ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ สำคัญที่ต้องเป็นผู้นำในธุรกิจ 
ความรู้นั้นอัดแน่นแถมในเชิงของการบริหารธุรกิจไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์สำหรับ ดร.บี “สุริยา พูลวรลักษณ์”
โดย...วรธาร ภาพ วีรวงศ์ วงค์ปรีดี
ความรู้นั้นอัดแน่นแถมในเชิงของการบริหารธุรกิจไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์สำหรับ ดร.บี “สุริยา พูลวรลักษณ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และบริษัท เมเจอร์ เรสซิเด้นส์ ในเครือของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทายาทคนเก่งอีกคนของ “จำเริญ พูลวรลักษณ์” เพราะหลังจากทำดอกเตอร์ที่สหรัฐอเมริกาจบเรียบร้อยก็มาช่วยงานครอบครัวเต็มตัว
“ช่วยครอบครัวเรื่อยๆ ครับ ตามโอกาสและเวลา แต่ถ้าเข้ามาทำเต็มตัวเลยก็ตั้งแต่ปี 2549 ดูแลและบริหารธุรกิจคอนโดมิเนียม ทั้งอกัสตัน สุขุมวิท 22 รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา เอ็ม สีลม เอ็ม พญาไท เอ็ม ลาดพร้าว รวมทั้งธุรกิจโรงแรมอย่างมาราเกซ หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่หัวหิน อีกไลน์ธุรกิจที่ถูกเนรมิตขึ้นในปี 2555 ล่าสุด ที่กำลังผลักดันคือ มาร์ค สุขุมวิท (Marque Sukhumvi) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีแบบฟรีโฮลด์ (เจ้าของโครงการเป็นเจ้าของที่ผู้มาซื้อคอนโดก็กลายเป็นเจ้าของที่ร่วมกัน) กลางกรุง ย่านสุขุมวิทติดแนวรถไฟฟ้า”
ความสำเร็จของโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสามารถและฝีมือการปลุกปั้นของเขาได้เป็นอย่างดี และโครงการมาร์ค สุขุมวิท ก็คือเป้าหมายต่อไปที่เขาการันตีความแตกต่างเหนือระดับจากโครงการอื่นๆ ในย่านสุขุมวิทและติดแนวรถไฟฟ้า
“มาร์ค สุขุมวิท เป็นคอนโดระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีแบบฟรีโฮลด์ โครงการแรกของบริษัทและพัฒนาโดยบริษัทลูก คือเมเจอร์ เรสซิเด้นส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 39 ทำเลดีมากนอกจากอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์แค่ 30 เมตร ยังใกล้สถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ หรือดิ เอ็มโพเรียม 2 รวมถึงอาคารสำนักงานภิรัช ทาวเวอร์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า สวนเบญจสิริ เควิลเลจ และโรงพยาบาลสมิติเวช
ความสูงของตึก 222 เมตร มีทั้งหมด 50 ชั้น ติด 1 ใน 5 ของอาคารที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากตึกที่อยู่อาศัยทั่วๆ ไป คือเป็นรูปทรงของอัญมณี (Crystal Shape) พื้นที่ส่วนใหญ่ของอาคารเป็นกระจก ประกอบด้วย ห้องชุดหรู 148 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 2 ห้องนอน 2+1 ห้องนอน 3 ห้องนอน และห้องเพนต์เฮาส์ 7 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 120-180 ตร.ม. ส่วนห้องเพนต์เฮาส์มีพื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม.ขึ้นไป แต่ละชั้นมีห้องไม่เกิน 4 ยูนิต ทุกยูนิตมาพร้อมกับโถงลิฟต์ล็อบบี้ส่วนตัวและครัวไทย ส่วนห้องเพนต์เฮาส์มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย
ห้องแต่ห้องออกแบบต่างจากโครงการอื่นๆ กล่าวคือ ปกติโครงการอื่นจะแชร์กำแพงห้องร่วมกัน ซึ่งหากในห้องหนึ่งทำเสียงดังเสียงนั้นก็จะเล็ดลอดหรือกระเทือนมาถึงอีกห้องได้ แต่ของเราไม่เป็นอย่างนั้นถึงห้องจะติดกัน แต่เรามีกำแพงแยกต่างหากช่วยป้องกันเสียงรบกวนได้ในระดับหนึ่ง นี่คือแวลูที่เราเพิ่มให้โครงการ
นอกจากนี้ ทุกอย่างที่ใช้ในโครงการพรีเมียมสแตนดาร์ดหมด ไม่ว่าวัสดุ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องตกแต่ง เครื่องสุขภัณฑ์แบรนด์ดังระดับท็อปทั้งสิ้น รวมถึงสิ่งความอำนวยสะดวกในส่วนกลางก็ครบครัน เช่น ที่จอดรถประมาณ 282 คัน ฟิตเนส กอล์ฟซิมูเลเตอร์ ห้องเล่นสควอช ห้องสมุด สกายซิการ์และไวน์บาร์ รวมถึงสวนสวยงามบนชั้น 50”
โครงการระดับซูเปอร์พรีเมียมถูกพัฒนาขึ้นมา เพราะเขามั่นใจว่าความต้องการสำหรับที่อยู่อาศัยในระดับนี้ยังมีอยู่มากและเป็นการซื้อเพื่ออยู่จริงด้วย (เริ่มต้นที่ 30 ล้านบาทขึ้น หรือ 2.5 แสนบาทต่อ ตร.ม.) ประกอบกับต้องการฉีกออกมาจากตลาดระดับล่างกลางของโครงการที่อยู่แนวรถไฟฟ้าซึ่งแข่งขันกันสูง
“เมื่อตลาดคอนโดติดรถไฟฟ้าในปัจจุบันแข่งขันกันสูง เราเลยต้องฉีกตัวออกมาทำตลาดบนที่การแข่งขันไม่สูง เพราะไม่ค่อยมีใครทำ อีกอย่างเราเห็นว่าดีมานด์สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับนี้ยังมีอยู่เยอะ ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งคนไทยอาจอยู่ที่ 60% ต่างชาติที่อยู่และคุ้นเคยกับสุขุมวิทสัก 40%”
การจะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้นั้นแม้มีหลายปัจจัยเป็นองค์ประกอบ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในความเห็นส่วนตัวของ ดร.บี คือการเป็น “ผู้นำ” ในธุรกิจนั้นๆ ไม่ใช่ผู้ตาม
“ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามที่คนอื่นทำแล้วและทำได้ดี คนก็อาจทำตามบ้างและอาจจะเติบโตได้ แต่ผมคิดว่าคงไปได้ไม่ไกลที่สุดหากยังต้องตามเขาอยู่ ผมเชื่อว่าคนที่จะโตและไปได้ไกลที่สุดต้องเป็นผู้นำ กล้าแตกต่างและพร้อมที่จะทุ่มเทในธุรกิจนั้นๆ สำคัญมากคือ อินโนเวชั่น ความคิดและไอเดียใหม่ๆ ที่ต้องแตกต่างจากผู้อื่น” ดร.บีย้ำ
ดร.บี-สุริยา พูลวรลักษณ์
การศึกษา : ปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน และปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์ ด้านเศรษฐมิติประยุกต์และเศรษฐมิติจุลภาค มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ขณะศึกษาต่อปริญญาเอกเป็นผู้ช่วยทำวิจัย และผู้ช่วยสอนสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยอีกด้วย
การบริหารที่ยาก : คือการบริหารคน เพราะแต่ละคนมีบุคลิกนิสัยที่ต่างกัน แต่สิ่งที่ยึดมั่นเสมอในการบริหาร คือหลักธรรมาภิบาล คือ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน หัวหน้าไม่ได้ถูกเสมอไป หัวหน้าไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องเสมอไป เราต้องมองให้ออกเพราะไม่อย่างนั้นจะเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นในองค์กรซึ่งไม่เป็นผลดีต่อองค์กร
สไตล์การทำงาน : ให้ความสำคัญกับทีมเวิร์ก “ผมไม่ได้อยู่เหนือคนอื่น เราทำงานร่วมกัน เลเวลเท่ากัน ผมให้เกียรติทุกคน ทุกแผนก ขอเพียงทุกคนทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด”
งานอดิเรก : ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ เช่น แอลเอ ลาสเวกัส นิวยอร์ก บอสตัน เพื่อดูสถาปัตยกรรมต่างๆ แล้วนำความรู้และประสบการณ์มาปรับใช้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว


