posttoday

เลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหิน

30 กรกฎาคม 2556

ด้วยความรักลูกมากเกินไปของพ่อแม่ มักเห็นลูกเป็นลูกเล็กๆ อยู่เสมอๆ แม้ลูกจะเจริญวัยเข้าสู่วัย 30 แล้วก็ตาม เลี้ยงแบบแบบไข่ในหิน

โดย...มีนา

ด้วยความรักลูกมากเกินไปของพ่อแม่ มักเห็นลูกเป็นลูกเล็กๆ อยู่เสมอๆ แม้ลูกจะเจริญวัยเข้าสู่วัย 30 แล้วก็ตาม เลี้ยงแบบแบบไข่ในหิน ดูเหมือนยุคนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่ทุกคนย่อมมีความรักและห่วงใยทุ่มเทความรัก ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะด้วยแต่ละครอบครัวของคนรุ่นใหม่มักมีลูกน้อย 12 คน เท่านั้น หากมีลูกปริมาณน้อยแบบนี้ พ่อแม่ก็จะยิ่งรักและเป็นห่วงลูกมากๆ บางครอบครัวภรรยาอาจลืมดูแลคุณสามี และทุ่มความรัก ความเอาใจใส่ให้ลูกเพียงอย่างอย่างเดียวก็มี พ่อแม่บางคนถึงขนาดติดตามดูแลลูกทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะการกิน การนอน การเรียนหนังสือ การเลือกคบเพื่อน หรือแฟนก็ยิ่งอยู่ในสายตาพ่อแม่ แต่รู้ไหมบางครั้งความรักที่มากเกินไปอาจสร้างความลำบากใจให้กับลูกเหมือนกันนะ

สถานการณ์ : ด้วยความรักลูกมาก ไม่อยากให้ลูกพบกับความยากลำบาก ทุกอย่างจัดเตรียมให้กับลูกทุกอย่าง และทั้งหมด เพราะไม่อยากให้ลูกพบกับความยากลำบาก จนบางครั้งทำให้ลูกกลายเป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตสักที

ทางออก : การเลี้ยงดูลูกตามแบบนี้เรียกว่า แบบคุ้มครองเกินไป ซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ ยุคนี้ดูไม่ค่อยเหมาะ เพราะธรรมชาติของมนุษย์ต้องการความเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตของตนเองมากเกินไป แม้คนเหล่านั้นจะเป็นพ่อแม่ก็ตาม ความเป็นจริงที่ว่าพ่อแม่ทุกคนรักและห่วงใยลูก แต่การแสดงออกของความรัก และความห่วงใยควรอยู่ในขอบเขตของความพอดี การเลี้ยงดูลูกแบบคุ้มครองเกินไปนั้นในช่วงแรกๆ ลูกอาจจะมีความพอใจ อบอุ่นที่พ่อแม่รักและเอาใจใส่ตนเอง แต่เมื่อลูกโตขึ้นลูกอาจจะรู้สึกอึดอัดที่พ่อแม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตเขาทุกฝีก้าว

การเลี้ยงดูลูกแบบนี้จะส่งผลเสียแก่เด็กหลายประการ เช่น เด็กจะกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในตนเองไม่อดทนต่อความยากลำบาก ไม่ต่อสู้ชีวิต ไม่กล้าตัดสินใจ จิตใจอ่อนแอ คอยแต่จะพึ่งพาผู้อื่นตลอดเวลา การเลี้ยงลูกแบบนี้เรียกว่า เป็นการเลี้ยงที่ไม่เหมาะสมนัก ทำให้ลูกไม่รู้จักโต ดังนั้นพ่อแม่คนใดมีวิธีคิดแบบเลี้ยงลูกแบบไข่ในหินก็ควรเดินทางสายกลางให้ลูกคิดและตัดสินใจเองซะบ้าง ฝึกให้เขาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ เพราะพ่อแม่ไม่สามารถเลี้ยงดู หรือปกป้องเขาไปได้ตลอด สักวันหนึ่งพ่อแม่ก็ต้องตายจากไป สู้รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีจะดีกว่า

สถานการณ์ : ความรักของพ่อแม่ที่เมื่อยามลูกเป็นเด็กไม่ยอมให้ลูกไปทำกิจกรรมต่างจังหวัด ลูกทำความเข้าใจได้ง่าย แต่เมื่อลูกก้าวสู่วัยทำงาน วัยใกล้ 30 เข้าไปทุกที คุณแม่ซึ่งมีอาชีพเป็นแม่บ้าน หากลูกหนึ่งทุ่มไม่กลับบ้านก็มักโทร.ไปหาด้วยความเป็นห่วง เช่น กินข้าวหรือยัง จะกลับบ้านกี่โมง บางครั้งก็ชอบถามคำถามซ้ำๆ ทำให้ลูกหงุดหงิดหัวใจ

ทางออก : ให้ลูกมองความรักความห่วงใยของพ่อแม่เป็นพลังและกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาในที่ทำงาน ด้วยพ่อแม่แก่เฒ่าแล้วอยู่บ้านคนเดียวก็อาจรู้สึกเหงา บวกกับเป็นห่วงลูกอาจจะถามจู้จี้จุกจิกไปบ้าง ลูกๆ ก็ต้องเข้าใจว่าพ่อแม่เหงา คิดเสียว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่มีพ่อแม่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ วันหนึ่งหากพ่อแม่ตายจากไป ไม่มีใครโทรหาแสดงความห่วงใย เมื่อวันนั้น ความเหงาอ้างว้างว้าเหว่ต้องมาเยือนคุณอย่างแน่นอน ดังนั้น ณ วันนี้คุณจึงยอมรับและอยู่กับมันอย่างมีความสุขดีกว่า

Ask the Expert

Q. ดิฉันกำลังจะแต่งงาน ผู้ชายมีลูกติดเป็นเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบ ชอบโทษคนอื่นเมื่อเป็นความผิดของตัวเอง โมโห คิดแก้แค้น เคยพาพบแพทย์ ระบุว่าเป็น ODD คืออะไร จะดูแลเขาอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้อย่างไรให้มีความสุข กลุ้มใจจังค่ะ?

A. พญ.เสาวภา พรจินดารักษ์ กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ตอบว่า ODD ย่อมาจาก Oppositional Defiant Disorder หมายถึง เด็กที่ดื้อรุนแรงเกินกว่าเด็กปกติที่มีอายุและพัฒนาการเดียวกัน แสดงออกโดยการเถียง ไม่เชื่อฟัง โทษคนอื่น คิดเอาคืน หงุดหงิดง่าย มีใจที่มุ่งร้ายโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจมากกว่าเขา ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สาเหตุเชื่อว่าเกี่ยวข้องทั้งพันธุกรรมและการเลี้ยงดู การช่วยเหลือที่สำคัญคือ การปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดู โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่เขารักและรักเขาต้องเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันก่อน ให้เด็กรับรู้ว่าเราเข้ามา “ช่วยเหลือ” ไม่ใช่มา” “จัดการ” ร่วมกับการสร้างวินัยเชิงบวก เมื่อเป็น ODD แล้วจำเป็นต้องพบแพทย์สม่ำเสมอ เพราะโรคนี้พบร่วมกับโรคสมาธิสั้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษาคู่กันไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้เทคนิคหลายๆ อย่างในการดูแลเด็ก เช่น เทคนิคการเล่นกับเด็กเพื่อสัมพันธภาพอันดีทั้งสองฝ่าย เทคนิคการชม เทคนิคการสื่อสาร เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันหรือเถียงกัน เทคนิคการลงโทษที่ไม่ให้เด็กยิ่งเจ็บแค้น เป็นต้น

He Said / She Said

เบิร์ด ผู้จัดการร้านอาหาร

“จริงๆ แล้วผมชอบผู้หญิงหลายอย่าง ขอให้สารเคมีเราตรงกัน ผมขี้อายนะ ผมจะหาวิธีคุยให้ได้ ขอให้น่ารัก และพูดคุยเก่ง คุยกันรู้เรื่องก็พอแล้วครับ”

แมท พนักงานบริษัท

“ ต้องคม มั่นใจตัวเองว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร ดิฉันจะมองตาก่อนเลย มันสื่อถึงข้างใน และความจริงใจ ถ้าดูดีๆ เราจะรู้ว่าเราคุยอยู่กับใคร คือตาต้องสวย ทุกอย่างมีความพอดีเป็นใช้ได้ค่ะ”

Quote

“บางครั้งฉันเคยคิดว่า สามีของฉันช่างเลอเลิศเกินไป และไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงมายอมใช้ชีวิตอยู่กับฉัน ฉันไม่รู้ว่า เป็นเพราะฉันมีความดีอะไรที่คู่ควรกับเขาหรือไม่...อย่างไร ฉันเพียงแค่คิดว่า การทำให้เขามีความสุข นั่นแหละเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ได้ในทุกวันนี้”

แองเจลินา โชลี นักแสดงฮอลลีวูด

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2