ลูกไม้คนดังแจ้งเกิด เจสซี่ VS อินดี้
เกิดจากครอบครัวคนบันเทิงโดยแท้ คนแรก แม่เป็นนักแสดง พิธีกร พ่อเป็นนักร้องขวัญใจวงเขาควาย (คาราบาว)
โดย...วิชช์ญะ ยุติ / ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
เกิดจากครอบครัวคนบันเทิงโดยแท้ คนแรก แม่เป็นนักแสดง พิธีกร พ่อเป็นนักร้องขวัญใจวงเขาควาย (คาราบาว) อีกราย แม่เป็นนักแสดง เจ้าของเพลงดังยุคอดีต “เสือ” พ่อเป็นช่างภาพแฟชั่นนู้ดและนักแสดง
ไม่น่าจะเดายาก นามสกุลก็บอกทนโท่อยู่แล้ว “เมฆวัฒนา” กับ “เหลียวรักวงศ์” 2 หน่อคือเลือดเนื้อเชื้อไขของ 2 ครอบครัวนี้แหละ
“เจสซี่เมฆ เมฆวัฒนา” ทายาท “แม่จุ่ม อุทุมพร” กับ “พ่อเทียรี่ สุทธิยงค์” “อินดี้อินทัช เหลียวรักวงศ์” ทายาท “แม่ฮันนี่ ภัสสร” กับ “พ่อบี๋ ธีระพงศ์”
ทั้งคู่ก้าวเข้ามาวงการ ในฐานะ “น้องใหม่” ที่โดดเด่นด้วยสไตล์เฉพาะตัว เท่ๆ เซอร์ๆ ยิ่งบวกกับหน้าตาหล่อกระชากใจ กระทั่งดีกรีการเป็นทายาทคนบันเทิง ก็ส่งให้รัศมีความเป็นสตาร์ฉายแววชัด และ 2 หน่อ คงจะเจิดจรัสกว่านี้มาก นับจากผลงานการแสดงของพวกเขาได้เริ่มทยอยออกสู่สาธารณะ
นี่จึงเป็นเวลาเหมาะสมแล้วกระมัง ที่ทั้งคู่จะขอแจ้งเกิดตามรอยดัง (คุณพ่อคุณแม่)
ไม่พึ่งบารมีพ่อแม่
จริงอยู่ เข้าวงการบันเทิงสมัยนี้ มันง่าย บันไดดาวที่พร้อมจะปั้นจะดันก็มีเพียบ แต่ทางไหนละจะใช่ที่ทางของตัวเอง
สำหรับเจสซี่กับอินดี้ การเป็นลูกคนบันเทิง แง่หนึ่งก็ดูมีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ บางคนอาจจะมองว่า “เด็กเส้น” ทว่าที่สุดแล้วทั้งคู่พูดตรงกัน “ไม่คิดจะใช้พ่อแม่เป็นบันไดดาว”
เจสซี่: “สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำไว้ ก็เป็นเรื่องของท่านนะครับ มันคงไม่ได้ส่งผลต่อตัวผมเท่าไหร่ เพราะตัวผมก็คนละคนกันกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่อยากเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ คือผมก็ไม่อยากจะไปกดดันอะไร อยากให้คนดูตัดสินจากผลงานที่ผมแสดงดีกว่าครับ”
อินดี้: “ส่วนตัวผมก็จะพยายามมองตัวเองว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกดารา แล้วจะไม่ซีเรียสเลย ถ้าคนจะคิดว่าใช้เส้นคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า ในเมื่อมีโอกาส ผมก็ต้องสานฝัน คุณพ่อคุณแม่แค่เป็นฝ่ายสนับสนุนเท่านั้นนะครับ คงไม่ได้หวังจะใช้คุณพ่อคุณแม่เป็นบันไดหรอกครับ”
ลูกไม้หล่นใต้ต้น (?!!)
พ่อแม่เป็นคนบันเทิง ลูกที่ลืมตาออกมาก็มักจะเจริญรอยตาม เห็นตำตาในหลายครอบครัว ลูกชายลูกสาวหันมาเอาดีกับการเป็นคนบันเทิง
ก็ไม่ต่างกับเด็กหนุ่ม 2 หน่อ เจสซี่ กับ อินดี้ ที่เกิดในครอบครัวคนบันเทิง และมีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นน้องใหม่ของวงการ โดยการหนุนหลังอย่างเต็มที่ของครอบครัว
อินดี้ยืนยันว่ามันเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน นั่นทำให้เขาพาตัวเองขยับเข้าใกล้ ด้วยการไปเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิชาเอกภาพยนตร์ โดยเขาฝันอยากเป็นนักแสดงที่ดีและเก่ง
“ระหว่างเบื้องหน้ากับเบื้องหลัง ผมชอบงานเบื้องหน้ามากกว่าครับ แต่ที่เลือกเรียนภาพยนตร์ เพราะผมเป็นคนชอบดูหนัง ไม่ได้อยากทำหนังนะครับ ชอบดูการแสดงของนักแสดงที่ผมชอบ ทำไมและอะไรเขาถึงได้ตีบทแตก ส่วนวิชาภาพยนตร์มันคือผลพลอยได้มากกว่า
ที่บ้านค่อนข้างตามใจครับ ผมจะทำอะไรก็ไม่เคยห้าม อยากเรียนอะไรเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็ปล่อยให้ตัดสินใจเอง และบอกเสมอว่าให้ทำในสิ่งที่ผมรักและชอบ เพราะถ้าไปฝืนมันจะไม่มีความสุขในการทำ หรือเรียนเลย”
ขณะที่เจสซี่ก็บอกว่ามันเป็นความฝันเล็กๆ ที่อยากทำ ระหว่างงานเพลงกับงานแสดง เขาชอบงานเพลงมากกว่า แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำจริงจัง ส่วนงานแสดงพอมีผู้ใหญ่หยิบยื่นโอกาสให้ เขาจึงต้องคว้ามันไว้
“ตอนนี้ผมเรียนเอกภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ ถามว่าใช่ตัวเองมั้ย มันก็ใช่นะครับ แต่ผมก็อยากจะทำ หรือจะเรียนอย่างอื่นหลายๆ อย่างไปด้วย เช่น อยากไปเรียนดนตรี แต่ไม่อยากเรียนปริญญา แค่คอร์สสั้นๆ ก็พอ อาหารก็อยากไปเรียน เพราะส่วนตัวผมชอบทำอาหารอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ตัดสินใจเองครับ แต่ถ้าเรื่องใหญ่ๆ ก็ต้องปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก่อนครับ คุยได้ทั้งสองคนเลย อยู่บ้านก็จะคุยกับพ่อมากกว่า คุณแม่ก็คุยได้ พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาให้ผมตลอด”
หน้าใหม่ (ขอ) แจ้งเกิด
ถือว่าทั้งสองหนุ่มยังใหม่มาก แม้จะเคยผ่านงานบันเทิงมบ้าง เจสซี่มีผลงานการแสดงละคร “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” อินดี้ละครถ่ายเสร็จ ใกล้จะออนแอร์ไม่ช้า “มาดามดัน”
ด้านภาพยนตร์ เจสซี่ประเดิมเรื่องแรกไปแล้ว “ฮาชิมะโปรเจกต์ ไม่เชื่อต้องลบหลู่” ส่วนอินดี้กำลังถ่ายทำอยู่ “ตี 3 คืน 3” คาดจะเข้าฉายปลายปีนี้
เจสซี่: “ผมเป็นคนขี้อายนะครับ แรกๆ ก็มีปัญหาเหมือนกันครับ สารพัดเลยครับ อาย กลัว เกร็ง เอาไปปรึกษาคุณแม่ด้วยนะครับ คุณแม่ก็คอมเมนต์ว่าผมน่ะเป็นคนพูดแบบโมโนโทนเกินไป น้ำเสียงเรียบไป เรื่องทำเพลง ผมก็ทำไปเรื่อยๆ ทำแล้วก็เก็บไว้ แต่งเสร็จ ก็ให้คุณพ่อช่วยดู คุณพ่อก็มีคำแนะนำดีๆ ให้เสมอ
พอเข้าวงการ คุณแม่ก็จะสอนการใช้ชีวิต ตรงเวลา ความมีวินัย ถ้าให้คิวไปแล้ว ต้องจัดการคิวนั้นให้ได้ อย่าให้คนอื่นต้องเดือนร้อนเพราะความไม่ตรงเวลา หรือความไร้วินัย คุณพ่อจะสอนให้ผมเป็นคนดี อย่าเอาเปรียบคนอื่น ตรงเวลาก็สอนครับ อย่างเวลาคุณพ่อไปเล่นคอนเสิร์ต คุณพ่อจะไปก่อน ไปรอดีกว่าให้คนอื่นรอ”
อินดี้: “สิ่งที่ผมต้องฝึกเยอะๆ คือ เรื่องของอารมณ์การแสดง ผมว่ามันสำคัญมากๆ นะครับ สำหรับการเป็นนักแสดงที่ดี ไม่ว่าจะใหม่ หรือเก่า ไม่ว่าจะหน้าตาดี หรือไม่หล่อเลย ผมว่าถ้าแอ็กติ้งเจ๋ง มันจะฉายความหล่อออกมาทันที มากกว่าคนหน้าตาหล่อ แต่แอ็กติ้งไม่ได้เรื่องด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็อยากเป็นนักแสดงที่แอ็กติ้งเก่งๆ เจ๋งๆ โดยที่คนดูไม่ต้องนึกถึงหน้าตา แต่อยากให้เขาจำแอ็กติ้งมากกว่าครับ
คุณพ่อคุณแม่สอนอะไรเป็นพิเศษมั้ย ก็ไม่มีนะครับ แต่ย้ำว่าต้องเคารพคนอื่นก่อน แล้วเราก็จะได้ความเคารพและความรักกลับคืน ยิ่งเป็นเด็กยิ่งต้องแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ให้มากๆ ส่วนการแสดง คุณแม่คุณพ่อก็แค่ช่วยเป็นผู้รับฟังที่ดี ไม่ได้ช่วยอะไรเยอะเท่าไหร่ เพราะท่านบอกแบบท่าน แต่พอมาถึงหน้ากล้อง ผู้กำกับไม่เอา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร”
ไอดอลของ 2 หน่อ
เจสซี่: “ผมชอบจอห์น เลนนอนครับ ตอนไปอยู่นิวซีแลนด์ อายุ 12 ปี ผมเริ่มฟังเพลงเลนนอน แล้วก็ศึกษาประวัติของเขา ก่อนหน้าก็เคยได้ยินแต่คุณพ่อเล่าให้ฟัง ส่วนตัวผมชอบลุคเขา แต่พอได้อ่านประวัติ รู้เลยว่าคนเนี่ยคือสุดยอดในใจ เลนนอนทำให้ผมอยากทำงานเพลง อยากแต่งเพลง อยากร้องเพลง Watching the Wheels คือเพลงที่ผมชอบที่สุด ทำนอง เนื้อหา ชอบหมดเลย ถ้าเขานั่งอยู่ตรงหน้าผม ผมก็จะเอาเพลงที่ผมแต่งไว้ให้เขาคอมเมนต์”
อินดี้: “ถ้าเป็นนักแสดง ผมชอบแบรด พิตต์ครับ ชอบแอ็กติ้งของเขา ชอบความเป็นมืออาชีพของเขา แค่เขายืนก็สามารถฆ่าคนอื่นตายได้ ผมว่าเขามีวิธีการแสดงที่น่าสนใจมากๆ ผมพยายามจะเอามาปรับใช้นะ แต่พอเอามาใช้ ผู้กำกับไทยก็ไม่ชอบซะงั้น ส่วนผู้กำกับ ผมยกให้ คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นอันดับหนึ่ง ผมว่าเขามีของ ผมชอบการเลือกนักแสดงในหนังของเขา ดูเขาจะให้ความสำคัญกับการแสดงพอๆ กับการกำกับ”


