แต่งตัวสไตล์ข้าราชการตามวัย
ใครที่ติดภาพว่าข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นคุณหนู แข่งกันแต่งตัวหรือใช้ของแบรนด์เนมเหมือนในละคร ขอบอกวันนี้จะได้เห็นอีกมุม
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล และอรวรรณ จันทร์ธิวัตรกุล ภาพปุ้ม, เสก
โสด
นักการทูตสาว
เน้นถูกกาลเทศะ เรียบแบบมีสไตล์
ใครที่ติดภาพว่าข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นคุณหนู แข่งกันแต่งตัวหรือใช้ของแบรนด์เนมเหมือนในละคร ขอบอกวันนี้จะได้เห็นอีกมุมจากนักการทูตสาวสวยอนาคตไกลอย่าง “พายพัดชา ศรียะพันธ์” นักการทูตปฏิบัติการ (เลขานุการโท) วัย 28 ปี
ก่อนอื่นสาวพาย กล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ไม่มีแน่นอน เพราะไม่ค่อยมีเวลามาหยุมหยิมกับการแข่งแต่งตัวสวย แต่วันไหนเห็นใครแต่งตัวสวยก็จะชมกัน พร้อมแซวว่าคงมีประชุมอย่างเป็นทางการแน่ๆ
สำหรับสไตล์การแต่งตัว พายให้คำจำกัดความไว้ 3 คำ คือ (ถูก) กาลเทศะ เรียบ (ร้อย) แต่ต้องมีสไตล์ วันทำงานก็จะเน้นแต่งตัวให้เรียบร้อย มิดชิด ส่วนใหญ่จะเลือกใส่เป็นชุดเดรสกระโปรง ความยาวประมาณเข่า เพราะง่ายและลงตัวที่สุด เวลามีประชุมก็แค่ใส่สูททับเข้าไปก็เรียบร้อยแล้ว แล้วก็หาเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ เก๋ๆ สักชิ้นเสริมเข้าไปเพื่อไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป
“จะเลือกซื้อเสื้อผ้าแบบที่สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ให้สามารถใส่ทำงานได้ด้วย เพราะงานค่อนข้างเยอะ บางครั้งวันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน เช่นวันหยุดก็อาจนำเสื้อมาปรับใส่กับกางเกงยีนส์ก็ดูลุยๆ สบายๆ และคล่องตัวได้”
เสื้อผ้าที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นแบบเสื้อผ้าสตรี (Blouse) เสื้อเชิ้ตจะใส่น้อยมาก เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อนและลักษณะการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จึงไม่เหมาะและไม่นิยมสวมใส่
เธอยังเล่าต่ออย่างอารมณ์ดีว่า บางครั้งอยากใส่เสื้อผ้าตามแฟชั่นที่มีสีสันบ้าง แต่เปิดตู้เสื้อผ้าดูก็ต้องตกใจ (หัวเราะ) เพราะส่วนใหญ่มีแต่โทนสีขาว ดำ เทาและน้ำเงิน เพราะเสื้อผ้าสีพวกนี้ใส่ง่ายและไม่เบื่อ ส่วนเสื้อผ้าสีสดใสอย่างสีส้มและแดงก็พอมีบ้าง (แต่น้อยมาก)
“เรื่องแฟชั่นการแต่งตัว พายจะไม่ค่อยเน้นของแบรนด์เนมเท่าไหร่นัก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเงินเดือนราชการไม่ได้สูงนัก และถือว่าโชคดีที่มีสปอนเซอร์ดี (หัวเราะ) เพราะเผอิญว่าที่บ้านเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าสตรีอยู่แล้ว ชื่อร้าน ‘พรศรี’ ถ้าเป็นชุดทางการก็จะมีคุณแม่และคุณยายตัดให้ เพราะจะเนี้ยบกว่า”
ส่วนแบรนด์เนมก็มีซื้อบ้างนะ แต่ก็เป็นแบรนด์ระดับกลางๆ ที่พอหาซื้อได้ เช่น ซาร่า แม็กซิโมและแมงโก้ เสื้อผ้าที่ขายกันตามตลาดนัดก็เคยซื้อมาใส่ แต่จะเลือกแบบที่สามารถเอามามิกซ์แอนด์แมตช์กันได้”
เรียกว่าเป็นการเลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูดี ไม่ติดแบรนด์มากเกินไป เหมาะกับกาลเทศะและกำลังซื้อของตัวเอง ให้สมกับการเป็น (ตัวแทน) หน้าตาประเทศเวลาไปปฏิบัติหน้าที่ได้แบบไม่อายใคร
สำหรับการทำงานของสาวนักการทูตวัย 28 ปีนี้ ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่สูง ทำให้มีความคิดดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และการทำงานตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาก็มีโอกาสได้เรียนรู้งานและได้เจอคนใหม่ๆ ตลอดเวลา ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ทำให้รู้สึกท้าทายตลอด ส่งผลให้ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ
รวมทั้งตามธรรมเนียมปฏิบัติของนักการทูตเมื่อทำงานครบทุกๆ 3 ปี ก็จะต้องมีการหมุนเวียนตำแหน่งงานกัน จึงทำให้เป็นงานที่ไม่รู้สึกเบื่อ นอกจากนี้คุณพายยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาส่งตัวให้ลุยเดี่ยวออกไปประจำการ (โพสต์) ต่างประเทศ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่าน่าจะรู้ผลภายใน 1 ปี
“ถ้าเลือกได้ก็อยากจะออกโพสต์ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะเรากำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งขณะนี้เรื่องนี้เป็นนโยบายแกนหลักของกระทรวงการต่างประเทศ ก็เลยอยากจะไปเรียนรู้งาน (ยิ้ม)”
&<2288;
เกษียณ
ผ้าไหม...แบรนด์ไทย
ชุดโปรดปลัดกระทรวง
ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และเวลาที่เหลืออีกไม่ถึงเดือนก่อนเกษียณอายุ “วัชรี วิมุกตายน” ยังมีอะไรให้คนรอบข้างได้เรียนรู้และจดจำมากกว่าการนั่งตำแหน่งสูงสุดเป็นแน่
เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการทำงานที่สามารถเป็นแบบอย่างให้กับข้าราชการยุคใหม่ แต่การแต่งกายที่เหมาะสม ถูกกาลเทศะ และยังอนุรักษนิยมกับเสื้อผ้าแบรนด์ไทยๆ และใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก ย่อมเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับกุลสตรีสมัยนี้ได้ไม่ยาก
หากจำกัดความเรื่องสไตล์การแต่งตัวของปลัดวัชรีแล้ว คำว่า “กุลสตรีไทยร่วมสมัย” ดูจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งปลัดวัชรีบอกว่า การแต่งกายที่เป็นสไตล์ของตัวเองนั้น จะต้องรัดกุม เหมาะสม และถูกกาลเทศะ การแต่งกายมาทำงานจะเน้นแบบสุภาพ ใส่สบาย
“เสื้อผ้าที่ใส่มาทำงานส่วนใหญ่ก็จะเน้นการตัดฝีมือของช่างประจำตัว เสื้อผ้าทุกชุดจะเน้นรัดกุมเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าคนจะมองผู้หญิงเป็นลำดับแรกคงมองที่เสื้อผ้าการแต่งกาย อย่างวัยรุ่นสมัยนี้จะแต่งกายตามแฟชั่นนิยมก็ได้ แต่อยากให้ดูเหมาะสมและรัดกุม อย่าให้ชุดมาทำร้ายตัวเอง”
เสื้อผ้าที่ปลัดวัชรีใส่ส่วนใหญ่จะเป็นชุดผ้าไหม เพราะมองว่าใส่ได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะงานกลางวันหรืองานกลางคืน รวมทั้งใส่มาทำงาน และยังถือเป็นการอนุรักษ์สินค้าไทย ซึ่งเสื้อผ้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มาจากแบรนด์ไทย แม้แต่เนื้อผ้าก็เป็นของไทย และปลัดวัชรีก็อยากให้วัยรุ่นสมัยใหม่อนุรักษนิยมผ้าไหมของไทยด้วย
ทั้งนี้ เพราะมองว่าผ้าไหมไทยสมัยใหม่มีการออกแบบ และการผสมเนื้อผ้าที่สามารถนำมาประยุกต์และตัดเป็นเสื้อผ้าให้ดูตามสมัยนิยมได้ ไม่ใช่ว่าใช้ผ้าไหมแล้วจะต้องเป็นคนสูงอายุเท่านั้น อีกทั้งดีไซเนอร์คนรุ่นใหม่ปัจจุบันก็มีการออกแบบผ้าไหมให้ดูทันสมัยน่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับผ้าไหมไทย ที่คนไทยด้วยกันเองก็ควรจะอุดหนุน และใช้สินค้าไทยเป็นหลัก
“ตอนที่ผู้เข้าร่วมประชุม ครม.ต้องใส่ผ้าไหมมาประชุมทุกคนนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เมื่อทุกคนพร้อมใจกันใส่แบบพร้อมเพรียงกันทุกอย่างก็ออกมาสวยงาม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับหนุ่มสาวสมัยนี้”
นอกจากนี้ ยังมองว่าการใช้สินค้าแบรนด์ไทย รวมทั้งผ้าไทยนั้น มีราคาถูกกว่าแบรนด์เมืองนอก สนนราคาชุดผ้าไหมไทยนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าอยู่ที่ 2,0005,000 บาทเท่านั้น เปรียบเทียบกับแบรนด์เมืองนอกแล้ว ราคาถูกกว่ากันเกือบ 3040% และยังสามารถใช้ได้หลายงาน ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในยุคปัจจุบันได้อีกด้วย
“เมืองไทยมีดีที่ผ้าไหม ก็อยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ และควรภูมิใจในสินค้าไทยของเรา ซึ่งหลายประเทศก็ชื่นชมกับศิลปวัฒนธรรมของไทย ก็อยากให้คนรุ่นใหม่ชื่นชมกับความเป็นไทยนี้ไว้ เพราะให้สิ่งดีๆ อยู่คู่กับคนไทยไปอีกยาวนาน”
สำหรับการเลือกสีเสื้อผ้านั้นจะเน้นความเหมาะสม และถูกกาลเทศะเป็นหลัก ซึ่งสีโปรดปรานคือ สีขาว สีฟ้า สีเขียว เป็นหลัก แต่สีที่วัยรุ่นชื่นชอบ เช่น สีส้ม ก็สวมใส่เหมือนกัน รวมถึงชุดวันหยุดด้วย แม้จะไม่ได้ใส่ผ้าไหม แต่ก็จะเน้นเสื้อเชิ้ตที่ใส่สบาย ส่วนกางเกงจะเลือกกางเกงขายาว เพราะดูเหมาะสมกับทุกสถานที่
อย่างไรก็ตาม หากต้องการแต่งกายให้มีสีสันหรือทันสมัยบ้าง จะเน้นที่เครื่องประดับเป็นหลัก ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล ซึ่งช่วยให้การแต่งกายในแต่ละวันดูแตกต่างออกไปได้
เครื่องประดับที่ชื่นชอบส่วนใหญ่จะเน้นซื้อต่างหูเป็นหลัก โดยวัตถุดิบทำจากมุก เพราะสามารถใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะใส่ทำงานหรือแม้แต่วันหยุดอยู่บ้าน
วัชรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ยิ่งเป็นข้าราชการแล้ว การแต่งกายควรเป็นแบบอย่างให้กับสังคมสมัยนี้ ที่จะรักษาความเป็นไทย และไม่ใช่การแต่งกายเพียงอย่างเดียว การพูดการจาต้องอ่อนน้อม สุภาพ ก็ต้องทำควบคู่กันไปด้วย ซึ่งจะสะท้อนการใช้ชีวิตที่เป็นแบบแผนได้เป็นอย่างดี
และนี่คือตัวอย่างดีๆของข้าราชการในยุคปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงเก่งด้านการงานเท่านั้น แต่การทำหน้าที่ของกุลสตรีไทย ที่ควรยกย่องและเป็นแบบอย่าง ก็ยังสามารถปฏิบัติอย่างไม่มีข้อขาดตกบกพร่อง และหนึ่งในเครื่องยืนยันของกุลสตรีไทยร่วมสมัย ก็คือรางวัลสตรีดีเด่นประจำปี 2556 ที่ได้รับมอบจากสภาสตรีแห่งชาติ ถือเป็นรางวัลที่บอกความเป็นตัวตนของปลัดวัชรีได้เป็นอย่างดี


