ลอยฟ้ามุดดินเยือนถิ่นมรดกโลก

วันนี้เราอยากนำเอาประสบการณ์การเดินทางในตุรกีมาเล่าสู่กันฟัง อันประกอบไปด้วยการเที่ยวชมทัศนียภาพจากมุมสูง โดยการขึ้นบอลลูนลอยฟ้า

โดย...ปวีณา สิงห์บูรณา [email protected]

ขึ้นต้นด้วยชื่อตอนที่ฟังดูค่อนข้างหวาดเสียว เหมือนว่าเราจะพาไปผจญภัยเสียอย่างนั้น อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้แอบแฝงไปด้วยความหมายอันซับซ้อนใดๆ เลย เรื่องก็มีอยู่ว่า วันนี้เราอยากนำเอาประสบการณ์การเดินทางในตุรกีมาเล่าสู่กันฟัง อันประกอบไปด้วยการเที่ยวชมทัศนียภาพจากมุมสูง โดยการขึ้นบอลลูนลอยฟ้า ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ค่อยพลาด จากนั้นเราก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมเมืองเก่าที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งจะได้อธิบายกันต่อไปว่า ทำไมจึงมีเมืองใต้ดินอยู่ในตุรกี ในขณะเดียวกันเราเองก็พยายามค้นหาคำตอบเพิ่มเติมว่า ทำไมหลายๆ คนจึงต้องไปเที่ยวตุรกี

กลุ่มบอลลูนที่ทยอยลอยขึ้นฟ้าพานักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพคัปปาโดเกีย

กิจกรรมการขึ้นบอลลูนชมเมืองนั้น ถูกเน้นให้เป็นจุดขายสำหรับการท่องเที่ยวที่เดินทางมาตุรกี สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นอาจเป็นเพราะว่าเขาเห็นชัดว่า ทิวทัศน์มุมสูงของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีดีกรีติดอันดับมรดกโลก ย่อมเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากจะมีโอกาสได้เห็นสักครั้งในชีวิต ซึ่งทีมงานโลก 360 องศาของเราค่อนข้างโชคดีที่ได้รับโอกาสนั้น และก็ขอยืนยันเลยว่า ถ้าใครได้มีโอกาสมาเยือนตุรกีแล้วอยากมาสัมผัสประสบการณ์แบบพวกเรา รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ก็ต้องแลกกับการตื่นเช้าสักหน่อย เพื่อที่จะได้มีโอกาสเห็นแสงแรกจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงพื้นแผ่นดิน ส่วนสนนราคาก็ตกอยู่คนละประมาณ 7,000 บาท ซึ่งสามารถใช้เวลาอยู่บนท้องฟ้าได้ประมาณ 1 ชั่วโมง

ที่คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นหนึ่งสถานที่ซึ่งเหมาะกับการนั่งบอลลูนชมความงาม โดยพื้นที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโก ซึ่งคำว่าคัปปาโดเกียนั้นในภาษาฮิตไตส์ แปลว่า ดินแดนที่มีม้าพันธุ์ดี ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าดินแดนแถบนี้มีทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการเลี้ยงสัตว์นั่นเอง

นอกจากนั้นก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ชื่อว่า เกอเรเม่ (Goreme) ซึ่งเป็นสถานที่แสดงให้เห็นถึงพลังศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อศาสนาคริสต์ เพราะมีโบสถ์ถ้ำจำนวนมากถึง 365 แห่ง แม้ว่าจะเปิดให้

ภายในนครใต้ดินไคมัคลี

นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แค่บางส่วนก็ตาม แต่ก็เรียกได้ว่ามากพอที่จะให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านสถานที่เหล่านั้น ซึ่งภายในโบสถ์ถ้ำแต่ละแห่งก็จะปรากฏภาพจิตรกรรมเขียนสีบนปูนเปียกที่เรียกว่า Fresco โดยจะมีให้เห็นทั้งบนผนังและเพดานถ้ำ เนื้อหาส่วนใหญ่ของภาพจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติพระเยซู เหล่านักบุญ และเรื่องราวในพระคัมภีร์คริสต์

ในยุคที่คริสต์ศาสนาเฟื่องฟูในดินแดนแถบนี้ ได้มีความพยายามที่จะเผยแผ่ศาสนาออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้มีความต้องการสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนามากขึ้น จึงเป็นที่มาของการขุดเจาะถ้ำเพื่อใช้เป็นโบสถ์ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในเวลาเดียวกันถ้ำเหล่านั้นก็ยังใช้เป็นสถานที่ในการหลบภัยจากการรุกรานของชนเผ่าอื่นๆ ที่มีความไม่เห็นด้วยกับคริสต์ศาสนา

ซึ่งภายหลังจากนั้นไม่นาน ศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศาสนาต้องห้ามของคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้ อันเนื่องมาจากการเข้ามาครอบครองดินแดนของชาวอาหรับ ทำให้ชาวคริสต์ต้องอพยพไปหาดินแดนแห่งใหม่ ที่ชื่อว่า นครไคมัคลึ

จะว่าไปแล้ว ในดินแดนแถบนี้ก็มีนครใต้ดินอยู่หลายแห่งทีเดียว ที่มีการขุดค้นพบแล้วทั้งหมด 36 แห่งด้วยกัน และก็มีการบอกเล่ากันว่า นครใต้ดินที่ว่าเหล่านั้นจะมีอุโมงค์ใต้ดินเชื่อมถึงกันหมด ทั้งนี้ก็เพื่อใช้หลบหนีจากการรุกรานของชาวอาหรับในสมัยนั้น

อาคารบ้านเรือนที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาในตุรกีมากหน่อยและสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเยี่ยมชมสถานที่นี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เขาก็ไม่สนับสนุนให้ผู้มีปัญหาสุขภาพลงไปในอุโมงค์ใต้ดิน เนื่องจากจะมีอากาศให้หายใจได้น้อย และปัญหาความดันอากาศจากความลึกผิวดินที่จะส่งผลโดยตรงต่อการหายใจ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ได้มีโอกาสเดินทางมาถึงที่แห่งนี้แล้ว มักจะมีโอกาสได้ลงไปชมอุโมงค์กันเกือบทั้งนั้น

อีกเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือเมืองคอนยา (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูค ซึ่งเมืองนี้มีสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าพิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana) อันเป็นสถานที่ในการใช้เก็บโลงศพของบุคคลสำคัญทางศาสนาอิสลาม และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยเซลจูค

นอกจากนั้นก็ยังไม่ควรพลาดแวะชมจุดพัก ขบวนสินค้าโบราณในสมัยของจักรวรรดิออตโตมัน ที่เรียกว่าคาราวานซาไร (Caravansary) ที่ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ทางการค้าบนเส้นทางสายไหมในอดีต โดยจุดพักลักษณะดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้นทุกๆ 25-40 กิโลเมตร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ขบวนสินค้าที่เดินทางไปมาค้าขายได้พักอย่างปลอดภัย ป้องกันการถูกดักปล้นสินค้าระหว่างทาง

แหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกีนั้นมีอยู่มากมาย จนเรียกว่า ถ้าจะไปกันให้ครบจริงๆ คงต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งความหลากหลายตรงนี้ทำให้ตุรกีนำมาเป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยว เขาเปรียบประเทศตุรกีว่าเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่ไม่ต้องการการตกแต่งใดๆ แต่ถูกตกแต่งโดยธรรมชาติและประวัติศาสตร์

การท่องเที่ยวของตุรกีนั้นเขามีความมั่นใจในจุดแข็งของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เขาสามารถจัดหามาบริการนักท่องเที่ยวในราคาที่แข่งขันกับที่อื่นได้ ซึ่งทั้งนี้ทางผู้บริหารของการท่องเที่ยวตุรกีแอบเล่าให้เราฟังว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของตุรกีนั้นเกิดขึ้นได้จากการเลียนแบบสูตรสำเร็จของเอเชีย นั่นก็คือ การให้บริการที่ดีที่สุดในราคาที่ดีที่สุด

Blue eye ของฝากยอดนิยมของตุรกี

ดังนั้นตุรกีก็พัฒนาคุณภาพของโรงแรมให้ดีกว่าคู่แข่ง และตั้งราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่ง ส่วนกลุ่มลูกค้าที่จะตัดสินใจท่องเที่ยวโดยพิจารณาปัจจัยด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ทางการท่องเที่ยวตุรกีก็พยายามศึกษา วิเคราะห์ จนปรับปรุงสินค้าและบริการได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย อย่างเช่น กลุ่มที่ให้ความสนใจเรื่องวัฒนธรรมมากกว่าความหรูหรา สะดวกสบายของโรงแรม ซึ่งตุรกีเองก็มีสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกเช่นกัน

อันที่จริงพวกเราไม่ได้มีเจตนาจะเยินยอต่างชาติให้เกินจริง แต่อันไหนที่เป็นจุดเด่น เป็นข้อดีที่เขาพยายามร่วมกันทำจนประจักษ์เป็นภาพลักษณ์ เราก็ควรให้ความชื่นชม ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศแบบนี้ ใครคนใดคนหนึ่งหรือเพียงหนึ่งหน่วยงาน คงไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความร่วมมือและความสามัคคี เราเองอยากให้คนไทยร่วมมือกัน และอยากให้เป็นความร่วมมือในเชิงสร้างสรรค์ มากกว่าทำลายล้าง

แล้วก็อย่าลืมติดตามชม รายการโลก 360 องศา ได้ทุกวันเสาร์ สามทุ่มครึ่ง ทาง ททบ.5