ดสีเหลืองๆ เผ็ดๆ ด้วย เดี๋ยวนี้ไม่มีอีกแล้ว คนทำทำไม่เป็น คนกินก็กินไม่เป็น) มีซุ้มขายน้ำเต้าหู้ กับเต้าฮวยของชาวจีน ตักกินร้อนๆ ช่วยให้หายหนาว เวลาเดินจะมีแมงดาที่บินมาเล่นไฟถนน เด็กๆ ชอบวิ่งไล่จับแมงดาพวกนี้
4.ตั้งวงเม็ดมะขามคั่ว อากาศที่ (เคย) หนาวจัด ทำให้คนไทยภาคอีสานนิยมออกมานั่งล้อมวงผิงไฟนอกบ้าน กิจกรรมที่ขาดไม่ได้ คือการเคี้ยวเม็ดมะขามคั่วหน้ากองไฟ คุยกันไป เคี้ยวกันไป ผิงไฟไออุ่น อากาศแม้หนาวจัด แต่เม็ดมะขามและกองไฟทำให้อยู่ได้ถึงเช้า เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นมีแล้ว น่าเสียดาย
5.เสื้อหนาวสีลูกกวาด ทำจากผ้าสักหลาด ของบรรดาเด็กนักเรียนเล็กๆ ชั้นประถม เวลาเช้าในยามเข้าแถวหน้าเสาธงก่อนเข้าห้องเรียน จะได้เห็นเสื้อหนาวหลากสี (ไม่ใช่เสื้อหลากสีนะ) ทั้งสีฟ้า สีส้ม สีแดง สีเหลือง สีชมพู ฯลฯ สดใสน่ารัก ดูไปราวกับกล่องสีเทียนที่กระจัดกระจายไปแต่งแต้มไว้ตรงนั้นตรงนี้ อากาศเย็นจัดของหน้าหนาว ยังบ่มแก้มกลมๆ ใสๆ ให้กลายเป็นสีลูกท้อแก่ก่ำ ภาพเหล่านี้ไม่ได้เห็นนานมากแล้ว
ผลพวงจากฤดูหนาวที่หายไป ยังทำให้กิจกรรมหน้าหนาวบางอย่างของเด็กนักเรียนหายไปด้วย จะมีใครจำได้หรือไม่ นั่นคือการที่คุณครูให้เด็กๆ ออกไปยืนกระโดดตบบ้าง อะไรบ้าง กิจกรรมทำอบอุ่นร่างกายที่สนามหญ้านอกห้องเรียน หรือบางทีก็แถวๆ สนามชิงช้า เด็กประสาขี้เกียจอย่างเราชอบ (ป.2/4) เพราะจะได้ไม่ต้องเรียน ยืดแขนขาออกไปเอื้อยๆ รับแสงแดดประหนึ่งกิ้งก่าทะเลทราย ก่อนจะไถลไปเล่นชิงช้าเวลาครูไม่เห็น
สถิตมาส สมโพธิ์ อดีตครูประจำชั้นของเราเอง แม้จะตกใจมากเมื่อได้รับโทรศัพท์จากลูกศิษย์สมัยอดีตกาลนานโพ้น ปัจจุบันครูเกษียณอายุแล้ว หากยังจำได้ถึงบรรยากาศเก่าๆ ของโรงเรียนช่วงฤดูหนาว ครูเล่าว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสัน สนุกสนาน และอบอุ่นในความรู้สึก เด็กๆ จะกระโดดโลดเต้น กอดกันเพื่อให้หายหนาว โรคประจำฤดูคือโรคหวัด เด็กที่มีไข้ ต้องดูแลใกล้ชิด บางทีเป็นหวัดยกชั้น ต้องออกกฎห้ามกอด ห้ามเล่นขี้มูก
อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักประพันธ์และศิลปินแห่งชาติ เขียนไว้ใน “เกร็ดฤดูหนาว” ตอนหนึ่งของหนังสือปรัชยาไส้ว่า “ความหนาวแผ่สร้านเหนือแผ่นดินไทย ตั้งแต่บนท้องฟ้า ยอดเขา ที่ราบ ลุ่มน้ำ และก้นทะเล
ความหนาวไม่มีชีวิต มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นอุบัติการณ์ของดินน้ำลมไฟ มันไม่รับรู้อานุภาพของมันที่มีแก่มนุษย์ มันไม่ได้ทำงานให้มนุษย์ มันไม่ได้ทำงานให้ใครทั้งนั้น
ฤดูฝนได้สะสมความเย็นให้เกิดมันขึ้น และมันก็แผ่ขยายตัวออก เพื่อจะได้ละลายตัวเองกลายเป็นฤดูร้อนต่อไป
มันไม่ได้รับใช้มนุษย์ มันไม่ได้รังแกมนุษย์ มันไม่มีชีวิต แต่มันอายุยืนกว่าชีวิต”
นี่ก็อีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า หน้าหนาวแบบที่หนาวจริงๆ ต่อไปคงยากจะมี ส่วนหนึ่งเพราะปัญหาโลกร้อน สภาพภูมิอากาศแปรปรวน พายุอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นซูเปอร์พายุ เช่น ไห่เยี่ยน น่าคิดถ้าพายุลูกใหม่ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการพายุทุกๆ ลูกไป ที่จะหายต่อไปคงไม่มีแค่ฤดูหนาว
บทความนี้ ขอจบด้วยโคลงสี่สุภาพของ ชิต บุรทัต กวีฉันท์ผู้เลื่องลือในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่เขียนไว้เกี่ยวกับความหนาว และไม่เกี่ยวกันเลยกับความหนาวความร้อน อุณหภูมิฟากราชดำเนิน
หนาว กายหนาวเหตุด้วย ฤดู หนาวเอย
หนาว ไป่หนาวเท่าทำ ชั่วไว้
หนาว คิดแต่ปิดงำ เงาเงื่อน ผิดแฮ
หนาว ราชอาญาไท้ หวั่นล้ำ เหลือหนาว
ค่ำแล้วในฤดูหนาว
แม่เล่าให้ฟังว่า หน้าหนาวมาเมื่อไหร่ จะได้ยินเพลงค่ำแล้วในฤดูหนาวของล้วน ควันธรรม ล่องลอยผ่านความหนาวมาให้ได้ยินเสมอ โดยเฉพาะช่วงพลบค่ำ วิทยุกระจายเสียงแทบทุกคลื่นพร้อมใจกันเปิดเพลงนี้อย่างพร้อมเพรียง ไม่แต่เมืองไทย แต่ไปไกลถึงเมืองลาว ที่วิทยุกระจายเสียงลาว นิยมนำเพลงนี้ไปเปิดช่วงฤดูหนาวด้วยเช่นกัน
หน้าหนาวหายไป เพลงฤดูหนาวก็หายไปด้วย สำหรับเนื้อเพลง “ค่ำแล้วในฤดูหนาว” ขอทิ้งท้ายไว้ให้สำหรับผู้อ่านอาวุโสของโพสต์ทูเดย์ ที่มีจำนวนก็มิไม่ใช่น้อย (ฮา) หากยังจำเพลงนี้ได้ หวังว่าทุกท่านจะร้องเพลงนี้อย่างมีความสุข แม้สภาพอากาศจะห่างไกลจากคำว่าหนาวก็ตาม
คำร้องทำนอง ล้วน ควันธรรม
ขับร้อง ล้วน ควันธรรม
(บันทึกเสียงครั้งแรก พ.ศ. 2492)
พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว
ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ
สายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำ ฮึม...
ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน
น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย
หนาวโอ้อกเอ๋ยหนาวจนสั่น
เสียงเรไรร้องก้องสนั่น ฮึม...
ทำให้ฉันเป็นสุขใจ
เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว
ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครหนอใคร ฮึม...
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
หนาวลมยิ่งทำให้ใจคะนึง
คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ
หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฮึม...
ฉ่ำเท่ารักเราไม่มี
สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป
เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น
เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ฮึม...
ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น
นภาสะอาดดูงามสดใส
ฉันรักจับใจสะอาดนะนั่น
หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น ฮึม...
จิตใจฉันเลื่อนลอยไป
เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว
ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครหนอใคร ฮึม...
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน
ทุกคืนก่อนนั้นหนาวชื่นฉ่ำ
ทุกทีที่ไปฝังใจจดจำ ฮึม...
ไม่ลืมคำที่ได้ฝากกัน


