เชฟจีจี้...มีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าครัว

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

หากใครผ่านไปผ่านมาแถวย่านทองหล่อ จะสังเกตเห็นว่ามีร้านอาหารเก๋ๆ อยู่ร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของทองหล่อซอย 10 มีชื่อร้านว่า ฮินต์ คาเฟ่ (Hint Cafe) ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ เขาเล่าลือมาว่า เจ้าของร้านเป็นเชฟฝีมือดีอีกด้วย

งานนี้เราเลยไม่รอช้า รีบไปคว้าตัว “เชฟจีจี้-ธัญชนก ชุมวรฐายี” มาแนะนำให้คุณๆ ได้รู้จักเป็นการด่วน ขอบอกว่าเชฟจีจี้เป็นคนที่บุคลิกเท่ๆ อยู่มิเบา

“จี้เรียนที่เมืองไทยจนถึงอายุ 17 ก็ไปเรียนต่อที่สหรัฐ เรียนด้านบริหารธุรกิจ แล้วก็ย้ายไปเรียนเศรษฐศาสตร์ เปลี่ยนไปเรียนบัญชี เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะไม่ชอบ แม่เลยถามว่ามาลองทำกับข้าวมั้ย คงเพราะจี้โตมากับร้านอาหารของคุณแม่ตั้งแต่เด็ก เห็นแม่ทำงานตลอด ช่วยแม่เช็กของบ้าง อีกทั้งจี้ยังชอบทำกับข้าว แต่ไม่รู้ตัวเอง พอได้เข้าครัว มักจะอารมณ์ดี แม่เลยให้จี้ย้ายไปเรียนการจัดการโรงแรมที่โรงเรียนการโรงแรมที่ดังอันดับ 2 ของอเมริกา พอจี้ได้ไปเรียน ก็สนุกดีนะ เรียนดีด้วย บางทีสอบก็ได้คะแนนเต็ม พอเรียนไป แป๊บเดียวก็จบ”

เชฟจีจี้ เล่าว่า เธอได้ไปฝึกงานที่โรงแรมปารีส ลาสเวกัส ซึ่งเธอได้ความเป๊ะมาจากการฝึกงาน ซึ่งความเป๊ะก็ได้ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้

“พอฝึกงานเสร็จ จี้ก็กลับมาเมืองไทย จี้ได้มาทำงานที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ทำอยู่ในส่วนครัวร้อน ทำมาประมาณ 3 ปี ได้ร่วมงานกับเชฟต่างประเทศที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งจี้ก็ได้ประสบการณ์ดีๆ เยอะแยะมาก ตลอด 3 ปีที่จี้ทำงานที่นี่ บอกได้เลยว่าจี้ไม่เคยสนใจเรื่องเวลาเลย มันทำแล้วสนุก ไม่รู้สึกเบื่อ เลยเป็นคนไม่เคยมองว่าจะต้องเลิกงานกี่โมง”

จนมาถึงวันหนึ่ง วันที่คุณแม่ของเธอได้ที่ดินตรงหัวมุมปากซอยทองหล่อซอย 10 เธอเลยได้รับโจทย์ให้ทำร้านอาหาร ซึ่งเชฟจีจี้ มองว่า นี่คงเป็นบัญชาจากสวรรค์ที่คงถึงเวลาให้เธอออกมาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง

“พอจี้ออกมาทำร้านอาหารเอง ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ เพราะต้องออกแบบร้าน ออกแบบเมนูอาหารต่างๆ จี้ใช้เวลาทำร้านนี้ประมาณ 3 เดือน ก็ถือว่าเร็วมาก เพราะค่าเช่าร้านมันเดินทางของมันไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) ก็เปิดไป แก้ไขไป ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แถวนี้ฝรั่งเยอะ ก็มีเพิ่มเมนูที่เหมาะกับฝรั่งไปด้วย”

 

 

นับตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ เชฟจีจี้เปิดร้านมาแล้วกว่า 6 เดือน สิ่งที่เชฟจีจี้ได้เรียนรู้ นั่นคือการทำร้านอาหาร คือความภาคภูมิใจของชีวิต เหนื่อยหนักแค่ไหนก็สนุกไปกับมัน ไม่เคยเบื่อหน่าย

“จี้เป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจในเมนูอาหาร ใส่ใจวัตถุดิบ จี้เป็นคนที่รักครัว ห่างจากครัวออกมานานไม่ได้ จี้ต้องขอเข้าไปจับกระทะ หรือทำอาหารสักเมนูหนึ่งอยู่ทุกวัน เพราะความสุขของจี้คือการได้เห็นรอยยิ้มจากความพึงพอใจของลูกค้าและทุกคนที่มาในร้าน”

เชฟจีจี้ เผยว่า เธอพยายามทำเมนูอาหารให้ลูกค้าไม่เบื่อ ด้วยการมีเมนูใหม่ๆ อยู่ทุกวัน “จี้พยายามครีเอตใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า มาวันนี้ ได้ทานเมนูแปลกใหม่ มาวันไหนก็จะได้ไม่เจอเมนูซ้ำๆ ทำให้ต้องมาทานอาหารที่ร้านนี้เท่านั้น เพราะที่อื่นไม่มีแน่ๆ แต่ขอให้โทรมาสั่งจองล่วงหน้าก่อนนะคะ จะได้ครีเอตได้ทันอย่างสุดฝีมือ”

 

ในส่วนของเมนูเด่นๆ ของเชฟจีจี้มีหลายตัวมากๆ (มีทั้งเมนูปลาแซลมอนรสชาติจัดจ้าน เนื้อออสเตรเลียวากิวสไลซ์บางพอดีคำ หรือซี่โครงหมูคัดสรร) แต่เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของเธอ มีชื่อว่า Gigi’s Signature Secret Crepe

“เมนูนี้เป็นเมนูอาหารแนวซีฟู้ดที่คลุกเคล้าด้วยครีมซอสแบบเบาๆ แล้วจี้ก็เติมรสชาติด้วยซอสเสาวรสค่ะ มันจะหอมหวานมันมากๆ เมนูนี้จี้ค่อนข้างภูมิใจ ใครมาต้องทาน และต้องชมว่าอร่อย (ยิ้ม)”

เชฟจีจี้เป็นคนชอบปาร์ตี้ และหาร้านอาหารอร่อยๆ “ส่วนใหญ่จะเน้นอาหารญี่ปุ่น เพราะจี้ชอบกินเนื้อย่าง ในร้านที่มีเนื้อดีๆ หรือร้านที่มีวิธีการทำที่ดี มีขั้นตอนการทำที่น่าสนใจ จี้ชอบครูพักลักจำร้านที่มีอะไรน่าสนใจ น่าเข้าไปเรียนรู้”

เชฟจีจี้เคยเป็นนักกีฬามาก่อน “สมัยเด็กจี้เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำและเทนนิส จี้เลยเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างใหญ่เป็นพิเศษ (หัวเราะ) แต่พอโตขึ้นก็ไม่ได้เล่นแล้ว”

ความบันเทิงของเชฟจีจี้ “ในส่วนของความบันเทิง จี้ไม่ค่อยได้ฟังเพลง แต่จี้ชอบดูหนังตามโรง แต่ไม่ชอบซื้อหนังแผ่นมาเก็บไว้ เพราะไม่อยากให้รกบ้าน”

Gigi’s Signature Secret Crepe

ส่วนผสม

ปลาหมึก กุ้ง หอยเชลล์ ปลาเนื้อขาว (รวมกันให้ได้ประมาณ 40 กรัม)

แป้งเครป 1 แผ่น

ต้นหอมลวก 1 เส้น

กระเทียมสับ

ผักโขมผัดเนย

ซอสเสาวรสพูเร

วิปปิงครีม ครึ่งถ้วย

เนย 50 กรัม

วิธีทำ

1.ในส่วนของซีฟู้ด ให้ใส่น้ำมันลงไปในกระทะนิดหน่อย แล้วใส่ปลาหมึก กุ้ง หอยเชลล์ และปลาเนื้อขาวลงไป ตามด้วยกระเทียม หลังจากนั้นเติมวิปปิงครีม แล้วปรุงรสตามใจชอบด้วยเกลือกับพริกไทยดำ แล้วตามด้วยเนย

2.ในส่วนของผักโขมผัดเนย ให้ใส่น้ำมันลงไปในกระทะ ที่ตั้งไฟด้วยความร้อนปานกลาง หลังจากนั้นตามด้วยผักโขมสด และตามด้วยเกลือ พริกไทย แล้วเนยพอให้หอมหวน

3.ในส่วนของซอสเสาวรสพูเร นำน้ำเสาวรสพูเร ใส่เนย เกลือ พริกไทยดำ และเนย ชิมรสตามใจ ตั้งไฟให้เดือดประมาณ 23 นาที แล้วจึงใช้ต้นหอมผูกตัวเครป