ดอกไม้ถวายแด่...พระของประชาชน
แม้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โดย...วรธาร_ที ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
แม้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จะจากพวกเราชาวพุทธไปแล้ว แต่ด้วยพลังแห่งสายธารศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระองค์นั้นไม่เคยขาดสายและอ่อนพลังแต่อย่างใด ทุกวันจะมีเหล่ามหาประชาชนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และพระสงฆ์ จากทั่วสารทิศเดินทางไปกราบพระศพ ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเนืองแน่น เพื่อแสดงออกถึงความอาลัยและสำนึกในพระคุณของพระองค์
เด็กวัดบวรฯ พร้อมใจ
ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งของวัดบวรฯ จะเห็นบรรดาจิตอาสาเข้ามาช่วยงานพระศพอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยหลายกลุ่ม และกลุ่มที่สมควรจะได้รับการกล่าวถึงในที่นี้คือ “กลุ่มจิตอาสา สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช” หรือที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม “เด็กวัดบวรฯ” ที่มาจากหลายสาขาอาชีพ ทั้งนักข่าว ดารา นักแสดง พนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจ นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ
พวกเขาคือผู้ที่ทำให้ “พระตำหนักคอยท่าปราโมช” เป็นสถานที่ประทับของ สมเด็จพระสังฆราช มีชีวิตชีวาขึ้นมา เพราะพวกเขาได้ประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิดอย่างเหมาะสม สวยงาม และสมพระเกียรติ ทำให้ประชาชนที่เข้ามากราบไหว้พระรูปที่ประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งตั้งอยู่ข้างบันไดขึ้นพระตำหนักยังได้ชื่นชมพระตำหนักที่สวยงามอีกด้วย
พระครูสังฆสิทธิกร อดีตหัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศและกรรมการประชาสัมพันธ์ ประจำสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เล่าถึงที่มาของกิจกรรมกุศลครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นมาจากศรัทธาอันแรงกล้าของกลุ่มจิตอาสา สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ที่เคยสนองงานสมเด็จพระสังฆราชในกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆ มาโดยตลอด เช่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม กิจกรรมสร้างพระอุโบสถดินในที่ต่างๆ ที่อยากทำถวายสมเด็จฯ ครั้งสุดท้าย
“คุณแมว (ธัญธนา ธนะสำเริง) ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำจิตอาสาในครั้งนี้ได้มาปรึกษาอาตมา ขอจัดดอกไม้ถวายสมเด็จฯ เหมือนที่เคยทำถวายทุกปีในวันคล้ายวันประสูติ (3 ต.ค.) ซึ่งจัดดอกบัวขึ้นไปบูชาบนพระตำหนัก อาตมาก็สนับสนุนและให้คำแนะนำที่ควรทำเพื่อให้ออกมาสมพระเกียรติ จากนั้นคุณแมวก็ไปประสานกับจิตอาสาคนอื่นๆ ช่างดอกไม้ น้องแป้ง (อดีตผู้สื่อข่าวเนชั่น) ช่วยแจ้งข่าวและประชาสัมพันธ์แล้วทุกคนก็เฮโลมาช่วยงานคับคั่ง”
ช่างดอกไม้ ปชช.ร่วมช่วย
ขณะที่ ธัญธนา ผู้นำจิตอาสา เล่าว่า เป็นเวลา 10 ปีแล้วที่ได้จัดดอกไม้ไปถวายสมเด็จพระสังฆราช โดยจะจัดดอกบัวไปถวายในวันประสูติทุกปี รวมทั้งวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่พระองค์มีพระชนมายุครบ 100 ปีด้วย แต่ถ้าย้อนไปก่อน 10 ปี (ช่วง 90 ปี สังฆราช) ถือเป็นปีแรกที่ตนได้เข้ามาวัดบวรฯ แต่มาในฐานะช่างจัดดอกไม้ที่ได้รับค่าจ้างเป็นค่าตอบแทน
“ครั้งนั้นพี่มาทำงานพร้อมความทุกข์ใจ เพราะเพิ่งเสียลูกชาย ก็อยากเข้าเฝ้าฯ พระองค์ พอวันที่ 7 พระองค์ก็อนุญาตให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ ก็มีทั้งรัฐมนตรี ข้าราชการ แต่พี่นั่งอยู่ท้าย ก็คิดว่าทำยังไงหนอถึงจะได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ๆ ก็ก้มกราบ พอเงยหน้าขึ้นพระองค์ทรงยืนอยู่ข้างหน้าพี่ ไม่อยากเชื่อเลย พระองค์ตรัสว่าถ้าอยากได้อะไรให้ไปขอข้างบน (หมายถึงที่ตึกมานุษยนาควิทยา) พี่เลยไปขอลูกกับพระรูปของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส แล้วเชื่อไหม ต่อมาพี่ได้ลูกสาว ดีใจมาก หลังจากวันนั้นพี่ก็ศรัทธาและบูชาพระองค์มาตลอด พร้อมเข้าไปช่วยงานวัดบวรฯ ทุกครั้งแบบฟรีไม่มีค่าจ้าง”
ธัญธนา เล่าต่อว่า กิจกรรมกุศลครั้งนี้ตนในฐานะผู้หนึ่งในทีมจิตอาสา อยากทำถวายสมเด็จฯ เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งกิจกรรมนี้สำเร็จได้เพราะทุกคน โดยเฉพาะทีมจิตอาสาที่เป็นช่างดอกไม้ที่จัดให้กับงานเทศกาลดอกไม้ของห้างเซ็นทรัลที่รู้จักมักคุ้นกันดี นำโดย “หนิง” หัวหน้าทีม ซึ่งขนลูกทีมมาช่วยตลอด และจะช่วยไปจนถึงวันสุดท้ายคืองานออกพระเมรุ โดยดอกไม้จะได้รับการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดทุก 45 วัน
ด้าน หนิง หัวหน้าทีมช่างจัดดอกไม้ เล่าความรู้สึกว่า ภูมิใจมากได้ที่ทำถวายพระสังฆราช และก็เชื่อว่าทุกคนก็คงภูมิใจที่ได้ช่วยกิจกรรมนี้ พร้อมกับบอกว่า การจัดดอกไม้ไม่ยาก แม้คนที่ไม่ได้เป็นช่างดอกไม้ก็สามารถช่วยได้ เช่น ช่วยตัดก้านเตรียมไว้เพื่อให้ช่างนำไปประดับ หรือจะประดับเองก็ได้ เพราะที่ที่จะประดับมีแพทเทิร์นไว้แล้ว
ขณะที่ ถนิมกาญจน์ เศาภายน ที่ควงหลาน พิมลพงศ์ ศรียาภัย ที่เพิ่งจบวิศวะ จุฬาฯ เล่าถึงการมาช่วยกิจกรรมกุศลในวันนี้ ว่า ทราบข่าวการจัดดอกไม้ถวายพระสังฆราชจากเพื่อนของเพื่อนที่เคยมาช่วยงานครั้งก่อน
“พอรู้ว่าวันนี้ (4 พ.ย.) มีการเปลี่ยนดอกไม้ใหม่ก็อยากมาช่วย อยากทำถวายสมเด็จท่าน โดยเตรียมกรรไกรมาจากบ้านด้วย เพื่อเอามาตัดกิ่ง ก้านดอกไม้ เตรียมให้ช่างเอาไปปักตกแต่ง จริงๆ แล้วก็เคยมีประสบการณ์ไปช่วยงานแบบนี้มาก่อน เป็นงานของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี”
ดาราใจบุญก็ด้วย
จอยศิริลักษณ์ ผ่องโชค ดาราสาวสวยเสียงเพราะ ในฐานะเป็น “เด็กวัดบวรฯ” คนหนึ่งที่เป็นเจ้าภาพดอกไม้ร่วมกับเพื่อนๆ พี่ๆ คนบันเทิงในวันนี้ เล่าว่า ได้ช่วยงานของสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชมาหลายปี โดยรู้จักกับ พระราชรัตนมงคล (ผู้ช่วยเลขานุการฯ) และ พระครูสังฆรักษ์สิทธิกร ซึ่งเวลามีงานบุญทั้งสองท่านจะบอกบุญมาก็จะไปช่วยตลอด ส่วนใหญ่จะเป็นพิธีกรในงานของวัด
“จอยรู้จักท่านทั้งสองรูปหลังจากเข้ารับประทานรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและพระพุทธศาสนาจากสมเด็จพระสังฆราชที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เมื่อหลายปีมาแล้ว จากนั้นก็ช่วยงานวัดบวรฯ ตลอด และวันนี้จอยร่วมกับครอบครัว เพื่อนๆ พี่ๆ นักแสดงที่สนิทกัน ร่วมบริจาคเงินเป็นเจ้าภาพดอกไม้ และจอยเองก็ได้มาช่วยจัดดอกไม้กับพี่ๆ ช่างดอกไม้ด้วย”
ก่อนนี้ สาวจอยเคยจัดพิมพ์หนังสือที่เป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราชเพื่อแจกจ่ายมาแล้ว 2 เรื่อง คือ วิธีสร้างบุญบารมี พิมพ์จำนวน 5,000 เล่ม และเรื่องพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร จำนวน 7,000 เล่ม โดยเรื่องที่สองนั้นเธอร่วมกับเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พร้อมครูอาจารย์ คุณหมอ บริจาคเงินเพื่อจัดพิมพ์เพื่อมาแจกในงาน 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา และยังเหลือมาแจกในงานพระศพอีกด้วย แต่ตอนนี้หมดแล้ว
ดาราสาวอีกคนที่ร่วมเป็นเจ้าภาพดอกไม้และเดินทางช่วย คือ กบปภัสรา เตชะไพบูลย์ เล่าว่า ร่วมเป็นกับจอย และวันที่ 9 ธ.ค.ที่จะถึงก็รับเป็นเจ้าภาพดอกไม้อีกครั้งหนึ่ง โดยที่จองวันนี้เพราะน้องเหนือ (ด.ญ.ดิสรยา) เกิดวันที่ 9 ธ.ค. และเป็นชื่อที่สมเด็จพระสังฆราชประทานด้วย
ทั้งนี้ การเปลี่ยนดอกไม้ใหม่จะมีขึ้นในทุกๆ 4-5 วัน แล้วแต่ความเหมาะสม และจะจัดไปตลอดจนกระทั่งงานออกพระเมรุ ส่วนใครที่อยากจะร่วมเป็นเจ้าภาพดอกไม้ ก็สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
พระตำหนักคอยท่าปราโมช
สร้างขึ้นในปี 2478 โดยหม่อมเจ้าหญิงคอยท่า ปราโมช เพื่อน้อมถวาย สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ครั้งทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรฯ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต) ตั้งชื่อว่า “ตึกคอยท่า ปราโมช” โดยรื้อกุฏิไม้ที่ปลูกอยู่ในที่จะสร้างเดิมออกไปปลูกในที่ใหม่
พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศและกรรมการประชาสัมพันธ์ ประจำสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า หลังจากเสร็จแล้วในเวลาต่อมา สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ซึ่งประทับ ณ พระตำหนักบัญจบปัญจมา ก็โปรดให้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ครั้งเป็น “พระมหาเจริญ สุวฑฺฒโน” พระเลขานุการในพระองค์ มาพำนักและเป็นพระรูปแรกและรูปเดียวที่พักที่กุฏินี้ถึงปัจจุบัน
“พระตำหนักเป็นกุฏิตึก 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นชั้นที่สมเด็จฯ ไว้ใช้รับแขกและทรงงาน ชั้นที่ 2 และ 3 ใช้สลับกัน เป็นห้องประทับและไหว้พระนั่งสมาธิ ส่วนดาดฟ้าทรงใช้เป็นที่เดินจงกรมในช่วงเช้าและค่ำ โดยพระองค์จะทรงตื่นตั้งแต่ตี 3 ตี 4 ลงมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ เช้ามาก็รับแขก และเสวยมื้อเดียว ใช้ชีวิตสมถะ เพราะทรงเน้นพระกรรมฐานตามพระอาจารย์กรรมฐานองค์แรกของพระองค์คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์”


