อสังหาฯ โดยสายเลือด พี่น้อง ศรัณย์ณดล ชัยปาณี
แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ในวงการอสังหาฯ แต่ใครจะรู้ว่าทายาท ศรัณย์แบงก์ ผู้เป็นพี่ชาย และ ณดลโบ๊ท น้องชาย
โดย...โชคชัย สีนิลแท้ ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ในวงการอสังหาฯ แต่ใครจะรู้ว่าทายาท ศรัณย์แบงก์ ผู้เป็นพี่ชาย และ ณดลโบ๊ท น้องชาย สองบุตรชายของ วิศรุต ชัยปาณี ผู้บริหารบริษัท สาริน พร็อพเพอร์ตี้ และปาร์ค อเวนิว จะหันมาเอาดีในวงการนี้ด้วยเหมือนกัน หลังผู้เป็นพ่อหยิบยื่นโอกาสให้พัฒนาโครงการ เดอะ ฮิลส์ เรสซิเด้นซ์ เขาใหญ่ ในนามบริษัท ดิสคอฟเวอร์รี่ ปาร์ค มูลค่า 1,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 200 ไร่ ท่ามกลางการแข่งขันกันของตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง
จากแรงบันดาลใจที่ทำให้สองพี่น้องคู่ซี้ก้าวเข้าสู่วงการอสังหาฯ นั้น มาจากโอกาสที่ผู้เป็นพ่อหยิบยื่นให้ โดยเห็นโอกาสว่าเขาใหญ่กำลังบูม ยิ่งช่วงหน้าหนาวหรือช่วงวันหยุดยาว บรรดาห้องพักเต็มตลอด หากพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่สองย่อมมีโอกาสอย่างแน่นอน
พี่ชาย ศรัณย์ เล่าให้ฟังว่า ตนเองอายุห่างกับน้องชาย 7 ปี เมื่อจบการศึกษาจากประเทศอังกฤษกลับมา น้องชายก็ยังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา กลับมาได้มาบริหารคลื่นวิทยุ FM 98.5 หรือคลื่นกู๊ด เอฟเอ็ม ในช่วงเวลานั้น เป็นสัมปทานของที่บ้าน ก่อนที่จะหมดลงเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน
แต่จริงๆ แล้วเป็นคนที่สนใจทำอสังหาริมทรัพย์เป็นทุนเดิม เพราะก่อนหน้านี้ คุณพ่อ วิศรุต เป็นคนเริ่มพัฒนาอสังหาฯ ให้เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เริ่มจากโครงการสาริน พาร์ค และพัฒนาโครงการปาร์ค อเวนิว จึงทำให้เกิดความสนใจทางด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นทุนเดิม แต่จังหวะที่เรียนจบมีสัมปทานรายการวิทยุที่ครอบครัวเข้ามาให้ทำก็สามารถทำได้ แต่ว่าความสนใจในเรื่องธุรกิจอสังหาฯ นั้นยังไม่หมดไป
“ได้ดูงานกับคุณพ่อตั้งแต่สมัยเด็กๆ มันก็ซึมเข้ามา ผนวกกับเป็นคนที่ชอบงานออกแบบอยู่แล้วก็เลยสนใจ แม้ว่าจะศึกษาทางด้านการจัดการและการตลาด สามารถประยุกต์ได้เข้ากับทุกอุตสาหกรรมอยู่แล้ว เมื่อพอจบจากการสัมปทานวิทยุก็คุยกับทางที่บ้านว่ามีโอกาส เพราะที่บ้านได้ซื้อที่ดินเขาใหญ่ บริเวณธนะรัชต์ กม.9 มานานกว่า 20 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเป็นรีสอร์ทเล็กๆ 40 กว่าห้อง บนที่ดิน 30 ไร่” ศรัณย์ เล่า
หลังจากหมดสัมปทานจากการทำวิทยุ ได้มีโอกาสมาทำงานอยู่ที่บริษัท เรียลแอสเสท เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่เพิ่งก่อตั้งพนักงานก็มีไม่เยอะ ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ในธุรกิจนี้อยู่ 1 ปี ซึ่งก็ได้เรียนรู้ในหลายส่วนงาน เพราะเป็นองค์กรขนาดเล็ก จากนั้นจึงได้ออกมาพัฒนาโครงการร่วมกับน้องชาย จึงนำประสบการณ์ดังกล่าวมาใช้
“ผมจะเก่งด้านการตลาด เพราะมีประสบการณ์จากการทำรายการวิทยุมาก่อน โดยจะรู้ว่าควรจะจัดโปรโมชั่นรูปแบบใดในช่วงเวลาไหน อย่างบ้านพักตากอากาศในช่วงปลายปีถือว่าเป็นช่วงหน้าขาย ซึ่งเราก็มีแผนที่จะทำกิจกรรมการตลาดในช่วงนี้ รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งห้องจะมีเทสต์ที่ดี ส่วนหนึ่งได้ประสบการณ์จากการเดินทางไปเรียนในต่างประเทศ” ศรัณย์ กล่าว
สำหรับโครงการเดอะ ฮิลส์ เรสซิเด้นซ์ เขาใหญ่ นั้นน้องชายเริ่มเข้ามาก่อน ซึ่งเขาจบทางด้านเดียวกันคือการจัดการ หลังจากเรียนจบที่สหรัฐอเมริกา ได้ไปทำงานที่บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ และ บริษัท เอสซี แอสเสท ทำงานแห่งละ 1 ปี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พอโครงการที่เขาใหญ่เริ่มพัฒนาขึ้น หลังจากนั้น 3 เดือน ศรัณย์ ก็ตามเข้ามา ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการนี้ร่วมกัน 1 ปีพอดีที่ทำงานมาด้วยกันและทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพราะเริ่มจากก้าวเล็กๆ ที่จะเติบใหญ่อย่างมั่นคง
ฟากน้องชาย ณดล ย้ำว่า ตลาดอสังหาฯ เขาใหญ่ในช่วง 12 ปี บูมค่อนข้างมาก และคิดว่าจะรอไปกว่านี้ไม่ได้ ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันที่ว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวเพื่อขาย เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น โดยการออกแบบพื้นที่ส่วนของหลังคาสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงและราคาที่ไม่แพงมาก เพื่อตอบรับกับความต้องการที่แท้จริง เนื่องจากคนที่เดินทางไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ ต้องใช้ชีวิตข้างนอกบ้านมากกว่าในบ้าน โดยได้นำที่ดินจำนวน 78 ไร่ มาพัฒนาเป็น 3 เฟส มูลค่าโครงการรวม 960 ล้านบาท โดยเฟสแรกตั้งอยู่บนพื้นที่ 23 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว สไตล์โมเดิร์น จำนวน 30 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 120140 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้น 6.912 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ได้ปรับโฉมรีสอร์ทที่ครอบครัวพัฒนามาแต่เดิมกว่า 20 ปี ให้เป็นโรงแรมเพื่อสุขภาพ แต่ยังอุบเรื่องแบรนด์ เพราะรอเปิดตัวเร็วๆ นี้ ภายในโครงการมีแปลงปลูกผักออร์แกนิก พืช สมุนไพร ปลูกข้าว มีคอร์ตล้างพิษในร่างกาย เนื่องจากเวลานี้มองว่าตลาดสุขภาพไปได้ดีกว่า ถ้าเป็นแนวสุขภาพนั้นจะขายได้ทั้งปี ยิ่งเมืองไทยเป็นเมดิคอลฮับอยู่แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาขนานกันไปกับโครงการอสังหาฯ เพื่อขาย
“ผมต้องการให้เราพัฒนาอสังหาฯ เล็กๆ ในรูปแบบเล็กแต่ต่อยเจ็บ โดยใช้ความละเอียดรอบคอบมาพัฒนาโปรดักส์ที่มีคุณภาพ ทำในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ อย่างสถาปนิก หรือวิศวกรที่มาควบคุมงานก่อสร้างนั้น เราก็เอาต์ซอร์ส จ้างข้างนอกทั้งหมด รวมไปถึงทีมเซลส์ เพื่อใช้ขายโครงการเนื่องจากยังเป็นโครงการขนาดเล็ก จะจ้างพนักงานจำนวนมากจะเป็นต้นทุน แต่หากพัฒนาโครงการขนาดใหญ่แล้ว งานก่อสร้างในมือมีมาก ก็อาจจะต้องมีการจ้างงานพนักงานที่เป็นพนักงานประจำมากขึ้น ” ณดล ย้ำ
นอกจากนี้ ในปีหน้ายังมีแผนเปิดสำนักงานของตนเองในโครงการปาร์ค อเวนิว เอกมัย มาพัฒนาเป็นโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อรองรับกับตลาดเช่าที่ต้องการโรงแรมประเภทบูติก ระดับราคา 8001,000 บาทต่อคืน จำนวน 30 ห้อง รวมไปถึงอยู่ระหว่างศึกษาที่ดินในย่านบางพลีและเชียงรายที่มีอยู่กว่า 200 ไร่ ที่ยังรอโอกาสในการพัฒนาในอนาคต
“จุดถนัดของผมคือจะเก่งในเรื่องการคำนวณตัวเลข ขนาดของห้อง ราคาการผ่อนดาวน์ การคุยในรายละเอียดทางด้านการก่อสร้างมากกว่าพี่ชาย เมื่อมาทำงานด้วยกันจึงสามารถแบ่งงานกันและประสานการทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี” ณดล กล่าว
จากจุดเริ่มต้นที่เห็นผู้เป็นพ่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทำให้เขาทั้งสองเห็นว่าการเริ่มต้นพัฒนาโครงการขนาดเล็กๆ มีจุดขายเฉพาะตัว และแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด หากพัฒนาให้ดี จะกลายเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน


