พี่น้อง ‘นิศามณีวงศ์’ เราจะดูแลกันตลอดไป

โดย...ฉัตรชัย ธนจินดาเลิศ

แม้เขาทั้งสองคนจะไม่ได้เป็นทายาทโดยตรงของบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย แต่ด้วยความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ทำให้สองพี่น้องแห่งตระกูล “นิศามณีวงศ์” ถูกวางตัวให้เป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย อย่างเต็มตัว

พี่ชายที่อบอุ่น

“ศรัญญา นิศามณีวงศ์” หรือ เกียว บอกว่า เธอได้เข้ามาทำงานที่บริษัท ไทยเศรษฐกิจฯ ได้ 4 ปีแล้ว โดยถูกพี่กิต (กิตติกร) พี่ชายแท้ๆ ของเธอเป็นผู้ชักชวนให้เข้ามาทำงานด้วยกันที่บริษัทแห่งนี้ จนปัจจุบันด้วยความรู้ความสามารถเฉพาะตัว ทำให้เธอได้ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกิจการต่างประเทศของบริษัท ไทยเศรษฐกิจฯ ด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น

เกียว บอกว่า ตัวเธอเองนั้นไม่ได้จบด้านประกันภัยโดยตรง แต่เธอจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค ด้านภาษาจีน และจบปริญญาโท ด้านกำกับดูแลกิจการ ซึ่งเป็นแนวบริหารงานจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

แต่จากความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ทำให้เธอสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานด้านธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี

ตอนตัดสินใจเข้ามาทำงานที่นี่เพราะรู้สึกว่าเป็นความท้าทายดี และธุรกิจประกันก็มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก อย่างล่าสุดก็ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกากับบริษัทประกันภัยต่อ หรือรีอินชัวเรอร์ส ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐีระดับโลก ซึ่งทำให้เธอมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อเห็นการทำงานในระดับสากล ในระดับโลก

เกียว ยังบอกเหตุผลที่พี่กิตชวนเข้ามาทำงานด้วยกันว่า เพราะพี่กิตมองว่าการประกันภัยเป็นธุรกิจที่สำคัญของประเทศชาติ ต่อไปทุกคนต้องมีเรื่องการประกันเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นประกันวินาศภัยหรือประกันชีวิต จึงน่าเข้ามาเรียนรู้หาประสบการณ์

ด้วยความสัมพันธ์ที่อายุห่างกันเพียงปีครึ่ง จึงทำให้ค่อนข้างสนิทกัน เป็นพี่ที่ดูแลกันมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ ก็ว่าได้ แม้จะมีบางครั้งที่ถูกพี่แกล้งบ้างก็ตาม

แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่กิตคนนี้ก็จะเป็นคนที่คอยปกป้องเราตลอด

 

“อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น ปลอดภัย อย่างตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม ขณะที่กำลังรอรถกลับบ้านอยู่ก็มีผู้ชายเดินเข้ามาหา ท่าทางน่ากลัว เพราะไม่รู้มาดีหรือไม่ดี ก็ได้พี่ชายคนนี้แหละที่เข้ามาปกป้อง เข้ามากันผู้ชายคนนั้นออกไป โดยไม่กลัวเกรงว่าตัวเองอาจถูกทำร้าย” เกียว รำลึกความหลังถึงความประทับใจต่อพี่ชายให้รับรู้

จึงทำให้เมื่อมีพี่ชายอยู่ด้วยแล้ว เกียวรู้สึกปลอดภัยตลอด ซึ่งแม้แต่การได้ไปดูงานที่สหรัฐก็มีพี่ชายตามไปดูงานด้วยกัน

แต่หากเป็นเรื่องการทำงานแล้ว เกียว บอกว่า ทุกอย่างคือมืออาชีพ แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่เมื่อทำงานหรือประชุมร่วมกันแล้วก็เห็นแตกต่างกันได้ มีการเสนอความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งไม่ถึงกับขัดแย้งกัน แต่เป็นการเพิ่มทางเลือก สามารถปรึกษางานกันได้

การทำงานกับพี่ชายจึงสบายใจ เราคิดอะไรหรือพูดอะไรแล้วไม่ต้องเกรงใจกัน เราพูดความจริงได้ แล้วมาวัดที่เหตุผล

พี่กิตจึงเป็นพี่ชายที่แสนดีและอยู่ในใจเสมอ

ดูแลน้องไม่ทิ้งกัน

ส่วน “กิตติกร นิศามณีวงศ์” หรือ กิต วัย 28 ปี ปัจจุบันก็เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกิจการต่างประเทศ ของบริษัท ไทยเศรษฐกิจฯ และจบจากเอแบคมาด้วยเช่นกัน แต่จบด้านบริหารมา ซึ่งตัวเขาเองเข้ามาทำงานที่บริษัท ไทยเศรษฐกิจฯ ก่อนน้องเพียง 2 ปี

 

เมื่อทางบริษัท ไทยเศรษฐกิจฯ เปิดรับตำแหน่งใหม่ เห็นว่าน้องสาวน่าจะนำความรู้ที่ร่ำเรียนมาและไม่อยากให้ทิ้งเรื่องภาษาไป จึงชวนให้มาทำงานด้วย และก็มาอยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน

ถึงแม้จะทำงานแผนกเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน แต่ กิต รับประกันว่า งานก็เป็นงาน เรื่องส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเป็นการประชุมร่วมกัน เหตุผลความถูกต้องมาก่อน

โดยเฉพาะกับน้องสาวของเขาแล้ว เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ไม่เอาเปรียบใคร ชอบความถูกต้อง อะไรที่เห็นว่าผิดหรือไม่ถูกต้อง ก็ไม่ยอมเหมือนกัน

และการทำงานส่วนใหญ่ก็มักเห็นไม่ตรงกัน มองคนละมุม ซึ่งอาจเป็นเพราะแต่ละคนเรียนมาไม่เหมือนกัน เขามาจากด้านบริหาร แต่น้องมาจากด้านภาษา

แต่ความเห็นที่แตกต่างก็ไม่ใช่อุปสรรค แถมยังเป็นข้อดีเสียอีก ที่ทำให้เกิดทางเลือกมากขึ้น มีมองจากมุมอื่นที่แตกต่างกัน ซึ่งเวลาที่เขาแรงไปในที่ประชุม น้องสาวจะเป็นคนดึงอารมณ์ให้เย็นลง สุดท้ายก็ต้องวัดกันที่เหตุผล

ตอนเช้ามาทำงานก็มาด้วยกัน เลิกงานก็กลับด้วยกัน แม้ตัวเองจะแยกไปมีครอบครัวแล้ว แต่สายสัมพันธ์ก็ยังเหมือนเดิม

“เป็นพี่น้องกันก็ต้องรักกันไว้ ต้องดูแลกันไปตลอดชีวิต”

เป็นสิ่งที่พ่อแม่เขาพร่ำสอนมาตลอด และเขาก็พร้อมที่จะปฏิบัติมันตลอดชีวิตเช่นกัน