ไพโรเซีย-เฟินลิ้นกุรัม
หากเข้าไปดูที่ลำต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไปทางภาคใต้เรา อาจพบเฟินสกุลลิ้นกุรัมเลื้อยเกาะอยู่อย่างหนาแน่น เราสังเกตเห็นมันได้ง่าย
หากเข้าไปดูที่ลำต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไปทางภาคใต้เรา อาจพบเฟินสกุลลิ้นกุรัมเลื้อยเกาะอยู่อย่างหนาแน่น เราสังเกตเห็นมันได้ง่าย เพราะใต้ใบเฟินดังกล่าวมักถูกปกคลุมด้วยขนสีสนิม – สีส้มอมแดง หรือสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งชื่อสกุลในภาษาละติน คือ ไพโรเซีย มาจากภาษากรีกแต่เดิม คือ ไพรอส (Pyrros) หมายถึงสีแดงนั่นเอง ในภาษาอังกฤษเขามักเรียกชื่อเฟินสกุลนี้ว่า Felt Ferns หมายถึง เฟินที่มีลักษณะคล้ายขนสัตว์หยาบ ซึ่งเป็นผลมาจากขนที่ปกคลุมใบเฟินสกุลนี้นั่นเอง ขนของเฟินสกุลนี้จะเกาะติดอยู่จนใบแก่ทั้งๆ ที่ผิวใบบนมักเรียบด้วยนั้นอาจหลุดไปแล้วก็ได้ ใบเฟินสกุลนี้มักหนาอวบน้ำ ผิวใบบนอาจมีขี้ผึ้งเคลือบ ทำให้ทนทานต่อการขาดน้ำ
เฟินไพโรเซียมีใบสองแบบ ใบที่ไม่สร้างสปอร์ แตกต่างจากใบที่สร้างสปอร์ บางชนิดใบที่ไม่สร้างสปอร์มีรูปกลม ในขณะที่ใบสร้างสปอร์มีใบยาวและรูปร่างกว้างกว่าสปอร์ของเฟินไพโรเซียบางชนิด เช่น Pyrrosia splendens จะปนไปกับขนสีสนิม ใบของไพโรเซียส่วนมากจะหนาเหนียวคล้ายหนัง แต่ชนิดอื่นอาจมีผิวเรียบเป็นมันสีเขียวอมน้ำเงินคล้ายผิวโลหะเคลือบ เหง้าของเฟินไพโรเซียอาจมีขนหรืออาจมีผิวเรียบก็ได้
เฟินสกุลลิ้นกุรัมมีอยู่ราว 74 ชนิด โดยจัดอยู่ในวงศ์โพลีโพเดียม (Polypodiaceae) ส่วนมากพบในทวีปเอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยทั่วไปมักเป็นเฟินอิงอาศัย หรือพบตามผาหิน โดยมากเราพบเห็นตามผาหินที่ได้รับแสงแดดจัด เฟินสกุลลิ้นกุรัมอาจแข่งขันกับเฟินที่ชอบร่มได้ดี และมักพบตามผาหินริมถนนที่มีแสงแดดจัด
เมื่อสักสิบปีที่ผ่านมามีผู้นำเอาเฟินไพโรเซียมาปลูกเลี้ยงเป็นการค้าในกรุงเทพฯ แต่ในฟิลิปปินส์เฟินเหล่านี้ได้รับความนิยมน้อยกว่าเฟินใบมะขาม (บอสตันเฟิน) เฟินข้าหลวง เฟินก้านดำ และชายผ้าสีดา ปัจจุบันเฟินผักปีกไก่ (Pyrrosia adnascens) พบได้ทั่วไปตามสวนยางเก่า และสามารถพัฒนาเป็นไม้กระถางแขวนได้ดี เฟินสกุลนี้หลายชนิดพัฒนาเป็นพืชส่งออกได้ดี เพราะทนทานและมีความสวยงามแปลกตาสำหรับผู้ปลูกเลี้ยงเฟินในสหรัฐและยุโรป
เฟินลิ้นกุรัม (P.lingua var. heteractis) นิยมปลูกกันในญี่ปุ่น จีน มีการกลายพันธุ์ไปเป็นพันธุ์ปลูกการค้ามากมายหลายรูปแบบ ซึ่งถูกนำเข้ามาปลูกเลี้ยงในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน
เฟินสะโมง (P.longifolia) พบในป่าดิบชื้นหลายจังหวัด นอกจากนี้ยังพบในฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เฟินชนิดนี้มีกลายพันธุ์ไปเป็นพันธุ์ที่ปลายใบแตกเป็นกิ่งก้านสาขา แต่รวมเรียกว่า P.longifolia “Crestata”
เกล็ดนาคราชใบขน (P.nummularifolia) เป็นเฟินที่มีใบกลมคล้ายเกล็ดนาคราช แต่สำหรับเฟินชนิดนี้ ด้านล่างมีขนสีน้ำตาลปกคลุมหนาแน่น พบทั่วไปในป่าภาคใต้และทั่วไป รวมทั้งฟิลิปปินส์
ในเชิงพาณิชย์แล้วเฟินไพโรเซียเป็นเฟินที่ปลูกจำหน่ายได้ดี เพราะมีความสวยงามทนทานปลูกเลี้ยงง่าย หากปลูกเลี้ยงให้เต็มกระถาง อาจจำหน่ายได้ในราคาสูง เนื่องจากความสวยงามแปลกตาของเฟินดังกล่าว
เทคนิคการปลูกเลี้ยง
วิธีการปลูกเลี้ยงเฟินไพโรเซียที่ดี คือ การมัดเหง้าติดกับแก่นไม้เนื้อแข็ง โดยมีกาบชายผ้าสีดามัดร่วมไปด้วย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ราก นอกจากนี้อาจปลูกเหง้าลงในกระเช้าลวดถัก ซึ่งปูพื้นด้วยรากชายผ้าสีดาหั่น ถ่านไม้และกาบมะพร้าว เนื่องจากเฟินสกุลนี้เป็นเฟินอิงอาศัยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องฉีดพ่นน้ำเป็นละอองฝอยให้ในระยะแรก และหาที่แขวนใต้ร่มไม้ใหญ่ จนกว่าจะตั้งตัว แต่ต่อมาจึงขยับขยายแขวนในที่ได้รับแสงแดดมากขึ้นตามลำดับ การใช้ปุ๋ยออสโมโค้ทสูตร 141414 NPK โรยให้เป็นระยะทุก 3 เดือน ช่วยให้เฟินสกุลนี้เติบโตได้ดี
ชนิดที่นิยมปลูกกันทั่วโลก
Pyrrosia angustata พบในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
P.confluens พบในการค้าในออสเตรเลีย
P.costata พบในออสเตรเลีย
P.eleagnibolia พบในนิวซีแลนด์
P.fallax พบในการปลูกเลี้ยงที่ตอนใต้ของสหรัฐ ฟลอริดา
P.nummularifolia พบทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Pyrrosia lingua
เฟินขนาดเล็กกลาง มีเหง้าทอดยาวพบในจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย มีพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์ได้แก่ var.hetera ctis และ var.lingua พันธุ์ lingua มีการกลายพันธุ์มากมายต่างกันที่การแตกพูระบายบนขอบใบ ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมในเชิงการค้าไม้กระถาง
การขยายพันธุ์และประโยชน์นอกจากด้านไม้ประดับ
การขยายพันธุ์ทั่วไปทำโดยการตัดเหง้ามาชำ เฟินสกุลนี้มีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญ คือ มีคุณสมบัติต่อต้านไวรัส ซึ่งควรแก่การศึกษาด้านเภสัชวิทยาต่อไป


