รับฤดูร้อนด้วยสร้อยไก่และหงอนไก่
ชาวชนบทของเมืองไทยรู้จักไม้ดอกฤดูเดียวเหล่านี้ดี เพราะเรามักพบเห็นดอกหงอนไก่และสร้อยไก่
โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม
ชาวชนบทของเมืองไทยรู้จักไม้ดอกฤดูเดียวเหล่านี้ดี เพราะเรามักพบเห็นดอกหงอนไก่และสร้อยไก่ขึ้นอยู่ตามแปลงปลูกหน้าบ้านหลายจังหวัดในภาคอีสาน และแม้แต่หน้าบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ น่าเสียดายที่ไม้ดอกดังกล่าวเกิดจากเมล็ดที่ร่วงหล่นจากต้น ซึ่งออกดอกในปีที่ผ่านมา ดังนั้นลักษณะโดดเด่น สวยงาม จึงลดหายลงเรื่อยๆ คงเหลือแต่รูปร่างบางประการที่บ่งบอกถึงความสวยงามแต่ดั้งเดิมของไม้ดอกเหล่านี้
ปัจจุบันทั้งสร้อยไก่และหงอนไก่มีลูกผสมเกิดใหม่ในช่วงปี พ.ศ. 2550-2553 มากมายหลายสิบพันธุ์ ลูกผสมเหล่านี้ผ่านการออกแบบให้มีขนาดความสูง ต้นและสีสันของใบที่เหมาะแก่การนำไปปลูกในสวนทั่วโลก
สร้อยไก่และหงอนไก่มีสีสันดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นสีทอง สีเหลืองหรือแดงเลือดนก ล้วนแต่ดึงดูดสายตาของผู้ชมสวนทั้งสิ้น แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าดอกไม้ที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้จะแยกตัวออกจากดอกไม้ฤดูเดียวชนิดอื่นๆ ในสวน เราอาจปลูกหงอนไก่และสร้อยไก่ได้ในงานออกแบบสวนดอกไม้ร่วมกับดอกไม้ประเภทอื่นๆ ที่จะช่วยดูดซับความรุนแรงของโทนสีลงได้ด้วย
ส่วนยอดของช่อดอกไม้เหล่านี้จะแตกกิ่งสาขาออก เช่นเดียวกับดอกหงอนไก่ซึ่งมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Colosia cristata หรือเป็นพูฝอยคล้ายขนนก เช่นสร้อยไก่ (Celosia plumosa) ต้นของมันอาจมีความสูงจาก 924 นิ้ว (23-30 ซม.) รูปร่างของช่อดอกจะให้สิ่งที่ดูเด่นสะดุดตาแก่แปลงปลูกไม้ดอกของเรา ทั้งหงอนไก่และสร้อยไก่นี้จัดเป็นไม้ดอกฤดูเดียวก็จริง แต่ค่อนข้างทนหนาว (Halfhardy) ปกติมันจะออกดอกในช่วงฤดูร้อนหรือปลายฤดูหนาวในเดือน ก.พ. สำหรับในยุโรปและอเมริกามักพบดอกไม้ชนิดนี้ ในระหว่างเดือน ก.ค. และเดือน ก.ย. ดังนั้นเขาจึงปลูกเลี้ยงต้นกล้ากันในช่วงที่เริ่มอากาศอุ่นขึ้นและเอาออกปลูกลงแปลงกลางแจ้ง เมื่อหมดภาวะน้ำค้างแข็งไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องของประเทศเขตหนาว แต่สำหรับเขตร้อนเช่นเมืองไทย การปลูกหงอนไก่คงทำได้โดยการเพาะเมล็ด ซึ่งมีจำนวนถึง 1,600 เมล็ด/กรัม เพาะและย้ายกล้าได้ง่าย เพราะในเมล็ดมีอาหารสะสมอยู่พอสมควร การเพาะมักทำในกระบะพลาสติก โดยใช้วัสดุเพาะคือขุยมะพร้าวที่ร่อนแล้ว 1 ส่วน กับทรายร่อน 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน และใส่วัสดุเพาะในกระบะประมาณครึ่งกระบะ เกลี่ยวัสดุเพาะให้เรียบด้วยไม้บรรทัด จากนั้นทำร่องปลูกโดยใช้ไม้กดหน้าวัสดุเพาะให้เป็นร่องลึก 1 เซนติเมตร เป็นแถวห่างกัน 2-3 เซนติเมตร จากนั้นหยอดเมล็ดลงในร่อง 30-50 เมล็ด/ร่อง ใช้ไม้บรรทัดเกลี่ยวัสดุเพาะให้กลบเมล็ดบางๆ ปิดทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วใช้ฝักบัวรดน้ำที่เป็นฝอยละเอียดรดน้ำให้ชุ่มในวันแรก 2-3 ครั้ง ต่อมารดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง จนเมล็ดเริ่มงอกใน 3-5 วัน จึงเปิดกระดาษออกเพื่อให้ต้นกล้าได้รับแสง ต่อมา 37 วัน ย้ายกล้าลงถุงที่ใช้ดินผสม อีก 2-3 สัปดาห์จึงย้ายปลูกลงกระถาง 10 นิ้ว โดยใช้กล้า 1-2 ต้นต่อกระถางดินผสม สร้อยไก่จะออกดอกแรกหลังย้ายในเวลาประมาณ 1 เดือน
ทั้งหงอนไก่และสร้อยไก่ชอบอากาศในช่วงปลายฝนต้นหนาว ดังนั้นจึงควรเพาะเมล็ดตั้งแต่เดือน พ.ย. ซึ่งทันได้ดูดอกในช่วงฤดูหนาวต่อไปจนถึงฤดูร้อน ซึ่งผลของการผสมพันธุ์ทำให้ได้ต้นที่ทนหนาวปลูกได้แม้ในเขตหนาว หงอนไก่บางพันธุ์ให้ต้นที่มีก้านช่อดอกแข็งแรง ชูสูงและให้ช่อดอกที่อัดกันเป็นช่อหงอนไก่แน่น สีพาสเทล งดงามเหมาะจะปลูกเป็นได้ทั้งไม้ตัดดอก และไม้กระถางเดี่ยวสำหรับยกไปตั้งเป็นไม้ประดับโต๊ะรับแขกหรือตั้งในห้องอาหาร
สร้อยไก่บางพันธุ์สามารถปลูกตัดดอกผึ่งให้แห้ง ใช้จัดดอกไม้แห้งได้ด้วย ซึ่งเพิ่มคุณค่าการใช้ประโยชน์ของไม้ดอกชนิดนี้ สำหรับหงอนไก่นั้นที่นิยมกันคือการปลูกเพื่อตัดตัวช่อดอกไปอบแห้ง เพื่อฉีกเป็นชิ้น ใช้ผสมบุหงาโดยหมักกับหัวน้ำหอม ซึ่งมันจะช่วยดูดซับน้ำหอมและค่อยๆ ส่งกลิ่นออกมาในภายหลัง ดอกหงอนไก่ลูกผสมมีหลายสี เช่น เหลืองทอง ม่วง แดง ชมพูอมแดง ดอกย่อยแท้จริงจะอยู่บริเวณโคนช่อ ซึ่งส่วนนี้จะติดเมล็ดสีดำ สามารถใช้เพาะขยายพันธุ์ได้ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการได้พันธุ์ลูกผสมใหม่ๆ แล้ว ขอแนะนำให้หาซื้อเมล็ดพันธุ์ลูกผสมชั่วที่หนึ่งมาปลูก จะได้ต้นที่ให้ดอกสวยงามและตรงตามพันธุ์อยู่เสมอ โดยราคาต่อต้นก็มิได้สูงล้ำเหลืออะไรเลย พันธุ์ปลูกลูกผสมใหม่ๆ ของหงอนไก่และสร้อยไก่ ได้แก่ กลุ่ม Comb Series ซึ่งเป็นหงอนไก่พันธุ์เตี้ยแต่ดอกใหญ่มีหลายพันธุ์ ขึ้นกับสีช่อดอก เช่น มาเจนตา มะฮอกกานีเรด นีออนโรส แดงเลือดนก (Scarlet) และเหลืองอ่อน นอกจากนี้ยังมีพันธุ์เรดเฮด (Red head) ซึ่งให้ต้นเตี้ย ดอกทรงกลมสีแดงสว่าง ออกดอกสม่ำเสมอปลูกได้ทั้งปี สำหรับสร้อยไก่นั้นมีกลุ่มเซ็นจูรี ซีรีส์ เป็นพุ่ม ดอกโปร่ง แต่ช่อยาวขนาดใหญ่ สีสดสว่าง ดึงดูดสายตาได้เช่นกัน


