นิว-จิ๋ว ฟ้าลิขิตให้เป็นคู่กัน
นักร้องหญิงดูโอแห่งยุคที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ต้องยกให้ “นิวจิ๋ว” (นภัสสร ภูธรใจปิยนุช เสือจงพรู) 2 สาวชาวเชียงใหม่เจ้า
โดย...นกขุนทอง ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
นักร้องหญิงดูโอแห่งยุคที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ต้องยกให้ “นิวจิ๋ว” (นภัสสร ภูธรใจปิยนุช เสือจงพรู) 2 สาวชาวเชียงใหม่เจ้า เพื่อนซี้ซึ่งชวนกันมาประกวดรายการเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปีหนึ่ง (2546)
ความผูกพันของทั้งคู่เริ่มต้นจากการที่รักร้องเพลงและประกวดร้องเพลงเหมือนๆ กัน ความผูกพันตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวันนี้ นิวจิ๋วบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟ้าเบื้องบนคงลิขิตให้มาคู่กันและคงไม่มีวันแยกจากกัน
‘คือสิ่งพิเศษที่จิ๋วคู่กับนิว’ จิ๋วปิยนุช เสือจงพรู
“รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ตอน ป.5 เพราะประกวดร้องเพลงเหมือนกัน เราอยู่คนละอำเภอ คนละโรงเรียน ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นอีกแบบหนึ่ง นิวรู้จักจิ๋วก่อนเจอตัวด้วยซ้ำ เพราะเพื่อนจิ๋วไปเล่าให้นิวฟังว่า จิ๋วชอบประกวดร้องเพลงเหมือนนิวเลย พอเจอกันครั้งแรกนิวเดินเข้ามาแนะนำตัว
หลังจากนั้นเราก็เจอกันตามเวทีประกวด ไม่ได้ชวนกันนะ แต่เราชอบเหมือนกัน ไม่เคยคิดว่าเป็นคู่แข่งเราด้วย เหมือนเรามาเจอกัน มาสนุกด้วยกัน และตอนนั้นเราร้องคนละแนว นิวถนัดเพลงสนุกเพลงเร็ว จิ๋วร้องเพลงช้า พอเจอกันบ่อยๆ เริ่มมีโทรหา ถามจะไปประกวดเวทีนี้ไหม ร้องเพลงไหนดี
มีช่วงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เราหายจากกันไป เพราะไปโฟกัสเรื่องเรียน และก็ได้มาเจอกันอีกครั้งตอนเรียนมหาวิทยาลัยพายัพ และได้ไปเป็นนักร้องที่ร้านคอทเทจด้วยกัน และนิวชวนจิ๋วมาประกวดเดอะสตาร์ ปีหนึ่งเลย ซึ่งเราสนิทกันสุดๆ ตอนนั้น เพราะเราต้องเจอกันทุกวัน อยู่ด้วยกันตลอด มาจากเชียงใหม่นั่งรถทัวร์มาด้วยกันสองคน เราต้องดูแลกันและกัน
ยิ่งเราติด 1 ใน 8 เราต้องย้ายจากเชียงใหม่มาอยู่กรุงเทพฯ ต้องดูแลชีวิตกันเอง จากเพื่อนก็กลายเป็นเพื่อนสนิท และความรู้สึกก็เหมือนญาติกันไปแล้ว ทำงานด้วยกัน พักที่เดียวกัน กินข้าวพร้อมกัน จนถึงทุกวันนี้ทำอะไรด้วยกันหมดเลย ซื้อบ้านก็โครงการเดียวกันอยู่ใกล้ๆ กัน ช็อปปิ้งด้วยกัน แต่เราจะคุยกันก่อนว่า อยากไปไหม ขอทำอันนี้ได้ไหม แชร์คนละครึ่ง
10 ปีที่เราอยู่กรุงเทพฯ เราดูแลกัน ไม่ใช่ญาติก็เป็นญาติไปแล้ว นิวน่ารักกับจิ๋วมาก ชอบดูแล เราไปไหนก็ไปส่ง เหมือนเป็นแฟนเราภาคผู้หญิง เหมือนเขาเต็มใจทำอะไรกับเราตลอด และทำให้เราได้เสมอ เรามีอะไรที่เหมือนกันบ้าง อาจเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด ไลฟ์สไตล์ ความชอบเลยใกล้กัน
เวลาเพื่อนมีแฟนก็มีหวงเหมือนกันนะคะ เป็นทั้งคู่ (หัวเราะ) เหมือนเราจะตั้งกำแพงขึ้นมา จะมาแย่งคิวเพื่อนฉันไหม เขาจะเป็นคนยังไง เหมือนช่วยๆ กันสแกน เหมือนเรากั้นไว้ก่อน แต่เป็นช่วงแรก เพราะเราต้องปล่อยให้เพื่อนเราได้เจอได้เรียนรู้เอง เราไปแทนในสิ่งที่เขาเจอไม่ได้หรอก ต้องปล่อยให้เขามี
เรื่องความรักก็มีคุยกัน นิวจะมาปรึกษา คือนิวจะมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เจอมา วันนี้เป็นแบบนี้ ฉันคิดมากไปไหม ฉันผิดไหม เราก็จะเป็นแนวไม่บิลด์ให้เพื่อนอารมณ์เยอะขึ้นไปเอง เราตบให้เบาๆ ลงมา
ทะเลาะกันมีบ้าง แต่การที่เราอยู่ด้วยกันได้นานๆ เราต้องก้าวและถอยคนละครึ่ง อันไหนเราไม่ชอบก็ปรับๆ กันดู แต่เราต้องไม่รู้สึกอึดอัด เราไม่ได้เปลี่ยนความต้องการของเธอของฉันคืออะไร แต่เราเข้าใจกัน ค่อยๆ มองกัน เห็นความเปลี่ยนแปลงเติบโตของกันและกัน และที่สำคัญเราไม่เคยทิ้งกันเพื่อเอาตัวรอด
ที่เราได้มาเจอกัน เป็นเรื่องของเบื้องบน ที่ให้คนคนหนึ่งมาเป็นเพื่อนเรา ไม่ใช่แค่คนประกวดร้องเพลง แต่คือคนที่มาอยู่ในชีวิตของเราเลย เหมือนอยู่เพื่อกันและกัน ไม่คิดว่าเราจะคบกันยาวนานขนาดนี้ จะสานต่อให้ดีที่สุด เพราะคือสิ่งพิเศษที่จิ๋วคู่กับนิว”
‘เราขาดคนนี้ไม่ได้’ นิวนภัสสร ภูธรใจ
“จิ๋วเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ เป็นคนพูดน้อยแต่ดูมีอะไร เงียบๆ อ่านความรู้สึกยาก เพิ่งมาจูนกันติดตอนทำงานร้องเพลงที่ร้านคอทเทจ อย่างนิวมีอะไรจะเดี๋ยวนั้นเลย แต่จิ๋วเป็นอารมณ์ไม่มีอะไรเคลียร์ ขอเวลาแป๊บหนึ่ง แต่เราเครียดนะ เราไม่เคยรู้สึกแคร์เพื่อนเท่านี้มาก่อน เราต้องจูนกันแค่ไหน แต่ด้วยความที่คลิกกันมากกว่าการที่ไม่เข้าใจกัน จึงทำให้เรายังเป็นเพื่อนกัน เราเติบโตกันมาเรื่อยๆ เราคุ้นเคยปรับความเข้าใจกัน นิวจะบอกกับจิ๋วเสมอว่า มีอะไรให้บอกมาเลย พูดด้วยความเข้าใจนะ เรารักกันนะถึงพูด ทุกวันนี้มีเรื่องอะไรเล่ากันได้เลย
ประมาณ 56 ปีที่แล้ว เราเคยทะเลาะกันรุนแรง เราไม่เคลียร์กัน เพราะมันจะมีเส้นบางๆ ถ้าเราพูดอะไรไม่ถูกต้องไป จะกลายเป็นความเข้าใจผิด อยากพูดออกมาแต่ก็ไม่พูด ห่างหายกันไปหนึ่งเดือน อยู่คอนโดเดียวกันคนละชั้น แต่ไม่เจอไม่คุย งานที่ทำด้วยกันแคนเซิลทุกอย่าง ตอนนั้นคิดว่าเป็นจุดแตกหักของเราแล้วล่ะ แต่พอเราได้มากลั่นกรองความรู้สึกของกันดีๆ เราขาดคนนี้ไม่ได้ ก็เลยมีการง้อกัน ด้วยวิธีเขียนใส่กระดาษแล้วไปสอดใต้ประตูห้อง เขียนตอบไปมาเกือบเดือน ขอโทษกันและกัน แต่ต่างไม่กล้าสู้หน้ากัน ช่วงนั้นอึดอัดมาก
จนวันหนึ่งเราต้องไปทำงานด้วยกัน เราก็ตื่นเต้น เจอกันจะทำยังไงดี แต่พอมาเจอกันจริงๆ แค่เห็นหน้า กำแพงทุกอย่างก็พังทลายลง เส้นบางๆ ที่ว่าก็หายไป เราปรับความเข้าใจกัน เหตุการณ์นั้นทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีสติขึ้น
บทเรียนจากตรงนั้น ทำให้เราได้คิดว่า ถ้าเราเห็นเพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนแท้ของเรา ไม่อยากปล่อยเขาไป เพราะความรู้สึกน้อยใจหรือไม่เข้าใจกัน คิดว่าเหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้นกับนิวกับจิ๋วอีก เพราะหลังจากนั้นเราเคลียร์คุยกันได้ทุกอย่างจริงๆ
ทุกวันนี้เราผูกพันกันมากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้อง ก็เคยมีความประหลาดใจว่าทำไมเราคบกันได้ยาวนานขนาดนี้ ชาติที่แล้วคงเป็นพี่น้องกัน
ที่ประทับใจจิ๋ว เป็นเรื่องความที่เขามีบุคลิกแตกต่างจากเรา ใส่ใจในความเป็นเพื่อน เขาไม่พูดเยอะ แต่เวลาเขาพูดทุกคำมันจริงมากๆ เขาห่วงใยเรานะ ทุกวันนี้ขาดเขาไปไม่ได้ เหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายเรา เราผูกพัน ผ่านเรื่องราวดีๆ ร้ายๆ มาด้วยกัน ฝ่าฟันมาด้วยกัน ถ้าวันที่มาประกวดเดอะสตาร์ จิ๋วไม่มาด้วย เส้นทางของเราคงแยกกัน
มีช่วงที่เราลำบากด้วยกัน ตอนรอทำอัลบั้ม 2 ไม่รู้จะอยู่ค่ายไหน ใครจะทำเพลงให้ ช่วงที่รอเราไม่มีงาน ไม่มีเงิน เราต้องไปรับงานร้องเพลงตามร้านอาหาร ตามโรงแรม ตอนนั้นได้งานที่ จ.นครสวรรค์ เรานั่งรถทัวร์ไปกันสองคน ทำแบบนี้เกือบปี เป็นช่วงที่ลำบากมาก แต่เราไม่ทิ้งกัน ที่สำคัญตอนนั้นคุยกันนะว่าเราเหมาะสมกับการเป็นศิลปินหรือเปล่า เพราะไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน เราจะแยกกันไปหาอย่างอื่นทำไหม แต่ในที่สุดเราก็ไม่หมดหวัง เราเติบโตมาด้วยกัน เติบโตมาเป็นคำว่านิวจิ๋ว จะให้เราไปเป็นนิวคนเดียวคงไม่ได้ เราทั้งคู่ไม่เคยมีความคิดที่จะไปโด่งดังด้วยตัวของฉันเองคนเดียว”


