posttoday

เงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ

21 เมษายน 2553

 

....หนูดี วนิษา เรซ

 

เงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ เป็นของที่มีค่าเป็นกลางมาก ไม่ได้เป็นบวกเป็นลบในตัวเอง น่าเสียดายคนจำนวนมากในสังคมไม่ได้มองเห็นเป็นกลางเช่นนี้ บางคนเห็นว่าสามสิ่งนี้เป็นลบ ก็เฝ้ารังเกียจ ไม่อยากรวย ไม่อยากดัง ไม่อยากมีอำนาจ เพราะคิดว่าสามสิ่งนี้ถ้ามีมากไปจะทำลายโลกได้ ในขณะที่คนอีกกลุ่มก็หลงใหล ใฝ่ฝันอยากได้ทั้งเงิน ชื่อเสียง อำนาจ จนวิ่งไล่ตาม ยอมยกชีวิตให้ หรือรบราฆ่าฟันกันเพื่อสิ่งนี้ เพราะเชื่อว่าถ้ามีแล้วชีวิตจะสมบูรณ์และมีความสุข

ในทางพุทธ ทั้งสามสิ่งนี้มีค่ามหาศาล ในฐานะ เครื่องมือที่ทรงพลัง ในการช่วยเหลือผู้อื่นในยุคปัจจุบันเรามีเศรษฐีใจบุญมากมาย ที่นำเงินส่วนตัวมาช่วยคนยากไร้ทั่วโลก คนแรกที่ดังแสนดังคือ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิบิลแอนด์เมลินดา เกตส์ ช่วยเหลือคนในทุกรูปแบบ ตั้งแต่ให้ทุนการศึกษา ไปจนถึงสนับสนุนการคิดค้นวัคซีนต่อต้านเชื้อมาลาเรีย คนต่อมาดังไม่แพ้กันคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่มอบเงินให้ผ่านทางบิล เกตส์ อีกทีหนึ่ง

คนรวยใจดีก็ไม่ได้เป็นของใหม่ ในสมัยพุทธกาล เราก็มีเศรษฐีอนาถบิณฑิก ที่เป็นโยมที่สนับสนุนพุทธศาสนาด้วยปัจจัยจำนวนมาก ครั้งหนึ่งเขาต้องการซื้อที่ดินสวยงามในป่า ถวายเป็นวัดแด่พระพุทธเจ้า แต่เจ้าของที่ดินพอรู้ว่าเศรษฐีมาสนใจ ก็เลยโก่งค่าที่โดยบอกว่า จะขายก็ได้ แต่เศรษฐีต้องเอาเหรียญทองมาปูให้เต็มพื้นที่ ปูได้ตรงไหนก็เอาไปตรงนั้นแล้วกัน วันรุ่งขึ้นเศรษฐีอนาถบิณฑิกจึงให้คนใช้นำเหรียญทองคำขึ้นเกวียนมาหว่านลงไปให้เต็มพื้นที่จำนวนหลายไร่ จนได้มาถวายพระพุทธเจ้าทั้งหมด น่าทึ่งไหมคะ สิ่งที่คนรวยพวกนี้ทำกับเงินของเขา

การที่ดาราฮอลลีวูดมาร่วมเป็นทูตให้องค์กรการกุศลต่างๆ เพื่อให้ประชาชนหันมาสนใจประเด็นที่เป็นปัญหา เริ่มจากแองเจลินา โชลี ที่เป็นทูตให้องค์การสหประชาชาติ เพื่อรณรงค์เรื่องเด็กที่ถูกทำร้าย เด็กกำพร้า และภาวะสงครามทั่วโลก หรือ ซัลมา ฮาเย็ก ที่เข้ามาทำงานเกี่ยวกับสตรีที่ถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่มูลนิธิเล่าว่า เมื่อก่อนนักข่าวมากันน้อยมาก แต่พอได้ ซัลมา มาออกหน้า นักข่าวก็เต็มใจมากันเป็นร้อย ชื่อเสียงเป็นของมีคุณค่านะคะ ถ้าใช้ถูกทาง

อำนาจก็เป็นเรื่องน่าทึ่ง เมื่อนำมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ สมัยสงครามเวียดนามนั้น มีคนจำนวนมากถูกฆ่า ถูกข่มขืน ถูกทำทารุณกรรมต่างๆ อย่างไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะทำกันได้ เด็กจำนวนมหาศาลต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า คนเวียดนามพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ บางคนสำเร็จ บางคนถูกฆ่าตายระหว่างทาง บางคนต้องเห็นพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองถูกฆ่าต่อหน้า ประสบการณ์ช่วงนั้นไม่น่าเชื่อว่าเคยเกิดขึ้นใกล้ๆ ประเทศไทยอันแสนสงบของเรานี้เองในช่วงที่สงครามใกล้จะสิ้นสุด และกรุงไซ่ง่อนใกล้จะแตก ผู้บริหารสายการบินหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจใช้อำนาจในหน้าที่ ส่งเครื่องบินพาณิชย์ลำใหญ่ บินตรงไปเวียดนาม เพื่อรับเด็กเวียดนามจำนวนหลายร้อยคนออกมา เพื่อรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้

นักบินและลูกเรือที่อาสาจะไปกับเครื่องบินลำนั้นรู้ตัวดีว่า เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา เพราะตอนนั้นการยิงระเบิดใส่เครื่องบินเกิดขึ้นบ่อยมาก และก็จับมือใครดมไม่ได้ โดยเฉพาะเครื่องบินลำนี้ จะต้องบินเข้าประเทศอย่างเป็นความลับ ไม่มีการแจ้ง แต่ก็ยังมีนักบินชาวอเมริกันและลูกเรืออาสาสมัครเข้ามาจนครบจำนวน เครื่องบินลงจอดในสนามบินไซ่ง่อนเวลากลางคืน เพื่อหลบทหารเวียดกง ต้องดับไฟเครื่องทั้งหมด รวมทั้งไฟสนามบิน

เป็นการเอาเครื่องลงจอดท่ามกลางความมืดมิด ใช้เพียงความจำของนักบิน ซึ่งหากพลาดไปนิดเดียว วิ่งหลุดรันเวย์ออกไป ก็มีสิทธิตายทั้งลำ แต่นักบินก็เอาเครื่องลงจอดได้สำเร็จ ลูกเรือทุกคนโห่ร้องด้วยความดีใจ และหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็เป็นความโกลาหลของการลำเลียงเด็กกำพร้าจำนวนมากขึ้นเครื่องให้ทันเวลาก่อนที่จะโดนทหารฝ่ายตรงข้ามจับได้

พวกเขาทำสำเร็จค่ะ และเมื่อเดินทางมาถึงอเมริกาโดยสวัสดิภาพ เด็กๆ ก็ได้รับการอุปการะจากพ่อแม่บุญธรรมชาวอเมริกัน ทุกวันนี้เด็กกลุ่มนี้มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว ส่วนใหญ่มีการศึกษาที่ดี มีอาชีพที่หาเลี้ยงตัวเองได้ในประเทศประชาธิปไตย

ถ้าวันนั้นไม่ได้มีคนคนหนึ่งที่มีอำนาจ ตัดสินใจนำเครื่องบินออกไปช่วยพวกเขา เด็กเป็นร้อยคนก็ต้องตายอย่างโหดเหี้ยมในสงครามกลางเมืองที่แม้ผู้ใหญ่ยังยากจะรอดชีวิต

เงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ ใครว่าเป็นของไม่ดี หนูดีว่า มันอยู่ที่ตัวเรามากกว่าค่ะ สามสิ่งนี้จะประดับตัวคนคนหนึ่งได้ยาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับการใช้เขาอย่างมีคุณภาพค่ะ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68