อะไรคือ ปาราชิกสังฆาทิเสสของภิกษุในพุทธศาสนา!!! (ตอน ๘)
การประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ หากล่วงเกินในสิกขาบทเหล่านั้นก็จะต้องเป็นบาป รับโทษ
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
การประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ หากล่วงเกินในสิกขาบทเหล่านั้นก็จะต้องเป็นบาป รับโทษ บาปนั้นตกนรกลึกในแต่ละชั้นแล้วแต่ผลแห่งการกระทำนั้นหรือตัวอาบัตินั้นๆ ซึ่งคงไม่ต้องกล่าว ณ ที่นี้ แต่อาจจะยกพอเข้าใจ เช่น อาบัติปาราชิก ปาราชิกคือความพ่ายแพ้ เป็นความพ่ายแพ้ในพระพุทธศาสนาหรือตายไปจากพระศาสนานี้ หากต้องเข้าแล้วยังไม่ปฏิญาณตนเป็นคฤหัสถ์คือไม่ลาออกไปหรือเปลี่ยนเพศออกไป ยังสวมผ้ากาสา แสดงความเป็นสมณะทั้งที่ไม่เป็นสมณะ ก็จะทำให้ตกถึงอเวจีนรก อันมีอายุยืนกัปหนึ่ง หรืออาบัติสังฆาทิเสส มีอายุยืนในนรกมหาตาปนรก มีอายุยืนกึ่งกัป ในอาบัติข้อต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน ก็มีการแจกแจงไปตามอาบัตินั้นๆ และนรกนั้นๆ ควบคู่กันไป ตามอายุการชดใช้ผลกรรมในนรกนั้นๆ รวมอาบัติทั้งหมด ๗ กองตามที่กล่าว
เพราะฉะนั้น จึงให้เข้าใจว่า การเข้ามาเป็นพระภิกษุในพระศาสนา เมื่อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็เป็นอานิสงส์กุศลเป็นคุณอนันต์ ในขณะเดียวกันถ้าประพฤติผิดแล้วเป็นโทษมหันต์ แม้เพียงอาบัติในเสขิยวัตรตัวเดียวแล้วไม่แสดง แช่อยู่ในอาบัติเห็นว่าเป็นเล็กน้อย ย่อมทำให้บาปเจริญเติบโต อาจยิ่งกว่าปาราชิกแล้วต้องรับผลแห่งอาบัตินั้นๆ จึงเห็นตามที่กล่าวไว้ในครูบาอาจารย์ทั้งหลายว่า ภิกษุสามเณรไปตกนรกกันนับไม่ถ้วน เพราะดูหมิ่นศีล ดูหมิ่นวินัยกันมากนัก ดังที่มีกล่าวไว้ในบาลีว่า...
สมัยพระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธบริษัทในพระพุทธศาสนา ถ้ามี ๔ ส่วนก็ไปสวรรค์หมดทั้ง ๔ ส่วน ไม่ไปนรกเลย ในศาสนาของพระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า ในมหาภัทรกัป เพราะในสมัยนั้นประกอบการกุศลกันทั้งนั้น ไม่พระนิพพานที่สุด ไม่เป็นอริยบุคคลที่สุด ก็เข้าคติของสวรรค์กันหมด นรกไม่มีสัตว์ไปผุดไปเกิดในยุคนั้น เมื่อเข้าสู่ศาสนาของพระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธบริษัททั้ง ๔ ส่วนก็แบ่งไปสวรรค์ ๓ ส่วนไปนรก ๑ ส่วน เริ่มมีลงนรกบางส่วน ๑ ต่อ ๓ แต่ก็ยังมีผู้ทำความดีมากกว่าความชั่วในยุคสมัยของพระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเข้าสู่ศาสนาของพระพุทธกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๓ ในมหาภัทรกัป พุทธบริษัทก็แบ่งเป็นครึ่งๆ จาก ๔ ส่วน คือ ไปสวรรค์ ๒ ส่วน ไปนรก ๒ ส่วน คือ ทำดีครึ่งหนึ่งทำชั่วครึ่งหนึ่งของมหาชนในยุคนั้น
(อ่านต่อฉบับหน้า)


