posttoday

คู่ซี้พันธุ์ดุ ยัดห่วงทีมชาติไทย

06 กรกฎาคม 2556

บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งสำคัญของวงการบาสเกตบอลประเทศไทยในรอบทศวรรษ หลังจากนักยัดห่วงทีมชาติไทยสามารถไปคว้าแชมป์

โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์ ภาพ ประกฤษณ์ จันทวงษ์

บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งสำคัญของวงการบาสเกตบอลประเทศไทยในรอบทศวรรษ หลังจากนักยัดห่วงทีมชาติไทยสามารถไปคว้าแชมป์รายการแข่งขันบาสเกตบอลชาย ซีบ้า แชมเปี้ยนชิพ ครั้งที่ 10 ประจำปี 2013 ณ เมืองเมดาน อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 2030 มิ.ย.ที่ผ่านมา “สิงห์” ชนะชนม์ กล้าหาญ (สโมสรไฮเทค) และ “ปอย” ดรัญพงศ์ อภิรมย์วิไลชัย (สโมสรทิวเจริญอักษร) คู่หูต่างค่ายจะมาถ่ายทอดเรื่องราวความซี้และภารกิจรับใช้ชาติ

สิงห์ชนะชนม์ กล้าหาญ

‘บ้าสุดขั้ว ไร้ขอบเขต’

“รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยแข่งบาสนักเรียนที่สุพรรณบุรี เมื่อปี 2543 ซึ่งรวมแล้วก็ประมาณ 15 ปี ตอนรู้จักกันแรกๆ ก็ยังกลัวๆ เพราะสิงห์ตัวใหญ่ หน้าตาดูดุดัน เข้ม นิ่งๆ อีกทั้งพอเราได้เห็นสไตล์การเล่นบาสมันค่อนข้างโหด ก็เลยไม่ค่อยอยากคุย หรือเสวนาอะไรมาก ประกอบกับช่วงนั้นก็อยู่คนละทีม จึงไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกัน รู้จักกันเพียงแค่ชื่อเท่านั้น

กระทั่งแข่งเจอกันเรื่อยๆ จนมารู้จักถึงขั้นสนิทสนมชิดเชื้อ ก็ตอนได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันบาสเกตบอลกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทย เพราะต้องเก็บตัวซ้อมร่วมกัน เราทั้งคู่เลยมีเวลาอยู่ด้วยกันตลอด จึงเป็นที่มาให้เริ่มทำความรู้จักกันจริงๆ จังๆ มากขึ้น ถึงขั้นรู้ไส้ รู้พุง รู้ตับ รู้กึ๋น หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราก็เริ่มเดินสายแข่งบาสเกตบอลด้วยกันตลอด

พอยิ่งคบ และอยู่ด้วยกันนานเข้า จะรู้ว่าที่จริงแล้วสิงห์ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นตอนแรก เป็นคนเฮฮา ตลก สนุกสนาน ไม่มีขอบเขต สวนทางกับตอนแรกที่เรานึก หรือให้พูดง่ายๆ คือ เป็นพวกประเภทบ้าๆ บอๆ มือถือสาก ปากถือศีล คำพูดสวนกับการกระทำ (หัวเราะ)

เห็นอย่างนี้ สิงห์เป็นคนชอบธรรมะ เข้าวัดเข้าวา สวดมนต์ ทำบุญทำทาน แต่มีบางเวลาก็ไม่ธรรมะ (หัวเราะ) โดยเฉพาะเวลาเล่นบาส จะโหด ดุ กระแทก ชน ไม่สนใจใคร ประมาณว่า เจอปุ๊บใส่ปั๊บ คุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ กลายเป็นไม่มีธรรมะในจิตใจ บางครั้งอารมณ์พุ่งปรี๊ดถึงขั้นไล่ต่อยทีมตรงข้ามก็มี

ยกตัวอย่างสมัยแข่งสโมสรเจอกัน และบางเกมคู่คี่สูสี คือคะแนนเบียดกันไม่ห่างมาก และด้วยทั้งสองฝ่ายก็ต้องการชัยชนะ เกมจึงค่อนข้างดุเดือด ทำให้ต้องปะทะกัน เราเห็นทรงแล้วว่าสิงห์เอาแน่ ก็ไม่เข้าไปทางที่สิงห์ป้องกัน เพื่อเลี่ยงการปะทะ แต่จนแล้วจนรอดก็โดนอัด แม้เป็นเพื่อนก็ไม่เว้น แต่การันตีว่านิสัยแบบนี้มีเฉพาะในเกมการแข่งขันเท่านั้น (หัวเราะ)

ช่วงที่ได้เข้ามารับใช้ชาติตอนแรกๆ โดยเฉพาะเรื่องการซ้อม จะมีปัญหากันอยู่บ้าง แต่ก็นิดๆ หน่อยๆ เนื่องจากเราต่างมาจากคนละสโมสร สไตล์การเล่นจึงค่อนข้างแตกต่าง ต้องใช้เวลาปรับตัวนานอยู่พอสมควร แต่ไม่เคยถึงขั้นทะเลาะกัน มีอะไรจะบอกคุยกันตลอด

เช่น เล่นยังไง รูปแบบไหน จะเลี้ยงบอลไปแบบนี้ ขึ้นทางนี้ ทำอย่างนี้ จะรู้กัน คือพวกเราจะคุยกันได้ทุกเรื่อง ถ้าผิดก็จะยอมรับฟังในสิ่งที่ต้องการ เพื่อพยายามทำในสิ่งที่ถูกมากกว่า ไม่หัวแข็งใส่กันว่าทำถูกแล้ว หรือแสดงตัวว่าเก่งแล้ว ถือว่าสิงห์เป็นเพื่อนที่ดี ไม่ค่อยมีปัญหาทั้งเรื่องกีฬาหรือเรื่องส่วนตัว

ส่วนวีรกรรมเด็ดๆ ทำให้ต้องจดจำ ก็คงจะเป็นการแกล้งเพื่อนร่วมทีม เช่น หลอกให้กิน หรือไม่ก็เอาแป้งไปโปะหน้าชาวบ้าน หรือรวมตัวไปแกล้งคนอื่น ซึ่งกลายเป็นปกติวิสัยของสิงห์ ว่าไอ้นี่มันขี้แกล้ง สำหรับเกมที่ประทับใจสุด คือการได้ร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย และซีบ้าล่าสุดที่ไทยได้แชมป์ในรอบ 13 ปี

ที่ผ่านมาไทยไม่เคยได้แชมป์รายการนี้ ทำให้ไทยมีสิทธิได้เข้าไปแข่งขันในรอบใหญ่ คือ รายการบาสเกตบอลชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 27 (ฟีบา เอเชียน แชมเปี้ยนชิพ) ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 111 ส.ค.นี้ นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของไทย และเป็นช่วงเวลาดีๆ ของเราทั้งคู่ หลังได้ร่วมฝ่าฟันกันมาจนประสบความสำเร็จ

สิ่งที่อยากเตือนและห่วงมากที่สุด คงเป็นเรื่องการควบคุมอารมณ์ แม้ตอนนี้จะเปลี่ยนไปเยอะ หันหน้าเข้าหาธรรมะธัมโม (หัวเราะ) แต่เรื่องการควบคุมอารมณ์ยังน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม เช่น เคยไปด้วยกันแล้วมีคนขับรถปาดหน้า จะลงไปต่อยอย่างเดียว แต่เนี่ยสมัยก่อน ตอนนี้ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเริ่มโตๆ กันแล้ว”

ปอยดรัญพงศ์ อภิรมย์วิไลชัย

‘กวนประสาท ไม่เว้ยเฮ้ย’

“มาสนิทจริงๆ ก็ช่วงไปแข่งขันซีเกมส์ที่อินโดนีเซียปี 2547 และเวียดนามปี 2549 ซึ่งเป็นการร่วมทีมชาติกันครั้งแรกๆ เนื่องจากปอยติดเยาวชนทีมชาตินักเรียนไทยมาตลอด ต่างจากเราไม่เคยติดอะไรเลย มาจากนักกีฬามหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญของการรับใช้ชาติ

ส่วนการทะเลาะวิวาทกับทีมคู่แข่งไม่ใช่เฉพาะผมที่เป็น แต่ปอยก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น สมัยแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ตอนนั้นผมอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และปอยอยู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ผมเล่นให้ จ.นครนายก ปอยเล่นให้กับ จ.สุโขทัย

ตอนแข่งไม่ได้เจอกัน ปรากฏว่าปอยไปต่อยคู่แข่งจนโดนไล่ออกจากสนาม ส่วนผมมาแข่งต่อจากปอย ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งเดินมาบอกว่า แข่งแล้วอย่าต่อยกันนะ ถ้าเกิดต่อยคนสำรองห้ามลงเล่น คราวนี้เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ผมไล่ต่อยทุกคน ก็เลยเป็นประเด็นกันสองคน โดนแบนทั้งคู่ (หัวเราะ)

เราทั้งคู่มีนิสัยคล้ายๆ กัน ทำอะไรก็จะทำอย่างจริงจัง ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ที่สำคัญ รักพวกพ้อง เวลามีเรื่องหรือเกิดปัญหาในเกมกับเพื่อนร่วมทีม จะเห็นเราสองคนออกตัวก่อนเสมอ แต่ปอยจะเป็นคนใจเย็นกว่าหน่อย ถ้าไม่ถึงที่สุด ก็จะไม่อะไรกับใคร เล่นตามเกม แต่เมื่อไหร่ของขึ้นบอกได้คำเดียววิญญาณอะไรไม่รู้เข้าสิง (หัวเราะ)

ส่วนเรื่องซ้อมเราไม่ค่อยมีปัญหา จะบอกกันตลอด เช่น ขอบอลอย่างนี้ วิ่งตามนี้ เล่นแบบนี้ ไม่ค่อยทะเลาะหรือมีปัญหากันเลย จะพยายามปรับเพื่อให้เกมออกมาดีถึงดีที่สุด จะไม่มีทิฐิต่อกัน ยิ่งเฉพาะเรื่องเล่นกีฬา เปิดรับฟังความเห็นตลอด แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของปอย คือ กวนประสาท ชิลๆ สบายๆ โดยเฉพาะเวลาซ้อมบาส บอกให้เล่นอย่างงี้ ปอยจะฟัง แต่ด้วยสไตล์พอพูดจบปอยเถียงขวับ แบบประมาณว่าขอสักนิดสักหน่อย แต่ก็ทำ สมมติให้วิ่งมาขอบอลแบบนี้แล้วยิง จะมีประโยคประจำตัว ‘ไม่เว้ยเฮ้ย’ จากนั้นเป็นต้นมาทั้งทีมเลยตั้งฉายาว่า ‘ไอ้ไม่เว้ยเฮ้ย’

ความประทับใจให้จดจำเพื่อนคนนี้ไปตลอด คงเป็นช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย คือ ผมอยู่ มศว ปอยอยู่ มธ. แข่งบาสมหา’ลัยเมื่อไหร่เสร็จ ปอยชนะตลอด เพราะเป็นทีมแข็ง กวาดทุกอย่าง ส่วนเราทีมน้องใหม่ทั้งชุด ไม่มีรุ่นพี่ช่วย เลยไม่เคยได้แชมป์สักครั้ง แต่มาดีช่วงปี 4 ซึ่งได้เหรียญเงิน

เห็นเป็นเพื่อนกันแบบนี้ แต่เวลาเราสวมเสื้อคนละสีเมื่อไร บอกได้คำเดียวเล่นกันแบบจัดเต็ม ไม่ต่างจากไปแข่งให้ทีมชาติ อย่างกีฬาที่ผ่านมา ผมเล่นให้กองทัพบก (ทบ.) ปอยเล่นให้กับกองทัพเรือ (ทร.) เวลาแข่งกันจัดหนัก พอจบเกมข้างนอกสนามเป็นเพื่อนกัน คือ สไตล์เราเล่นบาสจะชอบรุนแรง ปะทะ ปอยรู้อยู่แล้ว แต่ก็โดนประจำ (หัวเราะ) แต่บ่อยสุดคงจะเป็นแฝดน้องปอย (ปาล์ม) ดรงค์พันธ์ ถึงขั้นแตกเย็บ 34 รอบ (หัวเราะ) จบเกมเพื่อนกันเหมือนเดิม

อะไรทำให้สนิทและอยู่กันมาถึงทุกวันนี้ คงเป็นเพราะเราสองคนเป็นเด็กต่างจังหวัด ทำให้เข้าใจหัวอกกันเป็นอย่างดี เนื่องจากต้องมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ห่างครอบครัว และที่เหมือนกันอีกอย่าง คือ ฝันอยากเป็นนักกีฬา ช่วงเราสองคนท้อสุด ต่างก็ให้กำลังใจกันเสมอ เช่น บางครั้งเหมือนทำไม่ได้ ปอยจะมาจับบ่าบอกเอาใหม่เว้ย เหมือนกัน ปอยฟอร์มสะดุด ก็จับหัวบอกเอาใหม่ และที่ห่วงปอยสุดๆ ตอนนี้ คงเป็นเรื่องการบริหารเสน่ห์ เพราะเห็นอย่างนี้ไม่เบา (หัวเราะ)”

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา