บอย โกสิยพงษ์ เล่าเรื่อง เบเกอรี่ มิวสิค

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ย้อนกลับไปเมื่อ 19 ปีที่แล้ว มีศิลปินกลุ่มหนึ่งใช้ชื่อว่า “โมเดิร์นด็อก” ภายใต้ค่ายเพลงน้องใหม่อย่าง “เบเกอรี่ มิวสิค” ณ พ.ศ.นั้น อัลบั้มชุดนี้กลายเป็นอัลบั้มแนวอัลเทอร์เนทีฟที่ครองใจวัยรุ่นได้มากโข หากจะบอกว่านี่คืออัลบั้มที่สร้างจุดเปลี่ยนให้กับค่ายเพลงน้องใหม่ค่ายนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จุดกำเนิดของค่าย เริ่มต้นจากการรวมตัวของ 4 ขุนพลในแวดวงดนตรีอย่าง สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ กมล สุโกศล แคลปป์ สาลินี ปันยารชุน และบุคคลที่โดดเด่นขึ้นมา จนเป็นที่รู้จักของใครต่อใคร เขาคือเจ้าพ่อเพลงรัก ผู้ที่แต่งเพลงได้เพราะที่สุดตลอดกาล “บอย โกสิยพงษ์”

“ถ้าให้เล่าย้อนกลับไปตอนนั้น สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดเกี่ยวกับเบเกอรี่ มิวสิค คงเป็นเรื่องของการได้ทำเพลงออกมา แล้วมีคนฟังตอบรับดีมากๆ ซึ่งผมและเพื่อนๆ รวมทั้งตัวศิลปินเองต่างไม่คิดว่าคนฟังจะตอบรับดีมากๆ อย่างนี้”

หลังจากโมเดิร์นด็อกได้ออกมาวาดลวดลายลีลาทางดนตรี เพลงเอกของบอย โกสิยพงษ์ ก็ถูกปล่อยออกมา นั่นคือเพลงดีเพลงดังตลอดกาลอย่าง “ฤดูที่แตกต่าง” ที่ได้ถูกหูคนฟังมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งบอยเล่าแบบติดตลกว่า ช่วงนั้นคนฟังคิดว่า นภ พรชำนิ คือ บอย โกสิยพงษ์

“กับเบเกอรี่ มิวสิค เราทำงานเหมือนครอบครัว เหมือนพี่น้องที่ทำงานกันไป คุยเล่นกันไป เหมือนมาที่ค่ายแล้วมาเพื่อสนุกสนานกัน”

ณ ที่แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นที่ที่สร้างศิลปินหน้าใหม่มาประดับวงการเพลงมากมาย ที่ดังยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น โจอี้ บอย กรู๊ฟไรเดอร์ส และอื่นๆ อีกมากมาย แถมยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการ นั่นคือการเปิดค่ายเพลงเล็กๆ ชื่อว่า โดโจซิตี้ ที่มีนักร้องดูโอหญิงระดับตำนานอย่าง ไทรอัมพ์ คิงส์ดอม ที่มีเพลงฮิตมาจนถึงทุกวันนี้ แต่หากถามว่าศิลปินคนไหนที่บอย โกสิยพงษ์ ทำงานด้วยแล้วสบายใจ เหมือนพี่เหมือนน้องที่มาสนุกร่วมกัน นภ พรชำนิ คือชื่อแรกที่เขานึกถึง

“กับนภ เราทำงานด้วยกันตลอด แต่งเพลงอะไรมา ก็มักจะนึกถึงเขา มักจะหลุดเป็นหน้าเขาเสมอ คงเป็นเพราะวิธีการทำงานของเราสองคนเข้าคู่กันดี เวลาไปเล่นคอนเสิร์ต บอย นภ คนดูเตรียมตัวมาเฮฮากันได้เลย เพราะเราซี้กันมาก”

ความพิเศษของนภในมุมมองของบอย คงเป็นโทนเสียงอบอุ่น “โทนเสียงของเขามีความห่วงใย มีความแคร์ความรู้สึกของคน น้ำเสียงของเขาดี ร้องเพลงดี นภทำให้เพลงฤดูที่แตกต่างเป็นเพลงที่ไพเราะ และทำให้เพลงนี้เกิด งานนี้คงต้องยกความดีให้กับนภเลย ทำให้ทุกวันนี้ เวลาคนนึกถึงผม คนจะนึกถึงเพลงฤดูที่แตกต่าง”

ในยุคสมัยนั้นความโดดเด่นของเบเกอรี่ มิวสิค อยู่ตรงที่การติดสติกเกอร์บนปกเทป ซึ่งเริ่มติดตั้งอัลบั้มแรก โดยที่ศิลปินในค่ายต่างมาช่วยกันแปะสติ๊กเกอร์ และหากถามถึงความโดดเด่นของบอย โกสิยพงษ์ คนก็มักจะนึกถึงการเลือกใช้คำที่ลื่นไหลไปกับท่วงทำนอง บอย เผยว่า คลังคำที่เขามีไว้ใช้แต่งเพลง มันมาจากพระเจ้าเป็นผู้ให้

“ผมเชื่อว่าคำต่างๆ พระเจ้าให้มา มันออกมาโดยตัวเราก็แปลกใจ ว่าแต่งเพลงนี้มาได้ยังไง ถ้าถามผมว่าผมแต่งเพลงมาแล้วกี่เพลง ผมจำไม่ได้หรอกครับ แต่มาถึงตอนนี้น่าจะเกินหลักพัน แถมยังมีเพลงที่แต่งเพื่อระบายอารมณ์ แต่งแล้วทิ้งก็มีอีกเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแต่งเพลงระบายอารมณ์แล้วครับ (หัวเราะ) ผมอ่านไบเบิลแทน”

เมื่อเบเกอรี่ มิวสิค ได้เดินทางมาถึงจุดสูงสุด 1 ใน 4 ขุนพลของค่ายอย่างบอย เผยว่า ความสำเร็จในครั้งนั้น ได้นำพามาความกลัวมาให้แก่เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

“ช่วงนั้นผมครุ่นคิดมาตลอดว่า ความสำเร็จที่เราได้รับมันมาจากไหน จะไปจากเราเมื่อไหร่ พอเริ่มกลัว ก็พยายามยึดความสำเร็จนี้ไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ทำให้เราเริ่มเครียด จนมีเพื่อนแนะนำพระเจ้าให้แก่เรา พอเราได้รู้จักพระเจ้าทีละวันๆ แล้วได้อ่านพระคัมภีร์ไบเบิล ทำให้เราไม่กลัวอะไรอีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด”

เมื่อความกลัวของเขาเดินทางมาถึงจุดที่ต้องประสบกับภาวะการขาดทุน ค่ายเบเกอรี่ก็ได้ถูกควบรวมเข้ากับค่ายเพลงสากลอย่างบีเอ็มจี และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของค่ายเพลงโซนี่ มิวสิค ในปัจจุบัน ซึ่งบอย โกสิยพงษ์ ก็ได้มาเปิดค่ายเพลงใหม่ค่ายเพลงเล็กๆ อย่าง เลิฟ อีส เป็นของตัวเอง โดยเขามีความเชื่อว่า เพลงจะนำพาเขาไปในจุดที่ดีเสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในค่ายเพลงที่เล็กจิ๋วมากแค่ไหนก็ตาม

“ถ้าให้บอยในวันนี้ พูดถึงบอยเมื่อในอดีต ณ ตอนเริ่มต้น บอยคนนี้ก็จะบอกบอยคนนั้นว่า ให้เดินไปเรื่อยๆ ข้างหน้ามันจะมีสิ่งที่ดีเอง โดยไม่ต้องห่วงอะไร ถึงแม้บางเรื่องจะดูไม่ดี แต่มันจะดีเอง”

หากทางข้างหน้าจะดีเอง หมายถึง การมีคอนเสิร์ตต้อนรับวันคริสต์มาส อย่างคอนเสิร์ต บอยโก แฟมิลี คริสต์มาส ทูเก็ตเตอร์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 28 ธ.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี มันก็คงเป็นหนทางแห่งความทรงจำที่สวยสดงดงามอยู่มิใช่น้อย ว่าแล้ว เตรียมเสื้อกันหนาวใส่ไปดูคอนเสิร์ตนี้กันดีกว่า อิอิ