posttoday

นิกม์ พิศลยบุตร กับกลยุทธ์ทางปัญญาเพื่อความยั่งยืน

08 ตุลาคม 2556

ใครคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า โลกปัจจุบันคือการขัดเกลาและปรับปรุงใหม่หมด นั่นอาจสะท้อนแง่มุมทางความคิดของมนุษย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจากอดีต “โลก”

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

ใครคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า โลกปัจจุบันคือการขัดเกลาและปรับปรุงใหม่หมด นั่นอาจสะท้อนแง่มุมทางความคิดของมนุษย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจากอดีต “โลก” กำลังเปลี่ยนแปลงในทุกทิศทุกทาง นิกม์ พิศลยบุตร ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมุมมองเรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลกที่น่าสนใจ

“โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตรงหน้าของเรา ดูอย่างปัญหาโกลบอลวอร์มมิง สภาวะอากาศแปรปรวนที่คุกคามมนุษย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สาเหตุหนึ่งเกิดจากน้ำมือมนุษย์เองที่ทำร้ายธรรมชาติเพราะความเห็นแก่ตัว” นิกม์ เล่า

นิกม์ ปัจจุบันในวัย 40 ปี นอกจากจะเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของศูนย์บริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนของสถาบันศศินทร์แล้ว เขายังเป็นตัวแทนในประเทศไทยของโคซ์ ราวด์ เทเบิล (Coux Round Table) เครือข่ายระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนธรรมาภิบาลในภาครัฐและเอกชน ทำหน้าที่ออกแบบกลยุทธ์ทางปัญญาและเครื่องมือในการสร้างสังคมโลกที่ยั่งยืน

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าปล่อยให้โลกหมุนเหวี่ยงไปตามยถากรรม นิกม์ บอกว่า จุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจปัญหาความยั่งยืนอย่างจริงจัง ก็เมื่อหลายปีก่อนที่ได้ร่วมเป็นสมาชิกของสโมสรโรตารี กรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นสโมสรเอกชนที่มุ่งเน้นให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเขายังได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสโมสรตั้งแต่เดือน ก.ค. 2555มิ.ย. 2556 ที่ผ่านมาด้วย

“โรตารี กรุงเทพใต้ ทำให้ผมได้เข้ามาอยู่ในโลกของความยั่งยืน จากการได้ร่วมทำงานกับกลุ่มคนและองค์กรธุรกิจที่ไม่หวังผลกำไร โลกทุนนิยมเยียวยาได้ด้วยกลยุทธ์ ด้วยปัญญา ด้วยเครื่องมือ และด้วยกำลังกายกำลังใจจากทุกส่วนทุกฝ่าย” นิกม์ เล่า

นิกม์ จบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์จาก University of Bristol สหราชอาณาจักร และจบปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจจากสถาบันบัณฑิตฯ ต่อมาในปี 2549 เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาแก่นิสิตปริญญาโทในหัวข้อการทำแผนธุรกิจของศศินทร์ รวมทั้งในปี 2553 ก็รับอีกตำแหน่ง คือ เป็นอาจารย์สอนภาควิชาความรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อสังคม (Sustainability Management)

“การเป็นที่ปรึกษาให้แก่ทีมนิสิต เริ่มจากตัวผมเองขณะที่เรียนปริญญาโท ได้เข้าแข่งขันในการแข่งขันเขียนแผนธุรกิจระดับนานาชาติของ Moot Camp ซึ่งมีทีมจากทั่วโลกเข้าแข่งขัน ผมคว้ารางวัลกลับมาและทำให้ศศินทร์จัดทีมไปแข่งทุกปีหลังจากนั้น”

ในหลายปีที่ผ่านมา ทีมนิสิตปริญญาโทจากศศินทร์สามารถคว้ารางวัลอย่างสม่ำเสมอ สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติ นิกม์ เล่าว่า ในฐานะที่ปรึกษาก็มีความภาคภูมิใจ รวมทั้งตื่นเต้นได้ทุกครั้งกับการแข่งขัน ล่าสุดคือ การคว้ารางวัลที่ 3 เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา นั่นหมายถึงการรับประกันที่นั่งในสนามการแข่ง ที่ศศินทร์จะได้ที่นั่งรอบลึกๆ อย่างแน่ๆ สำหรับการแข่งขัน 3 ปีข้างหน้า

นอกจากจะโค้ชหรือแนะนำเรื่องความเหนือชั้นของการสร้างแผนธุรกิจที่เอาชนะได้ในเวทีโลก นิกม์ บอกว่า ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การปลูกฝังด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมโลกให้แก่ผู้เรียน ศศินทร์เป็นหนึ่งในสถาบันศึกษาหลักของประเทศ ถือเป็นหน้าที่และความจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญนี้

“โลกของเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดี ก็เพราะความโลภของมนุษย์ที่กอบโกยเอาจากทุกอย่าง สิ่งที่เราต้องทำ คือ การปลูกฝังเรื่องศีลธรรมจริยธรรม การทำธุรกิจที่ไม่เอาเปรียบโลก จิตใจของผู้คนรุ่นใหม่ที่ต้องเกื้อกูลต่อสังคมที่เราอยู่ ต้องทำเดี๋ยวนี้และต้องทำในระดับดีเอ็นเอ คือ ปลูกฝังเข้าไปในดีเอ็นเอขององค์กร ค่านิยม และวัฒนธรรม”

นิกม์ บอกว่า สำหรับประเทศไทยคือรากฐานของพุทธศาสนา ที่บ่มเพาะพุทธศาสนิกชนให้เดินทางสายกลางอยู่แล้ว การทำธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ควรเดินให้อยู่ในความพอดี โดยศาสนาพุทธ ความเป็นไทย และความเป็นภราดรภาพ ที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยนี้เอง จะช่วยนำให้สังคมไทย “กลับ” มาได้

ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนผู้นี้ ยังมีบทบาทในองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรอีกหลายแห่ง รวมทั้งเป็นประธานร่วมเครือเน็ต อิมแพค (Net Impact) ในประเทศไทย เครือข่ายทั่วโลกของนิสิตและผู้ประกอบการธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ คือ การร่วมก่อตั้งและดำรงตำแหน่งนายกสมาคมส่งเสริมจริยธรรมและธรรมาภิบาลไทย (Corporate Responsibility & Ethics Association for Enterprise) รวมทั้งได้รับเกียรติให้เป็นผู้นำโลกรุ่นใหม่ (Young Global Leader) ของ World Economic Forum ในปี 2554 อีกด้วย

ล่าสุดในวันที่ 10 ต.ค.นี้ องค์กรโคซ์ ราวด์ เทเบิล ร่วมกับหอการค้าไทย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) จะเป็นเจ้าภาพจัดงานการประชุมระดับชาติ “Global Dialogue on Sustainable Development” ซึ่งเป็นครั้งแรกของอาเซียนในการเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนและสาธารณชน ตระหนักในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอนาคต คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่าพันคนและตัวแทนที่ได้รับเชิญกว่า 300 คน

นิกม์ เล่าว่า จะมีการประเมินผลและความคืบหน้าของการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากทั่วโลก โดยนักวิชาการ ผู้นำทางธุรกิจ และชุมชน จะได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ที่สำคัญ คือ Noeleen Heyzer เลขาธิการบริหาร คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก, Dr. Gayle C. Avery ศาสตราจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการ Macquarie และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสถาบันภาวะผู้นำเพื่อความยั่งยืน

“เราจะได้เห็นผลกระทบทางด้านศีลธรรมและจริยธรรมที่ชัดเจนจากเวทีนี้ รวมทั้งจะได้วางแนวทางและแก้ไขให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ประเทศไทยได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นต้นแบบการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะนำจุดแข็งด้านนี้มาแลกเปลี่ยนในเวทีระดับประเทศครั้งนี้ด้วย”

ความเป็นไปได้ของการทำธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมโลก

ชื่อ นิกม์ พิศลยบุตร

อายุ 40 ปี

เกิด 20 เม.ย. 2516

การศึกษา

2546-2547 ปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ (Finance & Marketing) สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2541-2542 ปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์ (Neuro Physiology) จาก University of Bristol สหราชอาณาจักร

การทำงาน

2549-ปัจจุบัน อาจารย์ประจำวิชา Sustainability Management สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2554-ปัจจุบัน อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการแข่งขันเขียนแผนธุรกิจ (Moot Camp)

ปัจจุบันนิกม์ยังเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และเจ้าของธุรกิจด้านตลาดดิจิตอล อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการอาหาร และพลังงานทางเลือก ฯลฯ

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน