‘ใจรักในแฟชั่น’ พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล
ด้วยใจรักในแฟชั่น “ลา บูทีค” แบรนด์เสื้อผ้าฝีมือไทยดีไซเนอร์ โตพัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล จึงเกิดขึ้น
โดย...วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
ด้วยใจรักในแฟชั่น “ลา บูทีค” แบรนด์เสื้อผ้าฝีมือไทยดีไซเนอร์ โต-พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล จึงเกิดขึ้น และเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่เข้าไปนั่งในใจลูกค้าทั้งนักแสดง อย่าง เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ฯลฯ รวมทั้งเหล่าเซเลบริตี้ทั้งไทยและชาวสิงคโปร์คนดังอย่าง เจมี โช ล้วนเป็นสาวๆ ที่หลงใหลเสื้อผ้าสไตล์ “นิว วินเทจ” ที่ผสมผสานกันระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยอย่างลงตัว โดยในทุกคอลเลกชั่นจะมีความเป็นวินเทจแฝงไว้ในรายละเอียดและรูปแบบเสื้อผ้าที่มีความร่วมสมัย ทำให้คอลเลกชั่นเสื้อผ้ามีความสดใสใหม่ตลอดเวลา เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ชื่นชอบในการแต่งตัว และชอบมีสไตล์โดดเด่นไม่เหมือนใคร กับคอลเลกชั่น พรีฟอล 2013 ที่วางจำหน่ายแล้ว เขายังเปิดตัวกระเป๋ารุ่นแรกของแบรนด์ “Jolie” เอาใจสุภาพสตรีอีกด้วย
ย้อนกลับไปดูแบรนด์ไทยดีไซเนอร์แบรนด์นี้ไม่ใหม่แล้วในตลาด แม้ปัจจุบันจะวางจำหน่ายเป็นช็อปของตัวเองที่ชั้น 1 สยามพารากอนก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้โตสร้างและทำแบรนด์ “ลา บูทีค” ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ตั้งแต่ปี 2010 ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ลูกค้ามากันเหนียวแน่น เมื่อแบรนด์เริ่มมีชื่อและอยู่ตัว พัชรวัฒน์จึงคิดรุกกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ไม่ทำแมสเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม และหาโลเกชั่นร้านให้อยู่ใจกลางเมืองมากขึ้น เปิดร้านได้เกือบปีก็ประสบความสำเร็จ ลูกค้ามาซื้อครั้งแรกแล้วก็กลับมาซื้อเรื่อยๆ
“กระแสตอบรับของแบรนด์ที่ผ่านมาค่อนข้างน่าพอใจ ด้วยความที่ ลา บูทีค เป็นแบรนด์แฟชั่นที่สร้างสรรค์มาเพื่อสร้างความโดดเด่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับผู้ที่ได้สวมใส่ ประกอบกับผู้ที่รักในแฟชั่นอยู่แล้ว จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด ลูกค้าที่ได้เคยสัมผัสกับเสื้อผ้าของ ลา บูทีค ต่างก็หลงใหลในความโดดเด่นของเสื้อผ้า ทำให้กลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างมาก
อย่างกระโปรงจะเป็นกระโปรงพองๆ บานๆ ดูเป็นผู้หญิงหรูหรา แต่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เข้ากับเสื้อยืดธรรมดาก็ได้ เสื้อผ้าจึงซื้อแล้วคุ้ม กลายเป็นกระแสจากปากต่อปากกันไป ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งของร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ภายในใจกลางเมือง เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชาวต่างชาติ ก็เกิดเป็นโอกาสให้ลูกค้าต่างชาติได้เข้ามาซื้อสินค้าของทางร้านไป เมื่อกลับไปก็มีการถ่ายรูปเพื่อโชว์เพื่อนๆ จากนั้นก็กระจายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เลยยิ่งทำให้แบรนด์เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนและสิงคโปร์”
โตเพิ่งเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด “พรีฟอล 2013” ในแนวคิด “The Shining Star” (ดาวประกายแสง) สะท้อนความฝันของหญิงสาวที่อยากเป็นดาวเด่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเขาได้รับอิทธิพลจากแวดวงฮอลลีวู้ดยุค 4050 มาเป็นธีมหลักของคอลเลกชั่นนี้ เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวทุกคนต้องมีฝัน และหนึ่งในนั้นต้องเคยฝันอยากเป็นดาราดาวเด่น คอลเลกชั่นนี้เป็นการสะท้อนความฝันของหญิงสาว ที่ครั้งหนึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในจินตนาการของทุกคน
“เราฝันถึงซูเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าแห่งวงการมายาอย่าง มาริลีน มอนโร โดยดึงเอาความฟุ้งฝัน ร่ำรวย หรูหรา และความเย้ายวน ของวงการมายาในยุคนั้นมาเป็นธีมหลัก ขณะเดียวกันก็สะท้อนอารมณ์ที่หลากหลายของผู้หญิง ที่มีทั้งความอ่อนหวาน เย้ายวน สนุกสนานรื่นเริง และหรูหราสง่างาม โดยยังคงความสนุกสนานแบบสาวปาร์ตี้ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยโทนสีหลักอย่าง สีขาวออฟไวท์ สีดำคลาสสิก สีเบจ และสีทองประกายดำเป็นหลัก โดยคอลเลกชั่นนี้โตแบ่งธีมย่อยออกเป็น 4 ธีม ได้แก่ Black & White เป็นการนำเอาสีสุดคลาสสิกอย่างดำกับขาวมาสร้างลูกเล่นและรายละเอียดใหม่ๆ Romatic Lace เป็นการนำลูกไม้เนื้อนิ่มทอผสมเส้นดิ้นทอง ในเฉดดำ สีครีม และสีชมพูอ่อน มาสร้างโครงสร้างชุดในแบบตัวหลวม ทำให้ผู้หญิงดูบอบบางขึ้น อย่าง All That’s Glitter ก็จะออกมาสไตล์สนุกสนานผ่านประกายแวววาว เหมาะกับไปงานปาร์ตี้ และ Hollywood Carpet เป็นชุดกลางคืนที่นำเสนอความหรูหรา เปรียบประดุจดาราฮอลลีวู้ดเดินบนพรมแดง”
ไม่เพียงสนุกกับการออกแบบเสื้อผ้า พัชรวัฒน์ยังความคิดบรรเจิดออกแบบกระเป๋ารุ่นแรกในชื่อแบรนด์ “Jolie” ที่มีลักษณะเป็นเหมือนโบอันใหญ่ เปรียบเสมือนผู้หญิงที่สนุกสนาน และพร้อมที่จะสนุกกับแฟชั่น โดยความพิเศษอยู่ที่การใช้งานที่สามารถถือแบบปกติ หรือถือสอดมือใต้โบเพื่อความถนัดมือมากขึ้น มี 2 สี คือ สีดำ และสีทอง
สำหรับเทรนด์แฟชั่นฤดูก่อนหน้าหนาวปีนี้ พัชรวัฒน์ บอกว่า กระแสแฟชั่นการแต่งตัวของสาวๆ ทั่วเอเชียนิยมแต่งตัวย้อนกลับไปหาความคลาสสิกที่เป็นอมตะ แต่ก็ยังผสมผสานความทันสมัยอยู่ในแต่รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปทรงจากยุค 4050 ที่ถูกปรับทอนให้ดูโมเดิร์นขึ้น หรือลวดลายต่างๆ เช่น ลายกราฟฟิกที่เป็นอมตะ อย่างลายทาง ก็ถูกนำมาใช้ในสัดส่วนใหม่ๆ หรือสีสันคลาสสิกอย่าง ขาว ดำ หรือ ทอง ก็นำมาใช้ในวัสดุที่แปลกตา เพื่อสร้างแนวทางใหม่
อย่างไรก็ดี นับวันตลาดแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทัศนะของพัชรวัฒน์ เขามองว่าจุดเด่นของเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์คนไทยอยู่ตรงแบรนด์ไทยมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เหมือนการผสมผสานทางสไตล์จากทางตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน ทำให้เสื้อผ้ามีความโดดเด่นและทันสมัย หากแต่เหมาะสมกับชาวตะวันออก อีกทั้งสไตล์อันหลากหลาย ทำให้เกิดความสนุกในการออกแบบการแต่งตัวเพื่อสร้างสรรค์ลุคใหม่ๆ ที่เป็นแบบอย่างเฉพาะตัว
การทำงานย่อมมีอุปสรรค เช่น การให้บริการที่ลูกค้าแต่ละคนอยากให้ดีไซเนอร์แนะนำการแต่งตัวอย่างใกล้ชิด แต่บางครั้งก็ตอบสนองความต้องการของลูกค้าไม่ได้ทั้งหมด ก็ต้องใช้ตัวแทนและมีการอบรมพนักงานขายให้เป็นที่ปรึกษาในการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ลูกค้าได้ด้วย อีกปัญหาหนึ่งคือ มีการก๊อบปี้สินค้าสำหรับตลาดล่าง วิธีรับมือคือออกคอลเลกชั่นใหม่เรื่อยๆ ให้ตามไม่ทัน
สุดท้ายโตอยากแนะนำให้สาวไทยที่อยากแต่งตัวให้ดูดี อันดับแรกต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองก่อน เพราะทุกสิ่งจะสะท้อนออกมาจากข้างใน จากนั้นก็มาคำนึงถึงกาลเทศะว่าเหมาะสมกับเสื้อผ้ารูปแบบไหน โดยอาจจะต้องคำนึงถึงรูปร่างของตัวเองด้วย การใช้สีที่เหมาะสมก็จะสามารถอำพรางจุดด้อยของร่างกายได้ อย่างเช่น การใช้สีดำหรือสีโทนเข้ม ก็จะทำให้ดูตัวเล็กลงได้ กระทั่งการเลือกรูปทรงของเสื้อผ้าก็มีส่วนช่วยเสริมรูปทรงได้ เช่น การใส่กระโปรงทรงเอไลน์ก็ช่วยปกปิดสะโพกของสาวสะโพกใหญ่ แต่ก็ยังช่วยให้สาวสะโพกเล็กดูมีสัดส่วนมากขึ้นด้วย
โตพัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล อายุ 34 ปี
ตําแหน่ง : ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ เสื้อผ้าแบรนด์ “ลาบู ทีค”
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา โทประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสยาม
ประสบการณ์การทำงาน
2543 ฝึกงานด้านโฆษณา แผนก AE บริษัท ประกิต ปับลิซีส
25442546 Freelance ผู้ช่วยสไตลิสต์ นิตยสาร ELLE DECCORATION
2546 ร่วมแสดงละครโทรทัศน์ กับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เรื่อง เศรษฐีตีนเปล่า ในบทบาทของ “หงิก” นักแสดงสมทบฝ่ายชาย จํานวน 18 ตอน
2546-2547 ผู้เชิญแขก บริษัทประชาสัมพันธ์ ของ ม.ร.ว.นริสสา ฉายาลักษณ์
2551 ร่วมออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานภายใต้แบรนด์ Odds and Ends ผลิตภัณฑ์สําหรับตุ๊กตา Blythe และ BJD กระเป๋าและเครื่องประดับสําหรับตุ๊กตา
2554 เปิดตัวแฟชั่นคอลเลกชั่นภายใต้แบรนด์ La Boutique วางจําหน่ายที่ บูติกสตรี สยามพารากอน ชั้น 1
หลักการตลาด : สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้แบรนด์มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
มองวงการดีไซเนอร์ไทย : ทำงานท้าทายตลอดเวลา เพราะปัจจุบันมีไทยดีไซเนอร์เยอะ จึงแข่งขันสูง ข้อดีทุกคนรักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้จะมีการก๊อบปี้สินค้าสำหรับตลาดล่างอยู่ตลอดเวลาก็อย่าหมดกำลังใจ สู้ต่อไป
แนะนำคนรุ่นใหม่ : อดทน ขยัน เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน เคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง


